มันเป็นตอนค่ำ ในตอนที่เคเลบหยุดชะงักฝีเท้าตนเองในป่าลึก
ระวัง -- เขาบอกตนเอง -- มีใครอื่นกำลังจ้องมองมาอยู่
ดวงตาสีดำขลับกวาดมองไปรอบตัว สองเท้าหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่เงี่ยหูฟังความเงียบสงัดในความมืด -- จนในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักมาจากทางเบื้องหน้าตนเอง
เคเลบยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม ในขณะที่เพ่งมองเข้าไปในหมู่แมกไม้อันรกชัฏตรงหน้า ใช้เวลาเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “เจคอบ”
การเรียกชื่อนั้น ทำให้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาจากเงามืดของต้นไม้ ใบหน้าเหลี่ยมที่มองตรงมานั้นฉายแววเจ้าเล่ห์ และดุร้ายในเวลาเดียวกัน มือหนาข้างหนึ่งควงกระบอกปืนไปมา ท่าทีดูคุกคามอยู่ในที
หากแต่เคเลบไม่ได้หวาดหวั่นต่อการเผชิญหน้ากับชายคนนี้สักนิด “นายตามฉันมาหรือ” เขาถาม
“นายรู้ตัวนานหรือยัง” อีกฝ่ายถามแทนคำตอบ “นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”
เคเลบตอบแทบจะในทันทีว่า “กลิ่นตัวนาย” -- กลิ่นสาบสางมันแรงเกินกว่าที่จะเป็นใครอื่นไปได้
เคเลบมองสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่เรือนผมที่มันเป็นก้อน ไปจนถึงเนื้อตัวที่เปื้อนไปด้วยคราบดินโคลน “นายไปทำอะไรมาหรือ”
คราวนี้เป็นอีกฝ่ายที่ตอบกลับมาแทบจะในทันทีว่า “ล่าสัตว์”
ในตอนกลางดึกอย่างนี้น่ะหรือ -- เคเลบนึก หากแต่ไม่ได้พูดอะไรกลับไป
เจคอบเริ่มเดินขยับไปมาเล็กน้อย รองเท้าหนังเหยียบไปตามก้อนหิน และท่อนไม้อย่างช้าๆ จนเกิดเป็นเสียงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ดวงตาเรียวเล็กมองเคเลบอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะถามออกมาเบาๆว่า “ลูกชายของนายหายไปไหน เคเลบ” เขายักไหล่อย่างแปลกใจ “ไม่มีใครเห็นเขามาหลายวันแล้ว”
“ลูกชายฉันไม่ได้ออกจากบ้าน” เคเลบตอบ ระมัดระวังตัวขึ้นมากกว่าเดิม
“แต่มีคนได้ยินเสียงเขากรีดร้อง” เจคอบเลิกคิ้ว เดินวนไปทางด้านหนึ่ง ในขณะที่จับจ้องมองมาทางเคเลบ “กรีดร้องดังลั่น และโหยหวน -- ราวกับสัตว์ปิศาจก็ไม่ปาน --”
เคเลบนิ่งเงียบไปเล็กน้อย
“เขาไม่ค่อยสบาย” เขาตอบสั้นๆ เริ่มต้นเดินไปทางด้านฝั่งตรงข้าม
ชายทั้งสองเดินวนไปคนละทาง ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างไม่ละสายตา -- ฝ่ายหนึ่งดูข่มขู่ และคุกคาม ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งดูระมัดระวังตนเอง และประเมินท่าที
“หมาของนายหายไปไหน” เจคอบถามต่อไป “พรานป่าอย่างนาย ไม่เคยอยู่ห่างจากบ็อบ -- หมาล่าเนื้อของนายเลยนี่”
เคเลบยังคงตอบออกมาสั้นๆว่า “บ็อบไม่ค่อยสบาย”
“ให้ฉันเดานะ” เจคอบพูดเสียงยานคาง ยกมือขึ้นเสยเรือนผมที่เป็นมันย่องอย่างช้าๆ “ลูกชายของนายมีไข้ -- ตัวซีด และเบื่ออาหารใช่ไหม --”
เคเลบนิ่งชะงักไปกับคำพูดนั้น
เจคอบสังเกตเห็นท่าทีของเขาได้ในทันที “และให้ฉันเดา -- หมาของนายก็เป็นแบบเดียวกันใช่ไหม”
เขารู้ได้อย่างไรกัน -- เคเลบพินิจมองไปยังรอยโคลนที่รองเท้า และคราบเลือดที่เปื้อนไปตามเสื้อคลุมของเจคอบ -- เขาบอกว่าเขาไปล่าสัตว์มางั้นหรือ
“นายไปล่าตัวอะไรมา” เคเลบถามช้าๆ เสียงทุ้มต่ำฟังดูเย็นเฉียบขึ้นมา
เจคอบแสร้งคิด ก่อนจะตอบออกมาว่า “สัตว์ปิศาจ” เขาชี้นิ้วไปทางด้านหลังตนเอง “เราได้ยินเสียงกรีดร้องคำรามมาจากป่าลึก -- สัตว์ป่าต่างบ้าคลั่ง และสัตว์ในคอกของเราต่างถูกกัดทำร้ายจนล้มตายเกือบทั้งหมู่บ้าน” เขาบอก “ผู้คนเริ่มถูกฝูงสัตว์ทำร้าย -- ล้มป่วย และตายไปตามๆกัน”
เจคอบเดินเข้ามาใกล้เคเลบมากขึ้น “เรื่องนี้ต้องจบลง” เขาบอก “หมู่บ้านเราจะเจอเรื่องแบบนี้นานไปกว่านี้อีกไม่ได้ เรื่องหายนะนี้ต้องจบลงเสียที”
เคเลบสบตามองเจคอบนิ่ง ในขณะที่ฟังเขาพูดต่อไปว่า “และเราได้ยินเสียงร้องคำรามนั่นมาจากบ้านของนายเคเลบ -- เราได้ยินเสียงคำรามราวสัตว์ปิศาจนั่นมาจากลูกชายที่อยู่ในบ้านของนาย และหมาที่นายล่ามไว้ในคอกของนาย แบบเดียวกันกับที่เราได้ยินมันจากในป่าลึกเลยทีเดียว --”
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างชายทั้งสอง
เคเลบไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่นาน ใบหน้าคมสันนั้นนิ่งเฉย ก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆว่า “ที่นี่ไม่มีสัตว์ร้ายที่นายตามล่า” เขาบอก “กลับไปบอกทุกคนในหมู่บ้านตามนั้น และอย่ากล้าดีมาจับตามอง หรือคุกคามครอบครัวฉันอีก”
เจคอบไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ
“เคเลบ” เขาพูดเสียงดังขึ้น ปลายเท้าเขยิบเข้ามาใกล้ จนห่างจากเคเลบไปเพียงไม่กี่คืบ ดวงตาสีฟ้าเข้มฉายความขุ่นเคืองออกมามากกว่าเดิม “เรื่องนี้จะไม่มีใครต้องเจ็บตัว ถ้านายยอมสารภาพผิดมาเสีย” เขาพยักเพยิดไปทางเงามืดในป่าลึกทางด้านหลังเคเลบ “เมียของนายจะไม่ถูกใครพาตัวไปสอบสวน ลูกชายของนายจะไม่ถูกลงโทษ -- และนายจะไม่ถูกขังคุกไปจนตาย -- สารภาพมาเสีย ว่านี่เป็นความผิดนาย นายคือที่มาของสัตว์ปิศาจที่ไล่ล่าทุกคนอยู่ขณะนี้ แล้วคนในหมู่บ้านจะไม่ขับไล่ครอบครัวนาย -- และฉันจะไม่เผาบ้านนายในคืนนี้”
“นายขู่ฉันหรือ” เคเลบกระซิบถาม ยังคงจ้องมองอีกฝ่ายโดยไม่หลบสายตา
“มันต้องเป็นนาย” เจคอบเค้นเสียงลอดไรฟัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม “มันต้องเป็นคนเร่ร่อนริมป่า ที่ไม่สุงสิงกับใคร หรือมีเครือญาติที่ไหนแบบนาย ที่กล้าทำเรื่องต่ำช้า และผิดบาปได้มากขนาดนี้! ต้องเป็นนายที่กล้าดีเลี้ยงปิศาจเอาไว้ในบ้านเน่าๆนั่น!”
เคเลบยังคงนิ่งเฉยกับคำสบถอันหยาบคายนั้น
“จะไม่มีใครในครอบครัวฉันต้องโดนโทษอะไรทั้งนั้น” เคเลบสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ “นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเรา ไม่มีใครรู้ หรือเป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นทั้งนั้น เจคอบ --” ดวงตาสีดำขลับของเคเลบชำเลืองมองพ้นไหล่ของเจคอบออกไป “บอกคนของนายให้ออกมาจากที่ซ่อนได้แล้ว คืนนี้จะไม่มีการต่อสู้ หรือจับกุมอะไรทั้งนั้น -- พวกนายกลับไปที่หมู่บ้าน และฉันกลับไปที่บ้านของฉันเพียงแค่นั้น -- แล้วจะไม่มีใครต้องเจ็บตัว”
ฉับพลันนั้นชายร่างสูงใหญ่อีกสองคนก็เดินออกมาจากเงามืด
พวกเขาก้าวเดินเข้ามาสู่แสงจันทร์ แล้วหยุดยืนอยู่เบื้องหลังเจคอบอย่างเงียบเชียบ ท่าทีรอรับคำสั่งต่อไปจากนายตนเอง
เจคอบเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นประกายขึ้นมาในเงามืด “เขาว่ากันว่านายเป็นพรานป่าที่เก่ง และเป็นคนที่อ่านใจยาก เคเลบ” เขาบอก “แต่สำหรับฉันแล้ว นายเป็นแค่คนที่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย --”
ตอนนั้นเองที่เจคอบยกมือขึ้นส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง แล้วคนติดตามคนหนึ่งก็ส่งถุงใบเล็กใบหนึ่งมาให้เขา
เคเลบมองตามถุงที่ถูกเปิดออกนั่น -- จนกระทั่งเห็นเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากถุงเป็นแนวยาว และส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ
“นายโกหก” เจคอบประกาศเสียงกร้าว “นายปิดบังอะไรบางอย่างไว้ในบ้านหลังนั้น”
มือหนาขยับปากถุงออกกว้าง ก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างออกมา แล้วยื่นมาเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว “นายรู้ว่าเรื่องร้ายนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่นายก็ยังเลือกที่จะปกปิดมันเอาไว้! บ้านหลังเล็กเน่าๆนั่นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าที่คุมขังปิศาจร้าย! กลอนประตูของนายไม่ได้ลั่นเอาไว้เพื่อป้องกันคนนอกบุกรุกเข้าไป แต่มันมีไว้เพื่อกักขังไม่ให้ปิศาจร้ายออกมาข้างนอก!”
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าเคเลบนั้น ทำให้เขาเผลอผงะถอยหลังไปเล็กน้อย มือหนารีบคว้าท่อนไม้ขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว
“ใช่ เคเลบ!” เจคอบพูดเสียงดังขึ้นอย่างมีชัย จนแทบจะกลายเป็นตะคอก “ฉันรู้แล้วว่านายเลี้ยงปิศาจร้ายนั่นไว้ นายเป็นเจ้าของหมาปิศาจ และเป็นพ่อของลูกปิศาจ! นายคือคนที่ปล่อยหมาปิศาจเข้าไปอาละวาดในหมู่บ้าน! นายคือต้นเหตุของทุกอย่าง!”
“ไม่ใช่ หมาของฉันถูกสัตว์ป่ากัดทำร้ายก่อนหน้านั้น” เคเลบปฏิเสธ กำท่อนไม้ในมือไว้แน่น “และคนติดเชื้อในหมู่บ้านเหล่านั้น ไม่ใช่คนเดิมที่นายรู้จักอีกต่อไปแล้ว -- พวกเขากำลังจะเปลี่ยนไป --”
“อย่ากล้าดีมาโกหกฉัน!!!” เจคอบตะคอกออกมา ไม่สนใจคำปฏิเสธอีกฝ่าย “ฉันเห็นแล้ว ได้ยินไหม! ฉันเห็นหมาปิศาจของนายแล้ว!”
แสงจันทร์สาดส่องผ่านหมู่แมกไม้ลงมา เผยให้เห็นหัวสุนัขที่ขาดรุ่งริ่งอยู่ในมือเจคอบ เลือดสีแดงฉานไหลเปรอะไปทั่วใบหน้าของหมาล่าเนื้อ ไหลลงมาตามท่อนแขนของเจคอบ แล้วเปื้อนไปตามพื้นจนกลายเป็นแอ่งสีแดงฉานอย่างน่าสยดสยอง อุ้งปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวยังคงมีเศษชิ้นเนื้อค้างอยู่อย่างน่าขนลุก
“นั่นเป็นเหตุผลที่นายรีบเตรียมเรือหนี!” เจคอบตะคอก “แต่นายหนีฉันไม่ได้หรอก!”
ใบหน้าของเคเลบฉายความตกใจออกมาเป็นครั้งแรก
ชายสามคนนี้ไปล่าสัตว์ปิศาจมา
“ใช่” เจคอบพยักหน้า โยนหัวสุนัขล่าเนื้อไปยังปลายเท้าของเคเลบดังโครม! “ฉันฆ่าหมาของแกแล้ว! และตอนนี้แกจะกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันรู้เสมอว่ามันต้องเป็นแกที่เป็นคนร้าย เคเลบ ฉันไม่เคยชอบขี้หน้าแกเลย ฉันรู้อยู่เสมอ ว่าไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแก ต้องเป็นต้นเหตุเรื่องนี้แน่ๆ! -- ลูกของแกป่วยด้วยอาการเดียวกันกับคนบาดเจ็บในหมู่บ้าน หมาของแกก็เป็นหมาปิศาจที่ถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้ในคอก! หมาปิศาจของแกกัดทำร้ายมนุษย์ และกินเนื้อมนุษย์!” เจคอบชี้หน้าเคเลบ “ฉันเห็นเองกับตาแล้ว มันกัดขาลูกน้องฉันจนเนื้อเหวอะ! มันกินชิ้นเนื้อเข้าไปจนแทบไม่เหลือซาก! และแกรู้ทุกอย่าง เคเลบ!”
ตอนนั้นเองที่เคเลบยกท่อนไม้ขึ้นมาระดับอกตนเอง หากแต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาเจตนาทำร้ายเจคอบ
ในทางตรงกันข้าม ดวงตาสีดำขลับของเคเลบมองข้ามไหล่ของเจคอบไป -- เขาจ้องมองอยู่เช่นนั้นโดยไม่ละสายตา -- ท่าทีดูระมัดระวังตนเอง และตั้งท่าพร้อมสู้อย่างชัดเจน
เคเลบสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “ฉันไม่ได้กลัวนาย” เขาบอก “แต่ฉันกลัวคนของนายที่บาดเจ็บ -- เขากำลังเปลี่ยนไป”
แวบหนึ่งเจคอบไม่เข้าใจในคำพูดนั้น หากแต่เสียงร้องดังอึกอักที่ดังมาจากทางเบื้องหลัง ทำให้เขาหมุนตัวกลับไปมอง ก่อนที่จะพบว่าคนติดตามคนหนึ่งของเขากำลังสั่นกระตุกอย่างรุนแรง
ชายร่างสูงคนนั้นสั่นสะท้าน รุนแรงเสียจนท่อนแขน และท่อนขาสั่นไหวไปมาราวกับหุ่นเชิดที่ถูกฉุดกระชาก เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากท่อนขาที่ถูกกัดทำร้ายจนเนื้อเหวอะนั่น ร่างทั้งร่างบิดเบี้ยวไปมา พร้อมกับเสียงกระดูกที่ดังขึ้น ราวกับว่ามันได้หักร้าวไปทั่วทั้งร่าง!
เจคอบกับคนติดตามอีกคนผงะถอยห่างออกมาจากชายคนนั้นในทันที ต่างตื่นตะลึงไปกับภาพตรงหน้า
“ทอมมี่” เจคอบกระซิบเรียกชื่ออีกฝ่าย “ทอมมี่ --”
หากแต่ทอมมี่ไม่ได้ขานตอบกลับมา
“เขาถูกหมาปิศาจนั่นกัด --” ชายติดตามอีกคนหนึ่งกระซิบ “และเขากำลังกลายเป็นเหมือนหมาปิศาจนั่น เหมือนกับคนติดเชื้อคนอื่นๆในหมู่บ้าน! --”
“หุบปาก เอ็ด! อย่าทำตัวปอดแหกไปหน่อยเลย!” เจคอบตะคอก หากแต่น้ำเสียงกลับตื่นกลัวอย่างชัดเจน
ทอมมี่ส่งเสียงอึกอักในลำคอราวกับขาดอากาศหายใจ แผงอกสั่นสะท้านรุนแรง ราวกับว่าอะไรบางอย่างจะระเบิดออกมาจากแผงอก ใบหน้าอันขาวซีดนั้นแหงนเงยขึ้น เผยให้เห็นเส้นเลือดสีดำที่ปูดโปนไปตามผิวหน้า และลำคอ ดวงตาที่เบิกโพลงนั้นค่อยๆกลายเป็นสีขาวโพลน จนแทบจะเรืองแสงได้ในความมืด ริมฝีปากที่อ้ากว้าง เต็มไปด้วยคมเขี้ยวอันแหลมคม!
“ถอย!” เคเลบสั่ง “ถอยห่างมาจากเขาเดี๋ยวนี้!!”
วินาทีที่สิ้นเสียงของเคเลบนั่นเอง ร่างของทอมมี่ก็พุ่งเข้าไปยังร่างของเอ็ดอย่างรวดเร็ว เขากดกระแทกอีกฝ่ายลงกับพื้นดินด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล จากนั้นถึงโฉบกัดลงไปยังลำคอ แล้วฉีกกระชากเนื้อหนังออกมาเป็นทางยาว
ภาพที่เห็นนั้นทำให้เจคอบร้องออกมาดังลั่นอย่างขวัญผวา ร่างสูงนิ่งแข็งราวรูปปั้นหิน มือและขาไม่อาจขยับหนีได้สักนิด
เสียงร้องของเขาทำให้ทอมมี่หันขวับมา ร่างอมนุษย์นั้นแผดเสียงร้องออกมาดังลั่น ราวกับปิศาจร้ายที่กำลังล่าเหยื่อ
ตอนนั้นเองที่เคเลบวิ่งเข้ามา ท่อนแขนอันแข็งแรงเงื้อมท่อนไม้ขึ้นสูง ก่อนที่จะฟาดอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง
โครม! โครม!
ทอมมี่ล้มลงกับพื้นไปตามแรงฟาด ใบหน้าเละไปเกือบครึ่งจากแรงทุบอันรุนแรงนั่น หากแต่เขายังคงร้องคำรามออกมาอย่างดุร้าย ดวงตาที่เบิกโพลงนั่นจับจ้องมองมายังเคเลบอย่างน่ากลัว
ปัง!
ก่อนที่เคเลบจะได้ทันทำอะไรมากไปกว่านั้น เสียงปืนก็ดังขึ้น ก้องกังวานไปทั่วทั้งป่า -- แล้วร่างของทอมมี่ก็นอนแน่นิ่งไปกับพื้นดิน พร้อมกับเลือดที่ไหลอาบนองหน้า
เคเลบหอบหายใจ จ้องมองรอยกระสุนกลางหน้าผากอีกฝ่าย ก่อนที่จะหันมาทางต้นเสียง
เจคอบยังคงยกกระบอกปืนค้างกลางอากาศ ฝ่ามือหนาสั่นเทาอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงดังขึ้นในความมืด
“เจคอบ” เคเลบกระซิบเรียก ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “เจค --”
เจคอบสะดุ้งในทันที ดวงตายังคงเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด ในขณะที่ลมหายใจดังขาดห้วงไปชั่วขณะ ราวกับสติได้หลุดไปจากร่างเขาแล้วก็ไม่ปาน
“ฟังนะ” เคเลบพูดรัวเร็ว “นายต้องเตือนคนในหมู่บ้าน -- คนที่ถูกกัดจะมีสภาพไม่ต่างไปจากทอมมี่ และหมาของฉัน -- ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร -- แต่พวกเขากลายร่างเร็วกว่าที่ฉันคิด --”
เจคอบยังคงมองซากศพของทอมมี่อย่างตื่นตะลึง
“นายรีบพาเอ็ดกลับไปที่หมู่บ้าน และห้ามเลือดเขาเสีย--” เคเลบเขย่าร่างของเจคอบ ให้สติกลับคืนมา “ได้ยินฉันไหม นายกับเอ็ดต้องรีบกลับไปบอกพวกคนในหมู่บ้าน ไปเตือนพวกเขา! พวกเขาจะยอมฟังนาย พวกเขาจะฟังที่นายบอกแน่ ถ้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเอ็ด --”
ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงดังขึ้นมาจากความมืดในป่าแห่งนี้
ทั้งเคเลบ และเจคอบต่างหันไปมองรอบตัว ตื่นตกใจไปกับเสียงร้องคำรามราวปิศาจร้ายที่ดังก้องกังวานไปทั่วทุกทิศทาง ราวกับว่ามันดังมาจากที่ไหนสักแห่งที่อยู่ไกลออกไปจากที่นี่
วินาทีนั้นเคเลบรับรู้ได้ในทันทีว่าเสียงกระสุนที่ดังขึ้น ได้เรียกพวกมันมาที่นี่!
เจคอบออกตัววิ่งในทันที เขาร้องออกมาอย่างตื่นกลัว แข้งขาอ่อนแรง จนถึงขั้นล้มลงบนพื้นดังโครม ก่อนที่จะพยุงตัวลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้ง แล้ววิ่งเข้าไปในความมืดของป่า ละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ทั้งคนของตัวเองที่บาดเจ็บ และกระบอกปืนของตนเอง
เคเลบรีบคว้ากระบอกปืนนั้นมาเก็บไว้ในเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว สำนึกทั้งหมดอยู่ที่การกลับไปที่บ้านของตนเองเท่านั้น!
หากแต่ในตอนที่เขากำลังจะออกวิ่งไปนั่นเอง เขาก็ได้ยินเสียงครวญดังขึ้นมาจากร่างที่นอนอยู่บนพื้น
เคเลบหันไปมองตามต้นเสียง --
เอ็ดผู้ถูกทอดทิ้งยังคงนอนอยู่ตรงนั้น -- ลำคอที่ถูกกัดเป็นแผลลึกอาบท่วมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง -- จนกระทั่งวินาทีถัดมา เสียงครวญที่ดังออกมาจากลำคอนั้นก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงดังอึกอัก เช่นเดียวกันกับที่เคเลบได้ยินจากทอมมี่
มันเป็นเสียงเดียวกัน และอาการเดียวกันกับที่เขาเห็นจากสุนัขล่าเนื้อของเขา และทอมมี่ --
อาการเดียวกันกับที่เขาเห็นจากริเวอร์ ลูกชายของเขา!
ชายเคราะห์ร้ายคนนี้กำลังจะกลายร่าง!
เคเลบรู้ในทันทีว่าต้องทำอะไร
เขาคว้าท่อนไม้กลับมาไว้ในมือ กระชับมันแน่น เงื้อมขึ้นสูงเหนือศีรษะ แล้วทุบลงกลางกะโหลกของอีกฝ่าย -- เมื่อแน่ใจว่าร่างนั้นนอนแน่นิ่งแล้ว เขาจึงหมุนตัว แล้วออกวิ่งไปกลับไปยังบ้านของตนเอง
ไม่มีเวลาเหลืออีกต่อไปแล้ว -- เคเลบบอกตนเอง
อีกไม่นานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยปิศาจร้าย!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in