หากนักเขียนตกหลุมรักคุณ
คุณจะมีชีวิตตราบนิรันดร์
ไอเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศที่ปลายเท้าแผ่กระจายทั่วพื้นที่ห้องขนาดสิบแปดตารางเมตร หมอนหนุนใบโตสองใบถูกจับจองด้วยผู้เป็นเจ้าของห้องและผู้พักอาศัยเพียงชั่วครั้งชั่วคราว หยาดเหงื่อเย็นผุดซึมตามไรผมสีเข้ม ร่างกึ่งเปลือยเปล่านอนทิ้งตัวลงข้างกัน มีเพียงสัมผัสอุ่นร้อนผะผ่าวส่งผ่านกันผ่านท่อนขาที่พาดเกี่ยวกันไว้อย่างหมิ่นเหม่คล้ายความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่
เปราะบาง สั่นคลอน และขาดออกจากกันง่ายดายราวกับกระดาษแผ่นบางที่สามารถขาดสะบั้นได้โดยง่าย สิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เราทั้งคู่ไม่พลัดพรากคงเป็นเพียงความคะนึงและอาวรณ์ในบางห้วงอารมณ์ที่ส่งผ่านยามนัยน์ตาสองคู่ยลสบกัน
บทสนทนาเริ่มเรื่อยหลุดออกจากริมฝีปากของหล่อนก่อนเป็นคนแรก เคล้าไปกับเสียงผ่อนลมหายใจของอีกฝ่าย หล่อนเกลือกกลิ้งนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้มองคนข้างกายฝ่าความมืด มีเพียงแสงสว่างรำไรลอดผ่านประตูห้องน้ำที่ส่องแสงสว่างพอให้เห็นสิ่งของภายในห้องและใบหน้าเพียงซีกเดียวของเขา
อีกฝ่ายส่งเสียงอืมในคอคล้ายตอบรับ หรือไม่, ก็คงอยู่ในช่วงเวลากึ่งหลับกึ่งตื่นและห้วงฝันถูกรบกวนจากหล่อนด้วยรูปประโยคคำถามแปลกประหลาด น้ำเสียงแหบแห้งแผ้วผ่านลำคอแกร่งและริมฝีปากหยัก
“ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเราจะตายจริงๆ เราคงไม่ตายอยู่ที่นี่ คงเก็บเงินก้อนสุดท้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่อื่น ประมาณว่าเลือกที่ตายเหมือนแมวมั้ง”
หล่อนครางตอบในคอ ขยับกายบอบบางนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายเมื่อรู้สึกสายตาทำงานหนักเกินไปยามต้องจดจ้องเขาผ่านแสงสลัว สอดฝ่ามือสองข้างรองใต้พวงแก้มนิ่มในท่าทางประจำ
“คงจะเป็นสวิสเซอร์แลนด์”
“เลือกไปไกลนะเนี่ย”
“อืม”
“อยากให้เราไปไหม?”
“หมายถึง?”
“ไปงานศพไง”
“คงไม่”
“ใจร้ายจัง”
“แค่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้น ไม่อยากให้เธอมารับรู้ความจริง ไม่อยากให้เห็น”
หล่อนเงียบและรอฟังประโยคถัดไป เสียงทุ้มติดแหบในช่วงแรกเงียบไปครู่เดียวก่อนเอ่ยต่อ
“เราว่ามันเศร้านะ การตายจากไปน่ะ มันจะทำให้คนที่ยังอยู่รู้แล้วว่าคนๆนี้ไม่อยู่แล้ว มันไม่ใช่การหายไปในรูปแบบของการเลิกกัน แต่มันจะเป็นการหายไปแบบ พริบตาเดียวทุกอย่างที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีข้อความ ไม่มีเสียง ไม่มีอะไรทั้งนั้น มันเป็นการยอมรับความจริงที่เจ็บปวดมากนะ สำหรับคนที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป เพราะมันจะเหลือแต่อะไรเก่าๆไว้ให้ดูต่างหน้า ไม่มีอะไรใหม่ๆเพิ่มมาอีกแล้ว แล้วผ่านไปสักสองสามปี คนๆนั้นก็จะถูกลืมไปแล้วว่าเคยมีตัวตนอยู่จริงๆในโลกนี้”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหล่อนร้องไห้ต่อหน้าเขา มันผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะห้วงอารมณ์ไหน ความเปราะบางที่เคยกล่าวถึงหรือเรื่องใด หล่อนปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลผ่านสันจมูก เกลือกกลิ้งลงบนฝ่ามือที่ซ้อนทับกันและหมอนใบนุ่มที่ซุกซบศีรษะลงหา
ตลอดระยะเวลาร่วมสามปีเราคุยกันหลายเรื่อง มีเพียงช่วงหนึ่งปีก่อนหน้าที่หล่อนเป็นฝ่ายปลดเปลื้องความรู้สึกที่ติดค้างในใจมากมายให้พรั่งพรูผ่านกลีบปาก ไม่ว่าจะเป็นความอดกลั้น ความรู้สึกผิด หรือแม้กระทั่งความรู้สึกบางประการที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยภายใต้ความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่หล่อนเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้ในคราวแรกเพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางปฏิเสธ
ไม่ว่าจะเพราะใจดีมากเกินไป เห็นใจหล่อนมากเกินไป หรือแม้กระทั่งที่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ใช่ผู้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับอีกต่อไปแล้วในความสัมพันธ์เช่นนี้
หากแต่นี่คือบทสนทนาใหม่หลังจากหล่อนรู้ว่าเขาตรวจเจอโรคที่ไม่มีทางรักษาหายหากไม่เข้ารับการผ่าตัด และหล่อนรู้ดีกว่านั้นว่าเขาเลือกที่จะปฏิเสธการรักษาทุกรูปแบบ แม้ว่าเขาจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่ายังไม่พร้อมจะจากไปจากโลกนี้จริงๆ
ความรู้สึกหลากหลายตีรวนอยู่ในอก หากให้เลือกพูดออกมาเป็นความรู้สึก มันคงเป็นความรู้สึกอึดอัดเสียมากกว่าความเสียใจ
เพราะไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด เขาและหล่อนต้องแยกจากกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และเราทั้งคู่รู้ดี เพียงแค่เฝ้าหวังไม่ให้ค่ำคืนนี้กลายเป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องเจอกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in