เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Monthly Lover รักประจำเดือนTong Kornkitt
My Tuesday Morning รักชักจะลุ้น
  • เรื่องสั้นในชุด 'Monthly Lover รักประจำเดือน' - พฤษภาคม

    My Tuesday Morning รักชักจะลุ้น

    พฤษภาคมคือเดือนแห่งการเปิดเทอม หลายคนอาจจะมองว่ามันน่าเบื่อ แต่ไม่ใช่สำหรับเต เพราะในทุกเช้าของวันอังคาร เขาจะได้พบกับบางอย่างที่ทำให้ชีวิตเขาไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

    เพลงประจำเดือน
    แปดโมงเช้าวันอังคาร - Palmy



  • 1.

    "มาเช้าจังนะครับ เพื่อนเต วันนี้"

    โก้แซวผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในห้อง ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร แต่ก็ได้แต่ยิ้มแทนควาทรู้สึกของผม ไข่ที่เห็นหน้าผมแบบนั้นก็แซวผมต่อ

    "มันก็มาเช้าได้แค่วันอังคารน่ะแหละ วันอื่นมันก็สายตามเคย"

    โก้หันไปมองหน้าไข่แล้วพยักหน้าใส่กัน ก่อนจะหันมาโห่ร้องให้ผม ผมได้แต่เขิน ๆ ก่อนจะไปนั่งลงประจำโต๊ะของผม

    "เออ มึง" โก้ทักผมยิ้ม ๆ "วันนี้กูขอไปชักธงชาติแทนมึงได้ปะวะ? กูอยากเห็นหน้าคนนั้นของมึงอะ"

    ผมส่ายหน้า ก่อนจะหยิบสมุดในกระเป๋ามาฟาดหัวมันไปหนึ่งที

    "มันหน้าที่กูไหมล่ะ? ให้มึงไป เดี๋ยวอาจารย์ก็มาด่ากูเอา"

    "หน้าที่จริงเหรอ.." ไข่ลากเสียงยาวแซว ๆ "..เอาเหอะไอ้โก้ มันมีโอกาสแค่ชั่วโมงเดียวต่อสัปดาห์ที่จะเจอหน้าเขา ปล่อยให้มันได้มีความสุขของมันไปเถอะว่ะ"

    โก้พยักหน้ารับเชิงเห็นด้วย ผมยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะวางกระเป๋าลงแล้วหยิบสมุดตัวเองไปวางลงบนกองสมุดส่งหน้าห้อง

    "งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ" ผมหันไปบอกทั้งสองคนนั้น โก้และไข่ทำคิ้วขมวด

    "มึงจะรีบไปไหนวะ? กว่าจะเข้าแถวก็อีกตั้งสิบนาที" โก้ถามอย่างสงสัย ผมยักไหล่แทนคำตอบ

    "กูมีธุระต้องทำว่ะ"

    พูดจบผมก็เดินออกจากห้องโดยไม่รีรอ แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังสหกรณ์โรงเรียนทันที

    ผมเดินมองดูตามชั้นวางของเพื่อหาของที่ผมต้องการจะซื้อ เดินวนหาอยู่สามสี่รอบ แต่ผมก็ไม่ยักจะเจอของสิ่งนั้นแม้แต่น้อย ผมเริ่มถอดใจ จึงตัดสินใจเดินตรงไปหาพี่พนักงานแทนเพื่อสอบถามสิ่งของที่ผมตามหา

    "อ๋อ ซูกัสน่ะเหรอ?" พี่พนักงานถามผมหน้าตาเรียบเฉย ผมพยักหน้าแทนคำตอบ "มันก็ยังเหลือบนชั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ?"

    "มันไม่มีรสส้มน่ะครับ" ผมอธิบาย พี่พนักงานถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเดินพาผมวนรอบสหกรณ์อีกรอบ แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่เจอซูกัสรสส้มของผมอยู่ดี

    "น่าจะหมดจริง ๆ แหละ เอารสอื่นไปแทนได้ไหม?"

    ผมส่ายหน้า

    "ไม่มีเหลือในคลังเลยเหรอครับ?"

    พี่พนักงานมองผมด้วยสายตาดุ ๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกด้วยความรู้สึกผิดเล็ก ๆ พี่พนักงานลุกเดินหายไปในห้องเก็บของสหกรณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมซูกัสรสส้มหนึ่งแผง

    "ฉันควรจะเก็บเงินเธอเพิ่มดีไหม?"

    ผมได้แต่ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะรับซูกัสแผงนั้นมาแล้วก็ยื่นเงินให้พี่พนักงาน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ระฆังของโรงเรียนดังขึ้นพอดี ผมจึงรีบวิ่งออกไปจากสหกรณ์เพื่อไปเตรียมตัวข้างแท่นธงชาติ ผมยกมือทักทายบรรดาเพื่อนผู้เชิญธงของผม ก่อนจะชะเง้อมองหาคนที่ผมเฝ้ารอ

    เธอยืนอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงหัวแถว..

    อาจารย์ที่อยู่อีกฝั่งกวักมือเป็นสัญญาณให้พวกผมเดินขึ้นไปบนแท่นชักธงชาติ ผมเร่งใช้ฝีเท้าของผมเดินแซงทุกคนขึ้นไปจนไปหยุดอยู่ข้างหลังเธอ คนที่ผมตั้งใจมาเจอทุกเช้าวันอังคาร

    เธอเลือกเดินตรงไปยังส่วนของธงโรงเรียน ผมรีบจ้วงเท้าไปยืนข้างเธอ เธอหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย รอยยิ้มที่ทำให้ชีวิตของผมดูสดใสขึ้นอีกวัน มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป เธอรวบผมขึ้นมาทัดหู ก่อนจะแกะเชือกที่มัดอยู่ตรงเสาแล้วยื่นมาให้ผม แต่ผมแทบไม่ได้สนใจเชือกเลยสักนิด

    แม้ตอนนี้จะมีนักเรียนมากมายจากทุกระดับชั้นมารวมตัวกันอยู่ตรงลานอเนกประสงค์ แต่ตอนนี้สายตาของผมจับจ้องได้เพียงแค่เธอเท่านั้น

    วงดุริยางค์เริ่มมารวมตัวกันข้างแท่นเสาธง ผมหันมองดูบรรดาเพื่อนผู้เชิญธงของผมที่เหลือ ทั้งธงสีและธงโรงเรียน ก่อนจะหันมาจัดแจงธงชาติให้ง่ายต่อการชักขึ้น

    แม้วันนี้อากาศจะไม่ร้อน แต่มือผมเปียกชุมไปด้วยเหงื่อ เสื้อนักเรียนสีขาวของผมเปียกเหงื่อจนแนบตัว ผมปาดเหงื่อออกจากหน้า ก่อนจะสังเกตเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกยื่นมาให้ผม

    "ร้อนเหรอ?"

    เสียงนั้นใสจนตัวผมแทบจะละลายเป็นสายน้ำ ผมรับผ้าเช็ดหน้าจากเธอมาก่อนจะซับเหงื่อบนใบหน้าของผม

    "เดี๋ยวซักให้นะ" ผมหันไปพูดกับเธอเบา ๆ เธอพยักหน้าแล้วยิ้มรับเล็ก ๆ

    เสียงกลองแต๊กและกลองใหญ่ของวงดุริยางค์เริ่มบรรเลงเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเคารพธงชาติแล้ว ผมพ่นลมหายใจออกเบา ๆ ก่อนจะหันมาสนใจการเชิญธงชาติขึ้นสู่หัวเสาให้ทันบทเพลงที่จะจบลง

    สิ้นเสียงเพลงชาติ ผมกับเธอโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะยื่นเชือกฝั่งของเธอให้ผม ผมรับเชือกมาจากเธอแล้วมัดไว้กับเสา ก่อนจะถอยหลังออกมาแล้วนั่งลงที่ข้างหลังแท่น เพื่อเข้าสู่ช่วงสวดมนต์ และช่วงที่ผู้อำนวยการจะขึ้นมาพูดปราศรัยนู่นนี่นั่นยาว ๆ

    หลาย ๆ คนคงยากจะให้ผู้อำนวยการรีบ ๆ พูด รีบ ๆ ไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่สำหรับผม ผมกลับอยากให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันเป็นโอกาสเดียวต่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผมจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเขาขนาดนี้

    ผมหยิบซองซูกัสออกมาจากกระเป๋ากางเกง แกะห่อ แล้วส่งยื่นหนึ่งเม็ดให้เธอ เธอมองหน้าผมแล้วคิ้วขมวดเล็ก ๆ

    "ถือว่า ขอบคุณเรื่องผ้าเช็ดหน้านะ"

    เธอยิ้มรับก่อนจะแกะห่อซูกัสออกแล้วโยนใส่ปาก ผมมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

    "ขอบใจนะ" เธอพูดกับผมยิ้ม ๆ ก่อนจะจากไปพร้อมเสียงเพลงของวงดุริยางค์ที่เริ่มเล่นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาขึ้นห้องเรียนแล้ว

  • 2.

    "นี่ถ้ากูซื้อหวยแล้วเดาแม่นเหมือนเวลาที่มึงมาถึงโรงเรียนแบบนี้นะ กูเป็นเศรษฐีไปละว่ะ" ไข่แซวผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้อง ผมวางกระเป๋านักเรียนลงก่อนจะคว้าสมุดในเก๊ะขึ้นมาวางบนโต๊ะ

    "ขอลอกการบ้านเลขหน่อย เมื่อวานกูลืมเอาสมุดกลับ" ผมหันไปพูดกับโก้ โก้พยักเพยิดไปหน้าห้อง
    "เชิญเลือกเต็มที่เลยครับ อยากจะลอกของใคร สมุดอยู่หน้าห้องนู่น"

    ผมถอนหายใจให้กับการไม่ให้ความร่วมมือของเพื่อนผม ก่อนจะเดินไปคว้าสมุดหนึ่งเล่มบนโต๊ะนั้นแล้วมาเปิดลอกทันที

    "ทำไมมึงไม่ไปหาเขาที่ห้องวะ? จะต้องมาเจอกันทุกตอนเช้าวันอังคารแบบนี้เพื่ออะไร?" โก๊ะถามแซว ๆ ผมไม่สนใจยังก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านต่อไป ก่อนจะได้ยินเสียงของมือกระทบเข้ากับบางอย่างเบา ๆ

    "มึงนี่ เป็นเพื่อนกับไอ้เตมาตั้งห้าปี ไม่รู้เหรอว่ามันป๊อดจะตายเรื่องพวกนี้"

    ทั้งสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่ผมไม่ได้สนใจเสียงของมันหรอก คิดเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกา และใช้เวลาในการลอกกานบ้านต่อไป

    "แต่เอาจริง ๆ นะ.." อยู่ ๆ ไข่ก็เปลี่ยนมาใช้เสียงโทนจริงจัง "..ตั้งแต่เปิดเทอมมาสองสัปดาห์ กูว่ากูก็ไม่เคยเห็นหน้าคนที่มันแอบชอบเลยว่ะ ยกเว้นแค่วันอังคารวันเดียว"

    เสียงฝ่ามือกระทบของบางอย่างดังขึ้นอีกครั้ง ผมคิดว่าน่าจะเป็นโก้ที่ตบกะโหลกไข่นี่แหละ

    "มึงพูดอย่างกับมึงเคยเห็นหน้าคนที่เชิญธงชาติกับมันชัด ทั้ง ๆ ที่มึงกับกูก็ไม่เคยเห็นคนนั้นใกล้ ๆ เลยสักครั้ง"

    เสียงตบกะโหลกดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้น่าจะเป็นไข่ที่ทำใส่โก้

    "มึงมันไม่รู้อะ สายตากูอย่างกะเหยี่ยว ถึงพวก ม.ปลาย จะยืนไกลจากเสาธง แต่สายตากูชัดแจ๋วนะครับ"

    "กูว่ามึงเตี้ยมากกว่า มึงเลยได้ยืนข้างหน้าไง ระยะทางมันร่นลงมา.."

    แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงตบกะโหลกกันไปมาอยู่อีกพักใหญ่ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือเร่งปั่นการบ้านให้เสร็จก่อนจะได้เวลาเข้าแถว

    ผมเร่งมือบดปากกาลงบนสมุดพลางจ้องมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงนาที เสียงกริ่งที่เป็นสัญญาณก็จะดังขึ้น ผมยังไม่ทันได้ซื้อของที่ผมต้องซื้อทุกเช้าเลย

    ทันทีที่ปากกาของผมจรดตัวเลขสุดท้ายลงบนกระดาษ ผมรีบวิ่งนำสมุดทั้งสองเล่มของผมไปวางลงบนโต๊ะหน้าห้อง ผมรีบวิ่งออกไปจากห้องแล้วตรงไปยังสหกรณ์ทันที แต่มันไม่ทันเสียแล้ว..

    เสียงกริ่งสัญญาณดังขึ้นทันทีที่ผมแทรกตัวเข้ามาในสหกรณ์ได้ ผมรีบวิ่งวนหาซูกัสรสส้มของผมทุกชั้น แต่ทว่า..

    "มานี่" เสียงของพี่พนักงานดังขึ้นทันทีที่เห็บใบหน้าอันผิดหวังของผม ผมเดินตรงไปหาพี่พนักงานด้วยแววตาเศร้า ๆ พี่พนักงานดึงลิ้นชักออกก่อนจะยื่นซูกัสรสส้ทให้กับผม "เห็นมาซื้อทุกวัน ก็เลยเก็บไว้ให้"

    ผมยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ผมรีบยื่นเงินให้พี่พนักงานแล้วพุ่งตัวไปยังแท่นธงชาติทันที แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมหมดหวังลงอีกครั้ง

    เธอยืนคู่กับคนอื่นไปแล้ว..

    ไม่ทันให้ผมได้เสียใจ อาจารย์ก็ผลักผมให้ขึ้นไปยืนคู่กับนักเรียนหญิงคนอื่นที่ธงโรงเรียน ผมยิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเชือกมายื่นให้นักเรียนหญิงคนนั้น แต่สายตาผมไม่ได้ละไปจากเธอเลยแม้แต่น้อย

    แม้ผมจะไม่ได้ยืนข้างเธอในวันนี้ แต่การได้มองเธอจากมุมนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไม่ต่างกัน ผมตั้งใจเชิญธงเช่นเดิม ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เดิมเพื่อทำการสวดมนต์และฟังบรรยายจากผู้อำนวยการ

    ตอนนี้ที่นั่งระหว่างเธอกับผม ถูกคั่นด้วยนักเรียนหญิงที่เชิญธงกับผม และนักเรียนชายที่เชิญธงกับเธอ ยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างผมกับเธอยิ่งมากขึ้นไปอีก นี่เป็นวันแรกเลยที่ผมอยากให้พิธีกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลงเร็ว ๆ ในวันอังคารตอนเช้า

    ผู้อำนวยการยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงเวลาที่อาจารย์หมวดภาษาต่างประเทศขึ้นมา และบอกว่าวันนี้จะมีประกาศรางวัล ซึ่งเป็นรางวัลของนักเรียนทุนเพื่อไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศเป็นเวลาสามปี

    "..และนักเรียนที่ได้รับทุนไปเรียนที่ต่างประเทศของเราในปีนี้ได้แก่ นางสาวจินต์จุฑา พาณิชยศักดิ์ นักเรียยระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ขอเสียงปรบมือให้เพื่อนด้วยค่ะ"

    เสียงปรบมือดังลั่นทั่วโรงเรียน มีเพียงผมที่ยังไม่สามารถปรบมือได้อย่างเต็มที่

    ผมรู้จักชื่อนี้ดี มันเป็นชื่อของคนที่ผมแอบชอบมาตลอด

    เธอลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปยังอาจารย์ ยกมือไหว้อาจารย์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผิดกับผมที่เต็มไปด้วยความสับสนและผิดหวังไปพร้อม ๆ กัน

    จากสัปดาห์ละชั่วโมง หลังจากนี้ไป ผมจะไม่มีโอกาสแม้แต่วินาทีเดียวต่อสัปดาห์ที่จะได้เห็นหน้าเธออีกแล้วใช่ไหม

    ผมโยนซองซูกัสลงถังขยะทันทีที่เราเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ แล้วเดินจ้ำอ้าวกลับห้องโดยไม่แม้แต่จะฟังคำเรียกของใคร

    แล้วเช้าวันอังคารของผมมันจะไปมีค่าอะไรเมื่อไม่มีเธออีกต่อไป..

  • 3.

    ผมไม่ได้เห็นหน้าเธออีกเลยหลังจากนั้น

    โก้กับไข่เองก็พยายามไม่พูดเรื่องของเธอให้ผมฟังอีก เพราะพวกเขาก็ไม่อยากจะทำให้ผมต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้

    เช้าวันอังคารของผมกลายเป็นเช้าที่แสนน่าเบื่อ ผมบอกกับอาจารย์ไปว่า ผมไม่อยากจะชักธงชาติทุกเช้าแล้ว เพราะต้องนำสมุดการบ้านไปส่งในทุกเช้า ซึ่งอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร และได้จัดการหาคนมาเชิญธงแทนผมทุกเช้าวันอังคาร

    จนบัดนี้ผมขึ้น ม.6 แล้ว ก็ยังไม่มีแม้แต่ข่าวคราวของเธอให้ผมได้ฟังหรือรับรู้ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรอีกแล้ว

    ทันทีที่ผมเปิดเทอม ผมเลือกที่จะเดินมาหาพี่พนักงานและขอสมัครเป็นผู้ช่วยของสหกรณ์ ซึ่งพี่ก็เต็มใจรับและได้ทำการเปิดอีกโต๊ะหนึ่งให้ผมได้เก็บเงิน เพราะพี่เองก็ต้องการหาคนใาช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้อยู่เหมือนกัน

    ผมรับขนม นม เนย น้ำ หรือแม้แต่เครื่องเขียนมาทำการบันทึกไว้ แล้วทอนเงินไปตามจำนวน รวมไปถึงซูกัสรสส้ม..

    "เมื่อไหร่จะคืนผ้าเช็ดหน้าเราล่ะ?"

    เสียงหนึ่งที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น ผมมองซูกัสรสส้มในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูกค้าคนนั้น

    เธอนั่นเอง..

    เธอคนที่ผมเคยอยากเจอทุกเช้าวันอังคาร..

    "เอ่อ.."

    ผมทำตัวไม่ถูก มือไม้สั่น เหงื่อเริ่มผุดออกมาจากหน้าผากโดยไม่รู้ตัว เธอยิ้มให้ผมแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเธอยังกลับมาทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง

    "เฮ้ย ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น เรายกผ้าให้เธอก็ได้"

    น้ำเสียงของเธอยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนเธอในวันนั้น ผมอยากบอกกับเธอว่าผมไม่ได้กังวล แต่ผมดีใจต่างหาก ที่ผมได้พบกับเธออีกครั้ง แม้วันนี้จะไม่ใช่เช้าวันอังคารก็ตาม

    "งั้นเรา.. ขอซูกัสอันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนนะ" เธอพูดพลางชี้มายังซูกัสในมือผม ผมพยักหน้าก่อนจะยื่นมันให้เธอ เธอยิ้มรับแล้วเดินจากไปจากสหกรณ์

    "นี่.." พี่พนักงานทักผม "..จะไม่ออกไปคุยกับเขาหน่อยเหรอ?"

    พี่พนักงานพูดจบก็เรียกนักเรียนที่เข้าแถวอยู่ตรงฝั่งผมให้ไปต่อแถวฝั่งของพี่ทันที ผมยกมือไหว้เล็ก ๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากสหกรณ์ไปเพื่อตามเธอให้ทัน

    "เอ่อ.. นี่.." ผมทักเธอทันทีที่วิ่งมาหยุดด้านหลัง เธอหันมาหาผมแล้วยิ้มกว้าง

    "มีอะไรเหรอ?"

    ผมเม้มปากเพื่อกลบความแห้ง

    "เรา.. เรา.. เราชื่อเตนะ"

    เธอยิ้มแล้วพยักหน้ารับ

    "อืม.. เต" เธอเรียกชื่อผม "เราชื่อเมนะ"

    "อ๋อ.. เม.. ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

    "อืม.. ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

    เธอยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินจากไป ผมมองเธอเดินจากไปจนลับสายตา แล้วยิ้มกว้าง
    บางที มันก็ไม่สำคัญหรอกว่า มันจะเป็นวันไหนหรือเมื่อไหร่

    ผมรู้แค่ว่า ผมมีความสุขทุกเวลาที่ได้เจอเธอ ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ได้ฟังเสียงของเธอ ได้ยืนเป็นคนข้าง ๆ เธอ

    ผมอาจจะมีวันอังคารไว้เพื่อพบเธอ

    แต่ผมจะคิดถึงเธอไปทุก ๆ วัน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in