จากบทความที่แล้วที่ได้กล่าวถึงการสอบสัมภาษณ์เพื่อขอทุน วันนี้เราจะมาเล่าถึงบรรยากาศการสัมภาษณ์และคำถามที่ทางกรรมการได้ถามเรา
ก่อนอื่นใดสิ่งแรกที่เราต้องทำเมื่อเข้าห้องไปเจอกรรมการนั่นคือ การกล่าวสวัสดี โดยกรรมการที่มาสัมภาษณ์นั้นจะมีทั้งอาจารย์และรุ่นพี่ที่เคยไปแลกเปลี่ยนปะปนกัน ในตอนที่เราเข้าไปสัมภาษณ์อาจารย์ก็ได้ถามถึงเหตุผลที่อยากไปในประเทศที่เราเลือก ถามถึงความสามารถด้านต่างๆของเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา การทำอาหาร และความสามารถพิเศษนอกเหนือจากนั้น ในตอนที่อาจารย์ได้ถามถึงความสามารถพิเศษอื่นๆ แทนที่เราจะตอบว่า "ไม่มีแล้วค่ะ" เราเลือกที่จะตอบว่า "หนูสามารถทำมือเป็นรูปงูได้ค่ะ" กรรมการทั้ง 3 ท่านเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ มองมาที่เราด้วยสายตาที่งงงวย เราจึงทำมือเป็นรูปงูให้ท่านกรรมการดู อาจารย์ถึงกับขำกันเลยทีเดียว คำถามต่อไปที่เราเจอคือ ถ้าไปแล้วเกิด Homesick จะทำอย่างไร คำถามนี้ถือเป็นคำถามในตำนานสำหรับเราเลย ในตอนนั้นเราไม่รู้จริงๆว่า Homesick แปลว่าอะไร เราก็ตอบไปเลยว่า "ก็ถามโฮสค่ะว่ามียาไหม ถ้าไม่มีก็ไปโรงพยาบาล" หลังจากเราพูดประโยคนี้กรรมการทุกท่านถึงกับอมยิ้ม คำถามอื่นๆที่เราถูกถามจะเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงจะนำวัฒนธรรมอะไรของไทยไปเผยแพร่ ก่อนออกจากห้องคำถามสุดท้ายที่อาจารย์ถามเราคือ "ถ้าคิดถึงบ้านจะทำอย่างไร" หลังจากคำถามนั้นเราก็เสร็จสิ้นการสอบสัมภาษณ์ แต่การสอบจบแล้วใช่ว่าคนจะจบ หลังจากออกจากห้องสอบเราเข้า Google เสริชหาคำแปลของ Homesick ยังไม่ทันที่จะกดค้นหา Google สุดฉลาดก็ขึ้นคำแปลมาเลยว่า "คิดถึงบ้าน" เมื่อเห็นคำแปลแล้วเข่าเราแทบทรุด รู้สึกอายกับคำตอบที่ได้ตอบไปแต่ต่อให้เราอายแค่ไหน เวลาก็ไม่อาจย้อนกลับไปให้เราแก้ไขได้ ในตอนนั้นยอมรับเลยว่า คงไม่ติดแน่ๆ เมื่อเรากลับบ้านและเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟัง ทุกคนก็หัวเราะชอบใจถือได้ว่าเป็นคำถามและคำตอบในตำนานของเรา
แต่ท่านผู้อ่านเชื่อไหมว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ในวันประกาศผลสัมภาษณ์นั้นไม่น่าเชื่อเลยว่า คำตอบของเราที่ว่า "ถ้าเกิด Homesick แล้วต้องไปโรงพยาบาล" จะผ่านการสอบสัมภาษณ์!!
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ในบทความต่อไปเราจะเล่าถึงการตัดสินใจเลือกประเทศที่จะไปเรียน มาลุ้นกันว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้ไปเรียนที่ประเทศอะไรและจะเกิดอะไรขึ้น
เจอกันที่บทความต่อไปค่าา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in