เมื่อ ไทก้า ไวทีที มากำกับหนังสงคราม ... ความคิดแรกของผู้อ่านคงจะถามว่า
.
อะไร ? นี่มันผู้กำกับ Thor Ragnarok ใช่ไหม ?
.
แต่ถ้าคุณจะคิดว่า หน้าหนังของ JoJo Rabbit จะเป็นหนังตลกที่ดูง่ายเกี่ยวกับเด็กชายวัย 10 ขวบ ที่ถูกปลูกฝังความคิดเป็นนาซี แล้วก็มีเพื่อนในจินตนาการ เป็น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นั้น
ต้องบอกว่าคุณคิดถูก เพียงแค่ 40% เท่านั้น เพราะหนังเรื่องนี้มีดีกว่าที่ตัวอย่างได้นำเสนออีกมาก
.
ตัวหนังเล่าถึง JoJo (Roman Griffin Davis) เด็ก 10 ขวบ ที่ถูกปลูกฝังให้รักชาติ - เกลียดยิว
ซึ่งเขาก็รักชาติแบบสุดโต่ง จนขนาดมีเพื่อนในจินตนาการเป็น ท่านผู้นำ อดอล์ฟ ฮิตเล่อร์ (ที่ "ไทก้า" เล่นเอง แถมพี่เขามีเอง ก็มีเชื้อสาย ยิว-เมารี ด้วยนะ เอากับพี่แกสิ !!!)
ซึ่งทุกอย่างนั้น ดูราบรื่นดีสำหรับเขา จนกระทั่งเขาได้พบว่า แม่ของเขาได้แอบช่วยเหลือ "หญิงชาวยิว" ไว้ในบ้าน แล้วเรื่องราวหลังจากนี้ คือหนังสงครามผ่านมุมมองของ JoJo นั่นเอง
.
อย่างแรกเลย นี่เป็นหนังที่สมกับรางวัล "บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม" ไหม ?
ไม่สามารถตอบได้ (เพราะยังไม่ได้อ่านนิยายต้นฉบับ) แต่ความประทับใจต่อตัวหนังนั้นมัน "เปี่ยมล้นมาก"
หนังค่อย ๆ พาเราไปสำรวจ ความคิดของ JoJo และ คนรอบตัวของเขา รวมไปถึง ฮิตเลอร์ ด้วย แต่ในแบบฉบับนี้ เขากลายเป็นตัวตลกไปซะอย่างงั้น และด้วย ความคิดอะไรต่าง ๆ ที่มาจากเด็ก 10 ขวบ ซึ่งมีความน่าสนใจอย่างมาก
เพราะในขณะที่หนังหลายเรื่อง เลือกที่จะเล่าผ่านมุมมองของผู้ใหญ่ ที่มีทั้งความ หดหู่ และดราม่า แต่ใน JoJo Rabbit กลับเลือกที่จะเล่าทุกอย่างผ่านเด็กคนหนึ่ง ซึ่งทำให้ออกมาเป็นความ ตลก สดใส ได้อารมณ์แบบ บอระเพ็ดแช่น้ำเชื่อม อะไรประมาณนั้น
ซึ่งต่อให้สัมผัสแรกมันหวานยัง แต่สุดท้ายเนื้อแท้ของมันก็ยังขมอยู่ดี
.
ยิ่งในส่วนครึ่งหลังของหนังนั้น หลังจากที่มีตัวละครใหม่เข้ามา หนังก็ยังทำให้เราตลกได้ ทั้ง ๆ ที่บนจอ กลับเต็มไปด้วยความหดหู่ และไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว
อารมณ์ที่เราหัวเราะ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังหดหู่เนี่ย ต้องขอ ปรบมือให้ ไทก้า เลย ในส่วนนี้
.
มาพูดถึงในส่วนของการแสดงกันบ้าง ต้องบอกเลยว่า ทีมนักแสดงเข้าขากันได้ดีมาก ๆ
ไม่ว่าจะเป็น สกาเล็ต แซม ร็อคเวล หรือ อัลฟี่ อัลเลน ที่สำคัญ คนที่น่ายกย่องที่สุด ก็คงเป็นเจ้าหนู JoJo ที่แสดงโดย Roman Griffin Davis นั่นเอง ที่การแสดงของน้องทำให้เราเชื่อ และมีความสุขกับตัวละคร พร้อมกับการเอาใจช่วยให้เขาผ่านเรื่องแย่ ๆ ไปให้ได้
.
ว่ากันว่าจริง ๆ แล้ว ไทก้า เป็น ผกก. ที่มีของนะ เราน่าจะรู้จักเขาครั้งแรกใน THOR Ragnarok
หรือผลงานอื่น ๆ ก่อนหน้านั้น อย่างสารคดีหลอก ๆ เกี่ยวกับผีดิบใน What We Do in the Shadows
หรือผลงาน Coming Of Age อย่าง Hunt for the Wilderpeople (ใครนึกไม่ออก ให้นึกถึง เจ้าเด็กแก่แดดในเรื่อง ที่ไปเล่นเป็นคู่หู DEADPOOL ในภาค 2)
ซึ่งจะเห็นว่าเขาสามารถกำกับหนังได้หลายแนว ตั้งแต่ หนังสารคดีแบบ mockumentary ... ที่ถึงจะหลอก ๆ ก็เถอะ หรืออย่างหนัง วัยรุ่น ก้าวพ้นวัย ไปจนถึงหนังสไตล์ Superhero
ซึ่งตอนนี้ ก็คงต้องนับหนังสงครามเข้าไปด้วยได้แล้ว และแน่นอนว่าลายเซ็นของ ไทก้า คือความตลก แต่เป็นตลกแบบใส่ความเครียดเข้ามาด้วย ซึ่งเราก็ได้ชัด และหวังว่า หลังจาก JoJo Rabbit นี้
เขาคงจะไม่ทำหนังที่หดหู่ เรียกน้ำตาแบบนี้ ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ
.
“Go to the Limits of Your Longing” : “Let everything happen to you: beauty and terror. / Just keep going. No feeling is final.”
.
นั่นแหล่ะคือ สรุปรวมของตัวหนัง
.
.
.
.
.
Ad : Cat on a cross road
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in