Birds of Prey: And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn - Sanook Review 2020

ถ้าจะให้พูดถึงความสำเร็จของ DC Comics ในเชิงภาพยนตร์ ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะหลายเรื่องที่ออกมาก็มักจะถูกวิจารณ์มากมาย รวมไปถึงรายได้ที่ไม่มากตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ จึงทำให้หนังของ DC ที่สร้างมา นั้นยากที่จะมีฐานคนดูที่แข็งแรง
แต่ก็ต้องยอมรับนะว่า DC เองก็ยังมีจุดแข็ง ในเรื่องของความโดดเด่นของตัวละคร ซึ่งต้องยกให้เขาจริง ๆ
.
ตัวละครอย่าง Superman , Batman , Wonder Woman ไปจนถึง Joker และ Harley Quinn ถือว่าเป็นกลุ่มตัวละครอันดับต้น ๆ ของ DC ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ซึ่งจะว่าไปแล้ว สำหรับ Harley Quinn เอง ก็เพิ่งจะมาเป็นตัวละครที่ทุกคนรู้จักกันแพร่หลายใน Suicide Squad (2016) เพียงเท่านั้น
.
แม้ว่าตัวหนัง Suicide Squad จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า การออกแบบตัวละคร Harley Quinn นั้น ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแฟชั่น รวมไปถึงคาแร็คเตอร์ของตัวละคร จนทำให้มีคนเลือกชุดของ Harley Quinn เวอร์ชั่นนี้ เอามาแต่งแฟนซีกันมากมาย และแน่นอนว่านั่นก็ส่งผลให้นักแสดง Margot Robbie ขยับจากนักแสดงหน้าใหม่ที่มากคุณภาพ กลายมาเป็นนักแสดงที่มีมูลค่าทาง blockbusters อีกด้วย
.
ชื่อเต็ม ๆ ของหนังเรื่องนี้คือ Birds of Prey: And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn ซึ่งแน่นอนว่าความมีความโดดเด่นมาตั้งแต่ชื่อแล้ว อีกทั้งยังมีความเก๋ในเรื่องของดีไซน์ต่าง ๆ และแน่นอนว่าตัว Margot Robbie เอง ก็ได้มานั่งแท่น producer ของหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยนั่งตำแหน่ง producer ในหนังเรื่อง I, Tonya (2017) มาแล้ว และเรื่องนั้น เธอก็ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscars สาขานักแสดงนำหญิงอีกด้วย
.
เรื่องราวของ Birds Of Prey เล่าต่อคร่าว ๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Suicide Squad เมื่อ Joker (ที่ถูกเอ่ยถึงแค่ชื่อ) ได้เลิกกับ Harley Quinn ทำให้เธอต้องรับมือกับทุกโจทก์เก่า ที่พุ่งเข้ามาเพื่อล้างแค้น
.
ตัวหนังได้ดึงเอาตัวละครสำคัญจากจักรวาลของ Batman และ Justice League มาใช้มากมาย อย่าง Black Canary (Jurnee Smollett-Bell) ที่เป็นคู่หูของ Green Arrow (หนึ่งในสมาชิก Justice League ในหนังสือการ์ตูน) หรือ Black Mask (Ewan McGregor) ตัวร้ายตัวสำคัญตัวหนึ่ง จาก Batman เป็นต้น
.
ซึ่งแน่นอนว่า ตัวเรื่องมีความเป็น feminist ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่ที่บอกไปว่า Margot Robbie รับตำแหน่ง Producer แล้วก็ได้ผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง Cathy Yan (Dead Pig - 2018) รวมไปถึงเนื้อหาที่เสียดสี อย่างฉากที่เพลง This is a man's world ของ James Brown ที่ตัวละคร Black Canary เอามาร้อง ก็เหมือนเป็นนัยเพื่อที่จะบอกว่า "โลกใบนี้มันเป็นของบุรุษเพศ" แต่ตัวหนังก็เต็มไปด้วยความขบถ พร้อมกับเป็นตลกร้ายอย่างเสียดสีว่า ...
.
"พวกเธอนี่แหล่ะ ที่จะกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะยึดครองโลกใบนี้มาเป็นของสตรีเอง !"
.
ตัวหนังมีความ tailor made (เสื้อสั่งตัด) มาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ แม้ว่าจะเป็น Rate R แต่ก็ไม่ได้เน้นไปที่ความรุนแรงสักเท่าไหร่นัก มีเพียงแค่ภาษา และเงื่อนไขของฉากบางฉากเพียงแค่นั้น
นอกจากนี้ สิ่งที่ถูกทำมาเพื่อเอื้อต่อผู้ชมเพศหญิง ยังออกมาทาง ไม่ mood & tone , ฉาก , sequence action และองค์ประกอบต่าง ๆ รวมไปถึงอารมณ์ขัน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วอาจคาดหวังอะไรที่ dark หรือ โหดกว่านี้ แต่ก็นั่นแหล่ะ ... โลกใบนี้มันไม่ใช่โลกของผู้ชายเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว อย่างที่หนังต้องการจะบอกนั่นเอง
.
.
.
.
.

.
Ad : โคนิญโญ่

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น