เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Fic Mo dao zu shialexandar_lin
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน หลานวั่งจี/เว่ยอู๋เซี่ยน : เรื่องราวหลังจากนั้น (18+/Mpreg)
  •             อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่แห่งกูซู ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาลึกไกลออกไปจากเมืองกูซูมีศาลาริมน้ำรายล้อมด้วยหมู่แมกไม้ มีหมอกเมฆแห่งขุนเขาปกคลุมดั่งกำแพงขาวหนาทึบตลอดปีตัดกับกระเบื้องหลังคาสีดำ

                หลังจากที่ หานกวงจวินหลานวั่งจีแห่งกูซู ขึ้นรับตำแหน่งเซียนตู และ ปรมาจารย์อี๋หลิง เว่ยอู๋เซี่ยน ได้ออกเดินทางท่องยุทธภพผ่านมา 1 ปี การเดินทางของปรมาจารย์อี๋หลิงก็จบลงทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้งที่กูซูไม่นานจากนั้นที่กูซูก็ได้ประกาศข่าวงานมงคลขึ้น

                อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ที่มีเพียงสีขาวและฟ้าในวันนี้กลับมีสีแดงของงานมงคลและอักษรมงคลสีแดงสดประดับไปทั่ว เหล่าอนุชนสกุลหลานที่มักแต่งกายชุดลายเมฆาสีขาวสะอาดตอนนี้ทุกคนต่างก็สวมผ้าผูกเอวสีแดงเอาไว้ด้วยเป็นพิเศษในวันนี้

    .......

                ตลาดท่าน้ำ เมืองไฉ่อี

    “ผีผาไหม เก็บสด ๆ เลย..”

    ฟุ่บ!

    “อ่ะ..”น่านฟ้าเมืองไฉ่อีมีกลุ่มเซียนขี่กระบี่บินผ่านเมืองตรงขึ้นไปยังอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่อีกขบวนแล้วในวันนี้

    “ตระกูลเซียนมาอีกกลุ่มแล้ว/เป็นงานที่น่ายินดีนี่นะ”

    “นี่ ๆ พี่สาวทำไมวันนี้ที่เมืองดูมีพวกตระกูลใหญ่มาขึ้นท่าที่นี่เยอะจริง? มีงานอะไรกันหรือ?”หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยถามแม่ค้าผีผาที่ยู่ตรงนั้น

    “นี่เจ้าไม่รู้หรอ? ข้าได้ยินว่ามาคุณชายรองของสกุลหลานแห่งกูซูกำลังจะแต่งงาน!”แม่ค้าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “จริงเหรอ! ... เจ้าสาวต้องงดงามเป็นแน่น่าอิจฉาจัง”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเคลิบเคลิ้ม

    “แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสาวเป็นบุรุษรูปงามนะ”แม่ค้าสาวกระซิบบอกหญิงสาวนางนั้นด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและใบหน้ามีริ้วสีแดง

    !! จ จริงเหรอเนี้ย”หญิงสาวเอามือป้องปากด้วยความตกใจ

    “จริงสิ ได้ยินมาว่า บุรุษผู้นั้นรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าสตรีใดเสียอีก!

    .......

                ตัดมาทางด้านของบุรุษผู้มีรูปโฉมงดงามที่เป็นที่กล่าวขานกันดูบ้าง

                เรือนวิเวก

    “เว่ยอู๋เซี่ยน นั่งให้มันดี ๆ หน่อย”ชายหนุ่มในชุดสีม่วงเข้มมีผ้าคาดเอวเป็นสีแดงเป็นสีมงคลเขากล่าวเตือนผู้ที่เป็นดั่งพี่ชายในครอบครัวของเขา ที่นั่งรออยู่บนเตียงเจ้าบ่าว

    “ก็มันเบื่อนี่นาเจียงเฉิง”เสียงหวานเอ่ยอย่างแง่งอนดังลอดมาจากใต้ผ้าคลุมหน้าสีขาวพิสุทธิ์

                เว่ยอู๋เซี่ยนหรือเว่ยอิง ในตอนนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงสด ปักลายเมฆาขดสีเงินสัญลักษณ์ของสกุลหลานและลายนกกระเรียงสีทอง ใบหน้าหวานสดใสที่มีความประหม่าเต็มที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงบาง ๆ ปักลายขอบผ้าด้วยไหมเงินลายเมฆขดอย่างปราณีตสองมือกุมเข้าหากันแน่น ขยับตัวยุกยิกไปมาอยู่ไม่สุขรอคอยเจ้าบ่าวที่ยังถูกกักตัวอยู่ข้างนอก

    “เบื่อหรือว่าตื่นเต้นกันแน่”เจียงเฉิงเอ่ยแซะอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

    “..เหอะ! อย่าให้ถึงทีของเจ้ากับเจ๋ออู๋จวินบ้างให้มันรู้ไป”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวเสียงห้วนอย่างต้องการจะหาเรื่อง

    “เจ้า!!”เจียงเฉิงใบหน้าขึ้นสีระรื่อมองค้อนผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชาย

    “ฮ่า ๆๆ ...”เว่ยอู๋เซี่ยนหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างชอบใจเมื่อได้เห็นริ้วสีแดงจากใบหน้าของน้องชายแม้จะมองไม่ชัดเท่าไหร่นักเพราะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็ตามที

    “เจ้านะเจ้า เว่ยอู๋เซี่ยน”เจียงเฉิงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

    “น่า ๆ ช้ารึเร็วตัวเจ้าก็ไม่พ้นมือเจ๋ออู๋จวินหรอก”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดเสียงเจือความขบขัน

    “แต่งงานจวนจะเข้าหออยู่แล้วยังจะมากวนอารมณ์ข้าได้อีก”เจียงเฉิงพูดเสียงเบา

    “...ข้าอยากให้ศิษย์พี่อยู่ที่นี่ด้วยจริงๆ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพร้อมรอยยิ้มเศร้า

    “พี่อยู่กับพวกเราเสมอ”เจียงเฉิงพูดแล้วตบไหล่เว่ยอู๋เซี่ยนเบา ๆ

    “อ่า.. นั่นสินะ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูด

                แล้วทั้งสองต่างก็พากันเงียบไปพร้อมๆ กัน

    “เจียงเฉิง..”

    “หืม?”

    “.... ข้าหิวแล้วอ่ะ”เว่ยอิงกล่าวเสียงออดอ้อน ดวงตากลมโตสีดำมองไปยังอาหารที่อยู่ที่โต๊ะ

    “รอไปก่อน เจ้าบ่าวยังไม่มาเลย”เจียงเฉิงพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

    “ขอแค่จิบสุราก็ยังดี”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวเสียงเล็กเสียงน้อย

    “สุรามงคมต้องรอกินพร้อมกับเจ้าบ่าวสิ”เจียงเฉิงคงยกไม่ยอมให้พี่ชายของตนต่อ

    “แล้วเมื่อไหร่เขาจะมากันล่ะ”เว่ยอู๋เซี่ยนถามเจียงเฉิงทันทีปากเม้มเข้าหากันอย่างขัดใจ

    “เฮ้อ ..งั้นเดี๋ยวข้าไปดูให้แล้วกัน”เจียงเฉิงทนความงอแงของพี่ชายตนไม่ไหวจึงลุกขึ้นออกไป

    “อยู่นิ่ง ๆ ห้ามกินอะไรโดยเฉพาะเหล้า ห้ามลุกออกจากเตียงด้วยเข้าใจไหม?”ก่อนจะออกไปก็หันมาบอกเว่ยอู๋เซี่ยนที่ทำท่าจะลุกจากเตียง

    “..เข้าใจแล้วน่าอาเฉิง”เว่ยอู๋เซี่ยนรีบนั่งดี ๆ ก่อนจะพูด

    “.....”เจียงเฉิงมองเว่ยอู๋เซี่ยนอีกครั้งก่อนจะยอมเดินเข้าไปที่งาน

    ……

    “....”เว่ยอู๋เซี่ยนมองสำรวจรอบ ๆ ห้องนอนผ่านผ้าคลุมสีแดง

                ห้องที่คุ้นเคยที่เขาเคยมาอยู่หลายครั้งหลายคราวในวันนี้กลับรู้สึกไม่คุ้นชินเอาซะเลย เทียนหอมสีแดงถูกประดับในห้อง สีแดงประดับในห้องอย่างที่ไม่สามารถหาได้ง่ายๆในแบบแต่ก็สมกับที่เป็นตระกูลหลานแห่งกูซูดี

    นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้คุยกับหลานจ้าน..เจอกันอีกทีก็ตอนกราบไหว้ฟ้าดิน.. เว่ยอู๋เซี่ยนคิดนั่งเอนหลังพิงกับหมอนก่อนงานแต่งร่วมเจ็ดวันที่ตนกับหลานวั่งจีไม่ได้เจอหน้ากัน

    “ฮืม..”ชายหนุ่มถอนหายใจยกมือถูปลายจมูกของตัวเองเบา ๆแก้อาการเขินของตน

    หลานจ้านก็ยังคงเป็นหลานจ้านนั่นล่ะทำหน้าจริงจังตลอดเวลา... แต่ข้ารู้สึกว่าเขามีความสุขมาก ๆ ในวันนี้ถึงไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ก็ยังดูหล่อเหลา..เว่ยอู๋เซี่ยนคิดถึงใบหน้าเย็นชาที่ดูคมคายในชุดสีแดงตอนที่กราบไหว้ฟ้าดินร่วมกัน

    “นี่ข้าคิดอะไรของข้ากัน..”เว่ยอู๋เซี่ยนส่ายหน้าไปมา แล้วมองไปยังหน้าประตูดรือนวิกเวกที่ตอนนี้เป็นเรือนหอของพวกเขาแล้ว

                กว่าจะมีวันนี้ได้หลานวั่งจีนั้นต้องคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักใหญ่เพื่อขอร้องท่านลุงอยู่นานกว่าท่านลุงจะใจอ่อนยอมให้ก็สามวันสามคืนไปแล้ว

    เป็นหลานจ้านนี่นับว่าไม่ง่ายเลย เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวอย่างหนักใจ

    แกรก แอดด...

    “?? หลานจ้าน.. มาแล้วเหรอ?”เว่ยอู๋เซี่ยนลุกขึ้นนั่งดี ๆในทันทีที่ได้เสียงประตูเปิด

    “.....”มองผ่านผ้าคลุมหน้านั้นเขาเห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่ที่เดินมาอยู่ตรงหน้าของเว่ยอู๋เซี่ยนเท่านั้นและเมื่อเข้าใกล้ขึ้น เขาจึงได้กลิ่นเหล้าจากตัวของร่างสูงด้วย

    หลานจ้าน นี่เจ้าคงไม่ได้ดื่มมาใช่ไหม? เว่ยอู๋เซี่ยนมองสามีหมาด ๆ ของตนด้วยความกังวล เพราะตนนั้นไม่สามารถคาดเดาการกระทำของอีกฝ่ายยามที่เมาได้เลย

    “ล หลานจ้าน มาซักทีนะ เปิดผ้าคลุมหน้าที ข้าหิวจะแย่อยู่แล้วนะแล้วเราก็ต้องดื่มเหล้ามงคลด้วย อ้อใช่ข้ามีเรื่องที่..”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดยังไม่ทันจบหลานวั่งจีก็เปิดผ้าคลุมหน้าของเขาขึ้นให้ได้เห็นหน้ากันชัด ๆ

    “พูดมาก..”หลานวั่งจีพูดแค่นั้นและก้มลงปิดปากช่างพูดนั้นด้วยปากของตัวเอง

    “อื้อ...อ่า เดี๋ยวสิหลานจ้าน มาดื่มเหล้ามงคลก่อน ดื่มเหล้ามงคลก่อน!”เว่ยอู๋เซี่ยนรีบผละตัวออกมาจากคนตัวโตแล้วลุกออกมาที่โต๊ะกินข้าวคว้าจอกเหล้ามาส่งให้อีกฝ่าย

    “.....”หลานวั่งจีมองจอกเหล้าในมือนิ่ง ๆ ก่อนจะเงยหน้ามามองภรรยาหมาดๆ ของตน

    “ทำแบบนี้...คล้องแขนกัน แบบนี้ ...แล้วก็ดื่มนะ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดและยกมือข้างที่ถือจอกเหล้ามงคลมาคล้องแขนของอีกฝ่ายแล้วทำท่ายกสุราขึ้นดื่มให้สามีดู

    “....อืม”หลานวั่งจีส่งเสียงในลำคอ แล้วค่อย ๆ ยกสุราขึ้นดื่มเว่ยอู๋เซี่ยนก็ยกดื่มไปพร้อมกัน

    “หวานดีจัง”เว่ยอู๋เซี่ยนยกยิ้มพอใจในสรชาติหวานหอมและความรู้สึกร้อนยามที่กลืนลงคอของเหล้ามงคลนั้น

    “...หลังจากนี้ก็... ฝากตัวด้วยนะ สามี..ใช่แล้วก็ขอให้ไม่ต้องแยกจากกันอีก”เว่ยอู๋เซี่ยนยกยิ้มและค้อมหัวให้สามีของตนเล็กน้อยด้วยท่าทางประหม่า

    “....”

    “อะแฮ่ม ..มาๆ ข้าเอาไปเก็บนะ อ่ะ!” ก่อนจะแก้ความขัดเขินของตนด้วยการเอาจอกสุราไปเก็บที่โต๊ะ

    “....”แต่ก็ถูกหลานวั่งจีคว้าเอวให้กลับมานอนลงที่เตียง

    “ล หลานจ้าน!”เว่ยอู๋เซี่ยนเกร็งตัวขึ้น จอกเหล้าในมือร่วงลงทันทีเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับคนที่กอดตนเอาไว้

    “.....”หลานวั่งจีไม่พูดอะไรริมฝีปากกดลงที่หลังของขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมาและมือก็เลื่อนลงที่ผ้าคาดเอวของเว่ยอู๋เซี่ยน

    “ล หลานจ้าน พี่รองหลาน ..ท่านดับเทียนก่อนได้ไหม”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดมือบางจับมืออีกฝ่ายที่เริ่มซุกซน

    “เทียนงานมงคล ดับไม่ได้”หลานวั่งจีพูด เขารวบมือเล็ก ๆทั้งสองของเว่ยอู๋เซี่ยนขึ้นและผูกด้วยผ้าคาดหน้าผากของตนตรึงเอาไว้ที่หัวเตียง

    “อ๊ะ หลานจ้าน เจ้ามัดข้าแน่นเกินไปแล้ว อุ๊บ!”เว่ยอู๋เซี่ยนพยายามประท้วง แต่คำประท้วนก็ถูกลืนไปในลำคอ

                ริมฝีปากบดเบบียดริมฝีปากนุ่มนิ่มปิดกั้นคำพูดช่างเจรจาของร่างบอบบางเอาไว้ริ้นร้อนแทรกเข้าไปกอบโกยความหวานจากภายในกลิ่นสุราชั้นเลิศลอยอบอวลอยู่ในปากของทั้งสอง

    “อือ..ฮ่าห์..อุ่บ”ริมฝีปากละออกจากกันเว้นจังหวะให้คนใต้ร่างได้หายใจแต่แล้วิมฝีปากก็ประกบลงแนบสนิทอีกครั้งด้วยคนตัวโตเอาแต่ใจอีกครั้งและอีกครั้ง

    “อือ..อืม”เว่ยอู๋เซี่ยนหลงมัวเมาด้วยรสชาติความวาบวามที่คนเบื้อบนส่งมอบมาให้อย่างแนบแน่น

                เรียวลิ้นอุ่นร้อนไล่ต้อนลิ้นของตนไปทั่วกลิ่นรสของสุรามงคลทำให้สมองของร่างบางเริ่มว่างเปล่าและเผลอตอบรับไปอย่างใสซื่อร่างกายอ่อนปวกเปียกไร้แรงอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เสื้อผ้าของเขาค่อย ๆหลุดไหลลงไปกองอยู่ข้างเตียง

    “อืม.. อ๊ะ ล หลานจ้าน..อือ...ไม่เอา ไม่ อืม..”เว่ยอู๋เซี่ยนผวาเฮือกร่างกายสั่นเกร็งด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกกระทำอยู่ตรงส่วนช่วงล่างของตนและปากเล็กนุ่มนิ่มนั้นก็ถูกปิดอีกแล้ว

    “....อืม”เสียงครางต่ำดังลอดออกมาจากลำคอด้วยความพอใจมือก็ยังไม่หยุดปนปรอให้แก่อีกฝ่ายไม่ขาด มือหนารูดรั้งความปรารถนานั้นเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงครางหวานดังลอดมามากขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงอารมณ์ที่พุ่งทะยาน

    “อือ ๆๆ อ๊า!.. ล หลาน.. หลานจ้าน ฮือ..จะ ออก..!! อื้อ!”ร่างบอบบางกระตุกเกร็ง เขาเม้มปากกลั้นเสียงร้องธาราความปรารถนาหลั่งออกมาเลอะเต็มฝ่ามือของหลานวั่งจี

    “.....”

    “หลานจ้าน! นั่นเจ้าทำอะไร! อ๊ะ.. หลานจ้านไม่ได้นะ ..มัน...สกปรก”แทบไม่ให้ได้พักหายใจเว่ยอู๋เซี่ยนรับสึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาทางช่องทางด้านหลังของตน ร่างกายจะขยับหนีก็ทำไม่ได้อย่างใจ

    “ไม่”เสียงทุ่มกล่าวอย่างดื้อดึงปลายนิ้วเรียวชักเข้าออกช่องทางสีอ่อนนั้นอย่างเนิบช้าและเพิ่มนิ้วเข้าไปเป็นสองนิ้ว และแทรกลึกเข้าไปมากกว่าเดิมและกดเข้าที่จุดหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจช่องทางนั้นกระตุกบีบรัดนิ้วมือของหลานวั่งจีแน่น

    “อ๊า! ม เมื่อกี้มัน..ฮึก..”เว่ยอู๋เซี่ยนครางไม่ได้ศัพท์ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เข้าใจ และสับสนจนทำให้ตนคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป

    “ตรงนี้..”หลานวั่งจีได้ยินอย่างนั้นจึงวนย้ำ ๆ ที่จุดเดิมทำให้ร่างบางใต้ร่างของเขาบิดเร่าครวญครางนักกว่าเดิม ส่วนกลางกายที่ถูกทำให้สงบไปแล้วเริ่มกลับมาอีกครั้งใบหน้าสวยขึ้นสีแดงจัด ริมฝีปากบวมแดงเผยอออกหอบหายใจเป็นภาพที่ทำลายสติความอดทนของหลานวั่งลงในที่สุด

    ฟึ่บ!...

    “อ๊ะ!?”ผ้าคาดหน้าผากที่ตรึงมือของเว่ยอู่เซี่ยนกับหัวเตียงถูกคลายออกจากหัวเตียงแต่สองมือยังคงถูกผูกเอาไว้ จากนั้นร่างบางถูกพลิกในนอนคว่ำลงบั้นท้ายถูกมือหนาประคองขึ้นสูงในท่าที่น่าอายและตามมาด้วยการทาบทับของร่างกำยำด้านบนลมหายใจเป่ารดอยู่ที่ลำคอทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนซุกหน้าลงกับเตียง

    “อิง..”เสียงทุ่มเรียกชื่อของคนรักและส่วนแข็งขืนที่ดุนดันอยู่หน้าช่องทางสีอ่อน พาให้ใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าหน้าหนาที่สุดยังต้องแดงจัดด้วยความเขินอายความร้อนไล่ไปทั่วใบหน้าจนมาถึงใบหู

    “.....”หลานวั่งจีเห็นใบหูสีแดงนั้น รอยยิ้มหายากปรากฎขึ้นเขาเลื่อนขึ้นไปขบเม้มใบหูของอีกฝ่ายด้วยความมั่นเขี้ยวก่อนหน้านั้นล้วนเป็นอีหฝ่ายที่ชอบหยอกล้อ ยั่วยุให้ตนต้องเขินอายแต่พอเอาเข้าจริง คนหน้าหนากลับมานอนตัวแดงอยู่ใต้ร่างเขาเสียงอย่างนั้นแบบนี้ยิ่งอยากทำให้อีกฝ่ายเขินมากกว่านี้

    “ล หลานจ้าน เจ้าไปรู้เรื่อง พ พวกนี้ได้ยังไง อ๊ะ อื้อ!~”เว่ยอู๋เซ่ยนถามเสียงสั่นเครือเขาไม่คิดว่าคนอย่างหานกวางจวินนั้นจะรู้เรื่องหลงหยางแบบนี้

    “หอคำภีร์”คำสามคำตอบปัญหาให้แก่เขาทุกอย่าง เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหูทำให้ร่างบางรู้สึกวูบวาบไปหมด

    !! ...”เว่ยอู๋เซี่ยนต้องการขยับนี้แต่เพราะมือที่ถูกมัดจึงไม่สามารถขยับได้อย่างใจนักยิ่งสัมผัสอุ่นร้อนที่ดุนดันทางด้านหลังที่แนบชิเข้ามายิ่งทำให้ใจของใจของเขาเต้นแรง ทั้งกลัวและตื่นเต้นอยากรู้ไปด้วยในเวลาเดียวกัน

    “อิง.. เป็นของข้า”เสียงทุ้มเรียกชื่อคนที่นอนอยู่อย่างอ่อนโยนแต่ยังแฝงความปราถนาเอาไว้ในน้ำเสียงนั้นด้วย

    “ข ข้า..เป็นของเจ้าอยู่แล้ว อ๊า!”เสียงหวานกล่าวตอบก่อนจะตามมาด้วยเสียงครางเสียงดังส่วนหัวของแก่นกายถูกกดแทรกเข้าไปในช่องทางสีอ่อน

                เว่ยอู๋เซี่ยนรู้สึกเหมือนร่างจะถูกแยกออกจากกันน้ำตารื้นคลอแต่ก็กลั้นเอาไว้กลัวว่าอีกฝ่ายจะตกใจเขาอยู่มาขนาดนี้ย่อมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ตนพยายามผ่อนคลายตัวเองให้มากเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายเข้ามาได้

    “อึก..อาอิง”หลานวั่งจีครางเสียงในลำคอช่องทางนั้นคับแน่นและตอดรัดอย่างแรงซะจนขยับเข้าไปได้ยากเขาจึงโน้มตัวลงคลอเคลียหลังคอและใบหูของอีกฝ่ายมือก็เลื่อนไปบีบเค้นเม็ดทับทิมด้านหน้าเพื่อให้ร่างบางเบนความสนใจไปทางอื่นจังหวะที่ช่องทางนั้นเริ่มผ่อนคลายเขาก็ขยับตัวตนเขาเข้าไปอย่างช้า ๆ

    “อึก..อือ...”เว่ยอู๋เซี่ยนตัวสั่นเมื่อรับรู้ถึงตัวตนของคนรักที่แทรกเข้ามาความเจ็บในครั้งแรกแม้ยังไม่หายแต่ก็ไม่ได้หนักหนา มันมีความรู้สึกอื่นเข้ามาร่วมด้วย

    “เจ็บมากไหม”หลานวั่งจีถามคนใต้ร่างของเขาเมื่อดันแก่นกายของจนเข้ามาจนสุดและค้างเอาไว้ให้อีกฝ่ายได้ปรับตัว

    “ม ไม่เป็นไร.. ข้าไหว...แค่ข้า..ไม่เห็นหน้าเจ้า”เสียงหวานเริ่มแหบพร่าอย่างมีเสน่ห์

    “อืม”หลานวั่งจีส่งเสียงในลำคอ

                หลานวั่งจีจับอีกฝ่ายให้นอนหงายโดยที่ทั้งสองยังคงเชื่อมกันอยู่เว่ยอู๋เซี่ยนครางเสียงหลง และมองค้อนใส่อีกฝ่ายที่ทำอะไรไม่บอกตนสักคำ

    “หลานจ้าน!”สองมือที่ถูกมัดทุบลงที่อกของหลานวั่งจีด้วยความตกใจความรู้สึกวาบวามวิ่งเข้ามาจนใบหน้าของเว่ยอู๋เซี่ยนแดงก่ำ

    “เจ็บเหรอ”หลานวั่งจีเองก็ลืมนึกไปจึงทำแบบนั้น เขามองด้วยความกังวล

                เห็นสายตาแบบนั้นเว่ยอู๋เซี่ยนก็แย้มยิ้ม ยกมือขึ้นคล้องคอหยกคู่ผู้น้องลงมาแล้วเป็นผู้มอบจุมพิตให้เองอย่างแผ่วเบาก่อนจะละออกมา

    “ไม่เจ็บแล้วล่ะ..สามี”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสใบหน้าสวยขึ้นสีแดงอย่างน่ารัก แค่นั้นก็ทำให้เส้นความอดทนของหลานวั่งจีนั้นขาดลงในที่สุด

                ในเรือนวิเวกที่อยู่ไกลจากทุกคนในกูซูมีเสียงครวญครางอย่างสุขสมดังอยู่ตลอดทั้งคืนก่อนที่คลื่นความเสน่หาของทั้งสองจะจบลงก็จวนจะฟ้าสางไปแล้ว และกว่าที่เหล่าผู้คนในกูซูจะได้พบหน้าคู่สามีภรรยาคู้นี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าวันที่สามไปแล้ว พวกเขาถึงได้เห็นท่านเซียนตูที่กลับออกมาทำภารกิจอย่างปกติ

                ส่วนเว่ยฟู่เหรินนั้นยังคงนอนซมอยู่ในเรือนวิเวกซึ่งมีหลานซือจุยเป็นผู้คอยดูและยามที่เซียนตูหานกวางจินต้องออกมาจากเรือน ในวันที่ห้าของการแต่งงานเหล่าอนุชนถึงได้เห็นร่างโปร่งบางของเว่ยฟู่เหรินในชุดสีขาวของสกุลหลานเดินออกมาจากเรือวิเวกเพื่อมาสอนเหล่าอนุชนสกุลหลานได้

    ......

                หลายเดือนหลังจากนั้นอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่

    “....มีสมาธิกันหน่อย..”เสียงใสของชายหนุ่มกล่าวขณะที่เดินมองเหล่าอนุชนในเรือกล้วยไม้

                ร่างโปร่งก้าวเดินอย่างมั่นคงไม่เร่งรีบชุดที่ใส่นั้นเป็นชุดสีฟ้าอ่อนและคลุมด้วยชุดตัวนอกสีขาวสะอาดลายเมฆาและดอกบัวที่งดงามสองมือยกไพล่หลัง แผ่นหลังเหยียดตรงสง่างาม เฉินฉิงเหน็บอยู่ที่สายคาดเอวผมยาวสยายรวบครึ่งหัวและปักด้วยปิ่นหยกมันแพะ ใบหน้าที่มองได้ทั้งสวยและหล่อในคราวเดียวกันนั้นเรียบนิ่งยามที่มองเหล่าอนุชนสกุลหลานที่กำลังจรดพู่กันลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ

    “ลายเส้นต้องมั่นคง..ทุกเส้นต้องชัดเจน แบบนั้นจะทำให้อาคมที่ใช้สำแดงผลออกมาได้สูงสุด”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวอย่างจริงจังต่างจากเวลาปกติที่มักจะร่าเริงซุกซน

    “อาเหนี..อาจารย์เว่ย..แบบนี้ถูกต้องแล้วหรือไม่”ซือจุยเอ่ยถาม และหยิบแผ่นยันต์ที่ตนเขียนขึ้นมาให้ดูมือขาวหยิบแผ่นยันต์ขึ้นมาดู รอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็ก ๆ

    “ถูกต้อง ครบถ้วน แบบนี้ถือว่าสามารถนำไปใช้ได้แล้วล่ะจะดีกว่านี้หากมีความหนักแน่นอยู่ในนั้นด้วย ลายมือของเจ้าอ่อนช้อยไป...บางทียันต์คุ้มภัยอาจจะเหมาะกับเจ้ามากกว่า”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดอย่างพอใจก่อนจะวางแผ่นยันต์ลงที่โต๊ะตามเดิม

    “ศิษย์ทราบแล้ว”ซือจุยพูดอย่างนอบน้อม

    “ศาสตร์การสร้างยันต์ไม่ใช่ว่าทุกคนจะแตกฉานได้ ศาสตร์อื่น ๆก็เช่นกัน เพียงศึกษาเอาไว้ให้พอมีภูมิก็เพียงพอและให้ความสำคัญแก่ศาสตร์ที่ตนสนใจนั้นจะเป็นการดี ทุกคนเข้าใจไหม”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวเสียงนุ่มนวลกับศิษย์คนอื่น ๆ

    “ศิษย์ทราบแล้ว”อนุชนทั้งหลายในห้องกล่าวพร้อมกันด้วยความนอบน้อม

    “วันนี้ก็พอเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าข้าจะสอนการใช้ยันต์แบบอื่น ๆให้”เว่ยอู๋เซี่ยนพูด ก่อนจะเดินออกมาจากเรือนกล้วยไม้โดยมีซือจุยที่รีบเก็บอุปกรณ์และเดินตามหลังเว่ยอู๋เซี่ยนออกไปแม้เร่งรีบเด็กหนุ่มก็ยังอยู่ในท่าทีสำรวม

    ......

                หลังแต่งงานเว่ยฟู่เหรินนั้นก็ไม่ได้นั่งๆ นอน ๆ อยู่แต่ในเรือนวิเวกแต่เขานั้นได้ออกมาช่วยสอนอนุชนรุ่นใหม่ให้ทำความเข้าใจในวิชาของเขานั่นก็คือวิชาวาดยันต์และการสร้างอาคม เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ศาสตร์ที่ตนเชี่ยวชาญ

                ซึ่งศาสตร์ทั้งสองของเขานั้นเป็นที่ยอมรับจากหลายฉีเหรินและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในตระกูล เว่ยฟู่เหรินจึงได้กลายเป็ยเว่ยเหล่าซือไปด้วยการเรียนการสอนของเว่ยอู๋เซี่ยนนั้นไม่ได้เข้มงวดแต่กลับทำให้เหล่าอนุชนต่างได้รับความรู้ไปอย่างครบถ้วนเหล่าอนุชนทั้งหลายต่างชื่นชอบการสอนของเว่ยฟูเหรินเป็นที่สุด

    “อาจารย์เว่ย..”ซือจุยเดินข้าง ๆเว่ยอู๋เซี่ยนที่กำลังกลับไปยังเรือนวิเวก

    “ไม่ได้อยู่ในเรือนกล้วยไม้ เจ้าเรียกข้าอย่างเดิมได้แล้วอาเยวี่ยน”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ

    “... อาเหนียง.. อาเตียได้ส่งข่าวมารึไม่ขอรับ?”ซือจุยถาม

    “อ้อ ..ส่งมาเมื่อเช้านี่ล่ะ อาเตียของเจ้าจะกลับมาเย็นนี้แล้ว”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดสองเท้าเดินกลับไปยังเรือนวิเวก

                แม้ว่าเขาจะแต่งเข้ามาที่กูซูก็ไม่ได้ทำให้ความแสบซนของเขาลดลงแต่อย่างใดเพียงแต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ตัวเขากลับไม่ต้องการออกไปไหนอยากจะอยู่แต่เรือนวิเวก นั่งมองสระบัวที่ฟู่จวินของเขาเป็นผู้สร้างให้และหากจบจากการสอนแล้วเขาก็เอาแต่นอน เป็นแบบนี้มาร่วมอาทิตย์จนทำให้ลูกบุญธรรมของเขากังวล

    “....”ยังเดินไปไม่ถึงห้องมือบางก็ยกขึ้นปิดปากหาวด้วยความง่วงงุนเหนื่อยล้าที่เข้ามาแทรก

    “อาเหนียง ตามหมอให้มาดูอาการไม่ดีกว่าเหรอขอรับ”ซือจุยถามทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนหันกลับมามองลูกชายบุญธรรมของตนที่มีสีหน้าเป็นห่วง

    “อาเยวี่ยนนา ..อาเยวี่ยน ข้าไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าก็กังวลเกินไปข้าแค่ง่วงเท่านั้นเอง”เว่ยอู๋เซี่ยนยกยิ้มสดใสมือบางยกขึ้นลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน

    “.....”ได้ยินคนเป็นแม่กล่าวอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถคลายความกังวลในใจไปได้

    “อาเยวี่ยน.. เจ้าไปเฝ้าอาเหนียงคนนนี้ที่เรือวิเวกดีไหม ได้ยินมาว่าเจ้าทำได้ดีในวิชาเพลงชำระจิต อยากเล่นให้อาเหนียงฟังไหม”เว่ยอู่เซี่ยนพูดพร้อมรอยยิ้มหวาน

    “.... ขอรับ”อาเยวี่ยนได้แค่ขานรับและเข้ามาประคองแขนแม่บุญธรรมเดินไปยังเรีอนวิเวก

    .....

                ทำนองเพลงฉินในบทเพลงที่ฟังแล้วช่วยจิตใจผ่อนคลายชำระความเหนื่อยล้าจากทั้งกายและใจทำนองนี้ถูกบรรเลงจากมือของศิษย์เอกแห่งกูซู เสียงดังแว่วออกมาจากเรือนวิเวกทำให้เจ้าของเรือนอีกคนที่เหินกระบี่กลับเข้ามาหันไปมองที่มาของเสียงนั้นปลายกระบี่ที่มุ่งไปทางเรือนหลักนั้นหันเปลี่ยนไปทางเรือนวิเวกทันที

                ร่างองอาจของเซียนตูลงมายืนอยู่หน้าเรือนวิเวกที่มีเสียงฉินบรรเลงเพลงนุ่มนวลดังออกมาจากในเรือนฟังก็รู้ว่าเป็นฝีมือของบุตรบุญธรรมของตน

    “....”หลานวั่งจีเดินเข้ามาให้เรือนวิเวกก็พบตัวลูกชายที่นั่งบรรเลงฉินอยู่ทางห้องรับรองส่วนทางห้องนอนของเขานั้นมีม่านปิดกั้นห้องเอาไว้

    “..อาเยวี่ยน”หลานวั่งจีเอ่ยเรียกบุตรชาย ทำให้มือเรียวชะงัการบรรเลง

    “...อาเตีย”ซือจุยลุกขึ้นมาคำนับบิดาอย่างนอบน้อม แววตามีประกายยินดีทีได้เห็นผู้เป็นพ่ออย่างยิ่งในช่วงเวลานี้

    “เกิดอะไรขึ้น”หลานวั่งจีถามเข้าเรื่องในทันที

    “เรียนอาเตีย หนึ่งอาทิตย์มานี้ อาเหนียงนอกจากออกไปสอนแล้วก็มักกลับมาที่เรือนวิเวกไม่ออกไปไหน และนอนนานขึ้นขอรับ”ซือจุย

    “ไม่ออกไปไหน”

    “ไม่ขอรับนอกจากออกไปสอนก็มีเพียงนั่งที่ชานบ้านมองสระบัว และมีออกไปนั่งเล่นกับกระต่ายบ้างแต่สามวันมานี้ไม่เลยขอรับ”ซือจุยพูด

    “อืม ..เจ้ากลับไปได้แล้วล่ะ”หลานวั่งจีรับฟังและพูดออกไป

    “ขอรับ ลูกจะไปบอกท่านประมุขว่าท่านมาถึงแล้วนะขอรับ”ซือจุยพูด

    “อืม”หลานวั่งจีพูดแล้วเดินผ่านม่านกั้นเข้าไปยังห้องนอนของตนส่วนซือจุยเองก็เดินออกมาจากเรือนวิเวกไปรายงานอย่างที่ได้บอกเอาไว้

    ......

    “อิง..”

                หลานวั่งจีเดินเข้ามาในห้องนอนพบว่าร่างบอบบางนั้นนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวเนียนดูซีดไปจากครั้งก่อนที่ได้เจอกันมือหนากำลังเอื้อมไปจับข้อมือบางเพื่อที่ตรวจชีพจรแต่ดวงตากลมโตกลับตื่นขึ้นมาก่อน

    “หลานจ้าน.. เจ้ากลับมาแล้วเหรอ?”ดวงตากลมใสสีเทาใบหน้างดงามยกยิ้มหวานให้กับสามีของตน

    “....”หลานวั่งจีมองสำรวจคนรักของตนอย่างละเอียดนอกจากร่างกายที่ดูโทรมแล้วก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเพิ่มแล้วทำให้เบาใจไปได้เล็กน้อย

    “...ไม่เป็นไรน่าข้าแค่ง่วงเท่านั้นเอง”เว่ยอู๋เซี่ยนมองท่าทีของอีกฝ่ายแล้วเพียงแค่ตอบไปเท่านั้น

    “.....”

    “ข้าไม่เป็นไรจริง ๆพลังหยินในตัวก็สมดุลดีแล้วเจ้าเองก็น่าจะรู้ดี”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวและมิวายเอ่ยหยอกเย้าสามีของตน

                ร่างบางลุดขึ้นมากอดคนตัวโตและขยับกายขึ้นนั่งบนตักใบหน้าหวานซุกลงที่บ่ากว้างสูดกลิ่นกายจากสามีเหมือนที่ชอบทำอยู่ทุกครั้งไป

    “..ข้าง่วงแล้วพี่วั่งจี”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงง่วงงุนอย่างที่ว่าไว้จริงๆ

    “.....”หลานวั่งจีไม่ได้พูดอะไร เขาประคองคนในอ้อมกอดจากนั้นเขาก็เอนตัวลงนอนโดยมีภรรยาจอมซนนอนซบอกของเขา

    “ข้าชอบฟังเสียงหัวใจเจ้า”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวเสียงงัวเงียจวนจะหลับเต็มที

    “นอนเสีย”หลานวั่งจีพูดแล้วยกมือลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายไปด้วยเบา ๆ

    “หลานจ้าน พี่วั่งจี..งืม... ข้าอยากไปเยี่ยมอาเฉิง..อยากไปที่อวิ๋นเมิ่ง”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแล้วซุกไซ้ลงกับอบอุ่นของหลานวั่งจี

    “.....”

    “ได้ไหม?”เว่ยอู๋เซี่ยนช้อนสายตามอง

    “อืม”สุดท้ายยังไงหลานจ้านก็ยังต้องยอมตามใจภรรยาคนนี้อยู่ดี

    “ขอบคุณสามี..”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแล้วตัวเองก็ค่อยๆผลอยหลับไปในที่สุด

    .......

                สามวันต่อมา

                ท่าเรือสัตตบงกชแห่งอวิ๋นเมิ่ง

    “เจียงเฉิง!~”เว่ยอู๋เซี่ยนลงเรือมาที่ท่าเรือก็พบกับเจียงเฉิงที่มายืนรออยู่ก่อนแล้ว

    “ไปอยู่ที่นั้นไม่ได้ทำให้เจ้าลดความซนได้จริง ๆ...หานกวงจวิน”เจียงพูดกับเว่ยอู๋เซี่ยนก่อนจะหันไปโค้งให้กับหลานวั่งจี

    “.....”หลานวั่งจีก็แค่พยักหน้าให้ไม่ได้พูดอะไร

    “ท่านประมุขเจียง..”นอกจากทั้งสองคนแล้ว ยังมีหลานซื่อจุยติดตามมาด้วย

    “เจ้าก็มาด้วยงั้นเหรอ ....ไปเถอะเดือนนี้แดดที่ท่าเรือแรงนักเชิญพวกเจ้าเข้าตำหนักเถอะ”เจียงเฉิงทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีเดินนำคนจากกูซูทั้งสามเข้าไปยังสำนักของตัวเอง

    “คุณชายเว่ย ๆ ..วันนี้เม็ดบัวงาม ๆทั้งนั้นข้าให้ท่าน”พ่อค้าคนเก่าคนแก่ที่เว่ยอู๋เซี่ยนชอบมาซื้อในสมัยก่อนก็ยังคงจำอีกฝ่ายได้ชายชรายกถุงเม็ดบัวให้เป็นของขวัญ

    “โอ้...ขอบคุณท่านลุงมาก...”เว่ยอู๋เซี่ยนรู้สึกเหม็นกลิ่นอะไรไม่รู้ตั้งแต่ที่ขึ้นเทียบท่าแล้วแต่ก็ยังยกยิ้มทักทายทุกคนเป็นปกติ แต่พอตอนที่ชายชรายื่นถุงเม็ดบัวมาให้ทำให้ได้กลิ่นนั้นชัดขึ้นจนเขาหน้าซีดลง แต่ก็ยังฝืนยิ้มและรับถุงนั้นมาด้วยมือที่เย็นเฉียบ

    “...อาเยวี่ยน”หลานวั่งจีสังเกตอาการภรรยาตนอยู่นานหันไปพูดกับลูกบุญธรรมของตนทันที

    “ครับ...”หลานชื่อจุยรับคำแล้วเดินเข้าไปหาแม่บุญธรรมของตนทันที

    “อาเหนียงมาให้ข้าถือให้จะดีกว่านะ”หลานซื่อจุยเดินเข้ามารับถุงเม็ดบัวมาจากมือของแม่บุญธรรมของตนมาถือเอาไว้เอง

    “อ่า งั้นเหรอ ๆขอบใจนะอาเยวี่ยน”เว่ยอู๋เซี่ยนหันมายิ้มให้เด็กชายเล็กน้อย

    “ไป ๆ เข้าตำหนักเถอะ”เจียงเฉิงพูด

                เว่ยอู๋เซี่ยนเดินเข้ามาบรรยากาศในสำนักยังคงไม่เปลี่ยนไปจากในความทรงจำของเขาเท่าไหร่นักแต่มีบางอย่างที่ต่างไปจากเดิม กลิ่นบางอย่างที่ชวนให้คลื่นเหียนอยากอาเจียนนั้นมีอยู่ทั่วทุกที่ยามที่ลมพักผ่านจนทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนต้องขมวดคิ้ว

    “ทำหน้าอะไรของเจ้าน่ะ เว่ยอู๋เซี่ยน”เจียงเฉิงเริ่มสังเกตท่าทางผิดปกติของพี่ชายได้จึงรีบถาม

    “อ้อ ฮ่า ๆๆ ไม่เป็นไร ๆ แค่นั่งเรือนานเลยเวียนหัวน่ะ... ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแผ่วเสียงในประโยคท้ายลง

                ทั้งสามถูกพามายังห้องรับรองของสำนัก

    “หลานจ้าน อาเยวี่ยน พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันก่อนนะ ข้าอยากจะไปเยี่ยมศิษย์พี่ซักหน่อย”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแล้วทำท่าจะเดินแยกออกมาจากทั้งสองคน

    “ข้าไปด้วย”หลายวั่งจีพูดแล้วเดินมาอยู่ข้าง ๆ เว่ยอู๋ซึ่ยนทันที

    “ไม่เอาน่า ไปแค่นี้เอง เจ้านั่งพักเถอะ ..นะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ ด้วย”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดออกมาพร้อมกับตบบ่าของสามีเบาๆ

    “......”หลานวั่งจีไม่พูด แต่แค่มองนิ่ง ๆ เท่านั้นแต่แค่นั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมอยู่ที่นี่เป็นแน่

    “อ่า ได้ ๆๆ งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแล้วเดินนำอีกฝ่ายไปยังหอบรรพชนของตน

    ......

                หอบรรพชน

    “.....”เว่ยอู๋เซี่ยนและหลานวั่งจีนั่งลงตรงหน้าแท่นบรรพชนและโค้งให้กับบรรพชนทั้งหลายเงียบๆ

    “....ศิษย์พี่.. อาจารย์หญิงอาจารย์ลุง..ข้ามาเยี่ยมท่าน”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดและมองไปยังรายชื่อนั้นความรู้สึกเวียนหัวยังโจมตีเขาไม่หยุดแต่ก็ได้แค่พยายามไม่ใส่ใจและเอ่ยพูดในสิ่งที่อยากจะพูดต่อ

    “....นานพักหนึ่งแล้วที่ข้าไม่ได้มาเยี่ยมพวกท่านเลย ..ศิษย์พี่....ข้าน่ะแต่งงานแล้วรู้ไหม”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแล้วเอื้อมมือไปจับมือของผู้เป็นสามีเอาไว้พร้อมรอยยิ้ม

    “.....”หลานวั่งจีไม่ได้พูดแต่บีบมือของเว่ยอู๋เซี่ยนเอาไว้เบา ๆ

    “ครั้งนั้น ..ที่ข้าเคยถามศิษย์พี่ไป..ข้าว่าตอนนี้ ...”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ พาให้ตนนึกย้อนกลับไปยังวันวาน ครั้งที่ตนได้เอ่ยถามศิษย์พี่ของตน

    “จริงสิศิษย์พี่..มีคำถามข้อหนึ่งที่ข้าอยากถามท่านมาตลอด”

    “เจ้าถามมาสิ”

    “.... คนคนนึง...ทำไมถึงชอบอีกคนนึงได้ อ่า คงามหมายของข้าคือ ชอบแบบนั้น”

    “ฮะ ๆ ทำไมอยู่ๆ เจ้าถามแบบนั้นล่ะ... รึว่าเจ้า.. เจ้ามี”

    “อ่า ไม่มี ๆๆไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยศิษย์พี่ ข้าไม่ได้มีคนที่ชอบสักหน่อย..”

    ......

    “อย่างน้อย อย่าชอบมากเกินไปจะดีกว่าแบบนี้มันก็เหมือนกับหาเรื่องกลุ้มใจเข้าตัว”

    “ข้าว่าข้ารู้คำตอบของคำถามที่ข้าถามไปแล้วล่ะ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแล้วหันไปมองใบหน้าที่เรียบนิ่งของหลานวั่งจี

    “....”หลานวั่งจีมองตอบเว่ยอู๋เซี่ยนกลับนิ่ง ๆ

    “ฮี่ ๆๆ หลานจ้าน ข้าหิวแล้วล่ะ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดเปลี่ยนเรื่องไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ

    “อืม”หลานจ้านพูดแล้วลุกขึ้นเพื่อช่วยประคองคนตัวเล็กที่ท่าทางไม่ดีมาตั้งแต่เช้าให้ลุกขึ้นยืน

    “ไป ๆ กินข้าว ๆ ....”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดอย่างร่าเริง แต่ว่าจู่ ๆเขาก็ทรุดลงไป

    “เว่ยอิง!”หลานวั่งจีรีบเข้าประคองร่างคนรักเอาไว้ได้ทัน

    “ล หลานจ้าน...ข้า..”แล้วจู่ๆภาพตรงหน้าของเว่ยอู๋เซี่ยนก็ถูกแทนที่ด้วยความมืดไปในที่สุด

    .......


    “..อือ ....สามี..พี่วั่งจี”เว่ยอู๋เซี่ยนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เรียกหาสามีของตนทันทีด้วยความกังวลภาพที่ตัดไปก่อนหน้านี้คือที่เขาอยู่ที่หอบรรพชนตระกูลเจียง และขมวดคิ้วให้กับกลิ่มเหม็นจนรู้สึกเวียนหัว

    “อิง”เสียงทุ่มที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกและเสียงดวงตาสีเทาเปิดลืมขึ้นมาหลานวั่งจีเดินเข้ามาประคองตัวเขาขึ้นมาให้อิงอยู่ที่อกของอีกฝ่ายกลิ่นไม้จันทร์หอมที่คุ้นเคยลอยมากลบกลิ่นชวนเวียนออกไปได้

    “เกิดอะไรขึ้นกับข้า..”เว่ยอู๋เซี่ยนถาม สายตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ห้องห้องที่ตนอยู่คือนอนเก่าของตนที่อวิ๋นเมิ่งนี่เองกลิ่นไม้จันทร์แบบเฉพาะตัวทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนเผลอตัวแนบหน้าซุกลงและสูดกลิ่นหอมนั้น

    “เจ้าเป็นลมหมดสติไป”หลานวั่งจีตอบ

    “นานแค่ไหน”เว่ยอู๋เซี่ยนถามโดยที่ยังคงอิงแอบซบอกสามีอยู๋อย่างผิดวิสัย

    “ไม่นาน ..ประมุขเจียงกำลังตามหมอมา”หลายวั่งจีตอบพลางมองสำรวจภรรยาของตน

    “เจ้านั่นฟื้นแล้วงั้นเหรอ?”เจียงเฉินเดินเข้ามาที่ตามหลังมาก็คือหมอประจำตระกูลเจียง

    “คารวะ ซานตู ..เว่ยฟูเหริน”หมอคนนั้นทำความเคารพทั้งสองในทันที

    “ไม่ต้องมากพิธีหรอกท่านลุงหมอมาตรวจข้าเถอะ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดแล้วยื่นมือไปให้ลุงหมอได้ตรวจด้วยความร้อนใจของตัวเองด้วย

    “ขออนุญาตนะเว่ยฟูเหริน...”ท่านลุงหมอพูดแล้วเข้ามาจับชีพจรของเว่ยอู๋เซี่ยน

    “.....”ท่านหมอเพียงจับเส้นชีพจรนั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรแต่เขาก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสับสน ไม่เข้าใจ

    “เป็นอะไรงั้นหรือ?”เว่ยอู๋เซี่ยนสังเกตท่าทีของท่านลุงหมออยู่ตลอดอดไม่ได้ที่จะถาม

    “เรียนเว่ยฟูเหริน..ช่วงนี้ท่านมีอาการอะไรบ้างขอรับ อย่างเหนื่อยง่ายนอนนาน อะไรแบบนั้น”ท่านหมอไม่ได้ตอบคำถาม แต่ถามอีกฝ่ายกลับไปแทน

    “อืมช่วงนี้ข้านอนหลับง่ายน่ะ ง่วงนอนแทบตลอดเวลาเลยล่ะ”เว่ยอู๋เซี่ยนตอบไปตามตรง

    “แล้วอย่างอื่นล่ะขอรับ?”ท่านลุงหมอถามต่อ

    “อย่างอื่น... เรื่องกลิ่น ..นี่นับไหมท่านลุงหมอ”

    “กลิ่นแบบที่ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนใช่หรือไม่เว่ยฟูเหริน”ท่านลุงหอถามต่อในทันที

    “ใช่ ๆ ท่านลุงหมอ ตกลงข้าเป็นอะไรกันแน่?”เว่ยอู๋เซี่ยนเร่งถามและคนเป็นสามีเองกมีท่าทีไม่ต่างกันเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น

    “พวกท่านผ่านการซวงซิว*กันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่”คำถามตรงไปตรงมาของท่านลุงหมอทำเอาเว่ยอู๋เซี่ยนสะดุ้งใบเห่อร้อน

    “เดือนก่อน”คนตอบไม่ใช่เว่ยอู๋เซี่ยน แต่เป็นหานกวางจินนั่นเอง

    “หลานจ้าน!”เว่ยอู๋เซี่ยนตีแขนสามีของตนด้วยความเขินอาย

    “....อืม..”ท่านลุงหมอรับฟังแล้วจับชีพจรของเว่ยอู๋เซี่ยนอีกครั้ง

    “ตกลงเขาเป็นอะไรกันแน่ท่านลุงหมอ”เจียงเฉิงทนไม่ไหวถามออกไป

    “มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่นัก ...แต่คงต้องพูดว่าขอแสดงความยินดีด้วยซานตู เว่ยฟูเหรินนั้นตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วขอรับ”ท่านลุงหมอพูดจบคำพูดของเขาทำให้ชายทั้งสามในห้องต่างวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว

    “ต ตั้งครรภ์.... ข้าเนี้ยนะ ท้อง..”เว่ยอู๋เซี่ยนเบิกตากว้างยกมือลูบท้องของตนที่ตอนนี้มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ข้างในและเหม่อลอยไปไกลไม่สนใจใครอีกแล้ว

    “เรียนเว่ยฟูเหริน การตั้งครรภ์ในบุรุษนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่กับผู้ฝึกตน หลายร้อยปีก่อนนั้นก็เคยมีเรื่องนี้หลงเหลืออยู่ในบันทึกบ้างเป็นการมีบุตรที่เกิดจากการซวงซิวเป็นไปได้ยาก แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”ท่านลุงหมอพูด

    “จะอันตรายหรือไม่”หลานวั่งจีถาม

    “อาการนั้นเหมือนการตั้งครรภ์ในสตรีทั่วไปขอรับส่วนการคลอดนั้นจำเป็นต้องผ่าคลอดเท่านั้นเรื่องที่ต้องระวังนั้นย่อมต้องระวังตัวมากกว่าสตรีมีครรภ์เป็นเท่าตัว เนื่องจากร่างกายที่ต่างกัน”ท่านลุงหมอพูด

    “อืม..”หลานวั่งจีพยักหน้ารับรู้

    .......

                หลานวั่งจีฟังสิ่งที่ท่านลุงหมอกล่าวถึงการดูแลคนท้องอย่างไม่มีตกหล่นส่วนเจียงเฉิงก็ขอตัวออกไปส่งข่าวให้กับทางสกุลหลานได้รู้ดังนั้นตอนนี้สองสามีภรรยาก็นั่งอยู่ในห้องตามลำพัง

    “ส สามี..พี่วั่งจี.. ข้า.. ข้าท้อง”เว่ยอู๋เซี่ยนเพิ่งออกจากพวังของตัวเองได้จึงพูดกับสามีของตน

    “อืม..”

    “ข้ากำลังมีลูก..ลูกของข้า”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดและลูบที่ท้องอของตนไปด้วย

    “ลูกของเรา..”หลานวั่งจีพูดแล้ววางมือทับมือของภรรยาของตน

    “อ่ะ ฮะ ๆๆ พี่วั่งจี ขอบคุณเจ้า”เว่ยอู๋เซี่ยนสวมกอดผู้เป็นสามีด้วยความสุขที่มีอยู่เต็มล้นในหัวใจ

    “ขอบคุณ”หลานวั่งจีพูดออกมาจากใจที่พองโตด้วยความสุขมิต่างกัน

    .......

                อีกหลายเดือนต่อจากนั้น

                อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ กูซู

    “หลานจ้าน!!! เสียงเรียกด้วยความตระหนกของเว่ยฟูเหรินดังลั่นเรือนวิเวกหรืออาจจะดังลั่นอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ก็เป็นได้

    ฟุ่บ!!

    “เว่ยอิง!?”หลานวั่งจีรีบขเข้ามาหาในเรือนวิเวกในทันทีที่ได้ยินเสียงใบหน้าที่เรียบนิ่ง แต่นัยน์ตานั้นมีความตระหนกไม่น้อยกับเสียงเรียกของภรรยา

                เมื่อเข้ามาตนก็พบภรรยายของตนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งเตียงผมสีดำยาวปล่อยสยายไม่ได้รวบผมเนื่องจากมิมีความจำเป็นจะต้องออกไปไหนใบหน้างามส่งยิ้มด้วยความตื่นเต้นดีใจมือข้างหนึ่งลูบอยู่ที่ท้องที่นับวันยิ่งหญ่ขึ้นรองรับอีกชีวิตที่ใกล้จะลืมตาดูโลกเต็มที

    “หลานจ้าน ๆมานี่เร็วเข้า”เว่ยอู๋เซี่ยนยกมืออีกข้างกวักมือเรียกสามีให้เข้ามาหาตน

    “มีอะไรรึ?”หลานวั่งจีถาม เขาทรุดกายลงข้างเตียงและใช้สายตากวาดมองร่างของภรรยาไปด้วย

    “น่า ๆ ขอมือเจ้าหน่อย”เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงระรื่นแล้วฉวยมือของหลานวั่งจีมาแล้วทาบลงที่ท้องนูนใหญ่ของตน

    “เมื่อกี้ข้ารู้สึกได้ว่าลูกดิ้นล่ะ”เว่ยอู๋เซี่ยนพูด

    “....”แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับนิ่งสนิท ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวใด ๆให้คนเป็นพ่อได้รับรู้

    “เอ๋? ..ทำไมไม่มีอะไรเลยล่ะ..เมื่อกี้เขาขยับจริง ๆ นะหลานจ้าน”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดด้วยความสงสัย

    “......”หลานวั่งจีเองก็มองอย่างรอคอยการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ภายในเช่นกัน

    “เอ๊ะ รึว่าจะ!”และเหมือนเว่ยอู๋เซี่ยนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

    “??”หลานจ้านละสายตาจากหน้าท้องนูนขึ้นมามองภรรยาคนเก่งของตน

    “....”ใบหน้าสวยกำลังหลับตาลงและเริ่มฮัมเพลงขึ้น ทำนองของสองเราถูกขับขานและในจังหวะเองที่มีคนตอบสนองต่องเสียงเพลงนั้น

    !!!”มือหนาที่ทาบอยู่ที่ท้องของภรรยาสัมผัสได้ถึงการขยับตัวของสายเลือดเขาที่อยู่ภายในเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อน มันช่างน่ามหัสจรรย์และมีความสุขไปพร้อม ๆกันจนเขาแทบรับไม่ไหว

    “สามี! เจ้ารู้สึกไหม! เมื่อกี้น่ะ”เว่ยอู๋เซี่ยนลืมตาขึ้นมาถามสามีของตนด้วยความดีใจ

    “เว่ยอิง..ข้า..”หลานวั่งจีพูดอะไรไม่ออก เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้มแล้วประคองใบหน้าคมคายแล้วเกลี่ยน้ำตาของความสุขออกจากใบหน้าคมคายนั้นด้วยความอ่อนโยนและดึงคนตัวโตเข้ามากอดเอาไว้

    “หลานจ้าน พี่วั่งจี ข้ารู้สึกมีความสุขมาก มากๆๆ เข้าก็ด้วยใช่ไหม”เว่ยอู๋เซี่ยนถามคนที่ซุกหน้าลงที่บ่าเล็กของตนอยู่

    “อืม”เสียงทุ่มตอบกลับมาสั้น ๆ สองมือโอบกอดภรรยาตนเอาไว้หลวม ๆ

    “ข้าอยากพบพวกเขาเร็ว ๆ จังเลย”เว่ยอู๋เซี่ยนพูดพร้อมรอยยิ้ม

    เพื่อที่จะได้บอกให้พวกเจ้ารู้

    ถึงความสุขมากมายที่พวกเจ้าได้มอบมันให้กับพวกเรา

    .......

                หลังจากนั้น พวกเขาสองสามีภรรยาก็มักจะมานั่งฮัมเพลงวั่งเซี่ยน ด้วยกัน และสัมผัสการเคลื่อนไหวของเด็กๆ แทบทุกวัน

    .....



    จบจ้า

    สวัสดีปีใหม่ 2020 จ้า

    *ซวงซิว=การบำเพ็ญคู่คือการที่พวกเขา... กันนั่นล่ะค่ะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in