บานประตูสั่นสะเทือน บานหน้าต่างถูกทุบอย่างรุนแรง
ความมืดได้ครอบงำดวงตาของเขาทั้งสองข้างมากกว่าเดิม จนเคเลบมองอะไรอื่นไม่เห็นอีก นอกจากร่างอันเลือนรางของแมรี่โกลด์ และสัมผัสของเลือดที่พุ่งไปทั่วบริเวณเท่านั้น
เขากำลังจะสูญเสียการมองเห็นไป -- เคเลบบอกตนเอง หากแต่เขาก็ยังคงออกแรงผ่ามีดลงไปบนหน้าท้องภรรยา
แมรี่โกลด์เกร็งแน่น ในตอนที่หน้าท้องถูกผ่าออกด้วยมีดอันแหลมคม เธอเหนี่ยวรั้งความอมนุษย์ในตนเองให้แบกรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เรี่ยวแรงทั้งหมดในกายราวกับจะหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงลมหายใจอันน้อยนิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่าง
ความเจ็บปวดทั้งหมดราวกับจะพุ่งมาที่หน้าท้องของเธอ ประสาทสัมผัสทั้งหมดถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง จนแมรี่โกลด์รู้สึกราวกับร่างของเธอกำลังจะฉีกขาดเป็นสองท่อน ความเป็นปิศาจร้ายในตัวทำให้เธอไม่ขาดใจตายกับคมมีด หากแต่ความเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญนั้น รุนแรงเกินกว่าที่เธอเคยประสบพบพานมา
ในโลกที่มืดมิด และมองไม่เห็นสิ่งอื่นใด แมรี่โกลด์กำท่อนแขนของเคเลบไว้แน่น -- ยึดเหนี่ยวสัมผัสกายของเขาเอาไว้ ราวกับว่ามันคือสิ่งเดียวที่เตือนให้เธอรับรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่
เสียงกรีดร้องของเหล่าปิศาจร้ายนอกบ้านดังขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเสียงทุบกระแทกรอบๆตัวบ้าน -- อีกไม่นานพวกมันก็จะบุกเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้!
แมรี่โกลด์ได้ยินเสียงตนเองร้องออกมาดังลั่น เมื่อความเจ็บปวดทวีความรุนแรงถึงขีดสุด จนเธอแทบจะขาดใจตาย ยิ่งเคเลบพยายามช่วยให้ลูกได้กำเนิดออกมามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งขาดใจตายมากขึ้นเท่านั้น
เธอกำลังจะตาย
แมรี่โกลด์กรีดร้องออกมาดังลั่นกว่าเดิม -- คราวนี้โหยหวนกว่าเดิม และยาวนานกว่าเดิม -- ส่วนหนึ่งของร่างเธอได้ฉีกขาดออกไป -- เธอไม่อาจสัมผัสอะไรอื่นได้อีกนอกจากความเจ็บปวดปางตาย
แต่แล้วในความทุกข์อันแสนสาหัสนั้น เธอก็ได้ยินเสียงร้องของทารกดังขึ้น
ดังชัดเจนจนแทบจะกลบเสียงเหล่าปิศาจร้ายจากภายนอกได้!
แมรี่โกลด์ไม่รู้ว่าสภาพของตนเป็นเช่นไร เธอกำลังมีชีวิตอยู่ หรือกำลังตายจากไปแล้ว -- หากแต่เธอแน่ใจว่าเธอกำลังยิ้มออกมา และหัวใจในอกซ้ายที่หยุดเต้นไปชั่วขณะ ก็ได้กลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง
ลูกของเธอได้ถือกำเนิดแล้ว!
เราทำสำเร็จ -- แมรี่โกลด์พยายามเปล่งเสียงออกมาด้วยเรี่ยวแรงที่มี เธอยิ้มออกมา พยายามเพ่งมองผ่านดวงตาอันมืดบอดของตนเองไปยังต้นเสียงของทารก -- เราทำสำเร็จ เคเลบ --
เราทำสำเร็จ --
“แมรี่โกลด์” เคเลบกระซิบ อุ้มทารกแรกเกิดที่อาบไปด้วยเลือดไว้แน่น กระชับร่างเล็กนั่นไว้ในเสื้อคลุมอย่างปกป้องหวงแหน
ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นเธอขยับตัวในความมืดสลัว
เคเลบเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่ามือที่ขยับแทบไม่ไหวของแมรี่โกลด์กำลังถือมีดไว้แน่น -- มีดที่เขาทำตกไว้บนพื้นเมื่อครู่
ปลายคมมีดด้ามนั้นค่อยๆเคลื่อนขึ้นมาจ่ออยู่เหนือกะโหลกศีรษะของตนเองอย่างช้าๆ
เคเลบหันไปทางร่างของเจคอบที่นอนแน่นิ่งอยู่อีกห้อง ร่างนั้นกะโหลกร้าว และแหลกเป็นชิ้นๆ จากน้ำมือของเขา -- นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แมรี่โกลด์ตายได้
ศีรษะของเธอ --
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีใครขยับ หรือพูดอะไรออกมา -- เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่นอีก ไม่แม้แต้เสียงลมหายใจของตนเอง --
ในที่สุด หญิงสาวก็เป็นคนทำลายความเงียบ “เราทำสำเร็จ” เธอกระซิบอย่างแผ่วเบา “ลาก่อน ที่รัก --”
เธอในตอนนี้ไม่เหลือแรงต่อสู้กับด้านมืดในตัวเองอีกต่อไปแล้ว
แต่เธอจะไม่ยอมกลายร่างเป็นปิศาจ แล้วทำร้ายคนที่เธอรักสองคนที่เธอเหลืออยู่เด็ดขาด
และก่อนที่เคเลบจะได้ทันทำอะไร แมรี่โกลด์ก็ขยับมีดเล่มนั้นแทงเข้าไปในกะโหลกของตนจนมิดด้าม!
โลกทั้งใบของเคเลบหมุนคว้าง เคเลบได้ยินเสียงตนเองตะโกนเรียกชื่อเธอดังลั่น -- เสียงนั้นก้องกังวาน และสนั่นหวั่นไหว จนสติเขาแทบแตกกระเจิง
เคเลบพบว่าตนกำลังร้องไห้อยู่ท่ามกลางกองเลือด -- และกำลังนั่งอยู่ระหว่างร่างที่เกิดใหม่ของลูก กับซากศพของภรรยาตนเอง
เคเลบเอื้อมมือข้างหนึ่งไปสัมผัสใบหน้าของเธอไว้แน่น แทบไม่เชื่อสายตาตนเองว่าเธอจากไปแล้ว
เขาร้องออกมาดังลั่น ไม่สนใจว่ามันจะยิ่งกระตุ้นให้เหล่าปิศาจแผดเสียงอย่างดุร้าย และพยายามเข้ามาในบ้านมากขึ้นเพียงใด สำนึกทั้งหมดของเขาราวกับจะหยุดอยู่ที่ใบหน้าอันนิ่งสนิท และร่างอันแน่นิ่งที่จมกองเลือดของแมรี่โกลด์เท่านั้น
“แมรี่โกลด์!!” เคเลบร้องลั่น เขย่าร่างเธอ -- หากแต่แมรี่โกลด์ก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับมา ไม่แม้แต่ขานรับใดๆ
ใบหน้าของเธอนิ่งสนิท ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเขียวเจิดจ้ากลับขุ่นมัว และลอยเคว้ง เสียงลมหายใจอันแผ่วเบาเงียบหายไปในความมืด --
เธอจากเขาไปแล้ว --
สตินึกคิดของเคเลบแทบจะดับวูบไปตรงนั้น
ดวงตาที่พร่าเลือนของเขาเอ่อท้นไปด้วยน้ำตา ลมหายใจคล้ายจะหมดไปจากร่าง คำพูดและเสียงร้องถูกกลืนหายไปในลำคอ -- ร่างสูงนิ่งค้างไป ราวกับว่าดวงวิญญาณได้แหลกสลายไปแล้ว
หากแต่เสียงร้องของทารกได้ปลุกให้เข้ากลับมาจากโลกของความตาย
กลับมา เคเลบ -- เขาบอกตัวเอง -- กลับมาเดี๋ยวนี้
เขายังต้องปกป้องลูก -- ลูกของเขาและแมรี่โกลด์!
เคเลบรวบรวมสติของความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่ในร่างเข้าด้วยกัน
มือหนาค่อยๆดึงมีดออกมาจากกะโหลกของแมรี่โกลด์ ริมฝีปากหยักอ้ากว้าง เปล่งเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่น ประสานกับเสียงร้องของบรรดาปิศาจร้ายนอกบ้าน
พลังเฮือกสุดท้ายในร่าง ทำให้เข้าโอบกระชับร่างทารกในห่อผ้าไว้แน่น จิตสำนึกเหลือเพียงการปกป้องเท่านั้น
ทว่ากลิ่นเนื้อหวานของทารกก็ทำให้หัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะถี่รัวยิ่งขึ้น
เคเลบต่อสู้กับสิ่งเดียวกันกับที่แมรี่โกลด์ต้องเผชิญมา เขากัดฟันแน่น ฉุดรั้งความเป็นมนุษย์เอาไว้ ไม่ให้คมเขี้ยวที่งอกขึ้นในริมฝีปากฉีกทึ้งเนื้อลูกในอ้อมแขนตนเอง
เขาต้องรีบไปที่ที่ปลอดภัยสำหรับลูกของเขา -- เคเลบบอกตนเอง ขณะฝืนลุกขึ้นยืนท่ามกลางกองเลือดของแมรี่โกลด์ -- เขาต้องไปที่ริมแม่น้ำ เขาต้องกลับไปที่เรือ!
ที่นั้นแล้ว น้ำจะเป็นปราการปกป้องลูกชายเขาจากปิศาจร้าย!
เคเลบกอดทารกเข้ากับแผงอกตนเอง มือหนากระชับเสื้อคลุมเข้ากับร่างเล็กๆที่ร้องจ้าไว้แน่น -- ร่างสูงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดูอ่อนแรง ราวกับกำลังตกนรกทั้งเป็นก็ไม่ปาน
เคเลบก้มลงมองภรรยาของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย
ดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนของเขาทำให้เขามองเห็นร่างบางเพียงเลือนรางเท่านั้น -- หากแต่มันก็มากพอสำหรับเขา
วินาทีนั้นใบหน้าอันสวยหวาน และดวงตาสีเขียวเจิดจ้าของแมรี่โกลด์ก็กระจ่างชัดในใจเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“ลาก่อน ที่รัก” เคเลบกระซิบ “แล้วฉันจะตามเธอไป --”
สิ้นคำพูดนั้น เคเลบกำมีดผ่าตัดที่เปียกโชกไปด้วยเลือดไว้ในมืออีกข้าง จิตใจกลับมาตั้งมั่นแน่วแน่อีกเป็นครั้งสุดท้าย
เพล้ง!
กระจกหน้าต่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และบานประตูก็สั่นคลอนจนแผ่นไม้ทะลุเป็นวงกว้าง เหล่าปิศาจร้ายกรีดร้องดังลั่น กลิ่นเลือดและเนื้อของทารกแรกเกิดราวกับกระตุ้นให้พวกมันทรงพลังยิ่งกว่าเดิม บรรดาร่างอันเหม็นเน่าต่างแย่งกันปีน และคลานผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องอย่างบ้าคลั่ง มือที่ผิวลอกถลอกและเต็มไปด้วยแผลตะปุ่มตะป่ำเอื้อมเข้ามาจากช่องว่างของประตู พยายามไขว่คว้ามาทางร่างของเคเลบที่ยืนอยู่กลางโถงอย่างดุร้าย
เคเลบรวบรวมสติตนเองอีกครั้ง ก่อนจะออกวิ่งไปยังบานประตูตรงหน้า ไม่หวั่นไหวต่อใบหน้าและฝ่ามือของเหล่าปิศาจที่พยายามแทรกตัวผ่านเข้ามาตามช่องว่างของประตู แล้วเมื่อใกล้พอ เขาก็ยกขาข้างหนึ่งถีบประตูด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
โครม! โครม! จนกระทั่งประตูแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เคเลบกัดฟันแน่นเมื่อถูกกรงเล็บ และคมเขี้ยวกัดทึ้งไปตามท่อนขากับท่อนแขนของตนเอง หากแต่เขายังใช้ตนเองเป็นโล่กำบังลูกเอาไว้อย่างแน่นหนา
เคเลบตวัดมีดใส่ลำคอของเหล่าปิศาจร้ายที่โฉบตรงเข้ามายังร่างของทารกในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีดำขลับกวาดมองไปรอบตัวในขณะที่ออกวิ่งมาจากตัวบ้าน กลั้นเสียงร้องตนเองไว้แน่นในตอนที่ถูกคมเขี้ยวของพวกปิศาจที่วิ่งไล่ล่ามา รุมกัดลงตรงหัวไหล่ และแผ่นหลัง!
เคเลบแทงลำคอพวกนั้นอย่างไม่ปรานี สะบัดตัวหนีจากการถูกเกาะกุมไว้อย่างรวดเร็ว เขายังคงออกวิ่งต่อไป ไม่หยุดวิ่งแม้สักก้าว แม้ว่าดวงตาทั้งสองข้างพร่าเลือนมากกว่าเดิม
เคเลบวิ่งหนีเข้าไปในป่าลึก พยายามออกแรงวิ่งมากขึ้น และเร็วขึ้น ในขณะที่ความรู้สึกเจ็บปวดกำลังครอบครองไปทั่วทั้งร่างของเขา! ดวงตาทั้งสองข้างมืดมัวกว่าเดิม และหูทั้งสองข้างก็แทบไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่อไป
ประสาทสัมผัสที่แปรเปลี่ยนไป ส่งผลให้เคเลบไม่รับรู้ถึงตำแหน่งของเหล่าปิศาจร้ายเช่นก่อนหน้า -- เสียงร้องของเหล่าปิศาจที่ไล่ตามหลังมาติดๆก็เริ่มแว่วหายไป -- เช่นเดียวกันกับเสียงหัวใจเต้นของเขาที่ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ
ไม่!
เคเลบคำรามออกมาดังลั่น! เขาจะไม่กลายร่างตอนนี้!! ไม่ในตอนที่ลูกของเขายังไม่ปลอดภัย!!
เสียงร้องของทารกดังขึ้นในโลกที่ค่อยๆมืดบอดของเขา แว่วเข้ามาในโสตประสาทราวกับดังมาจากสักแห่งที่อยู่ไกลออกไป -- ทั้งๆที่อยู่ในอ้อมอกเขา!
สัมผัสของเขากำลังเปลี่ยนไปเร็วกว่าที่เขาคาด จมูกเขาเริ่มไม่ได้กลิ่นเลือดเน่าของแมรี่โกลด์ที่อาบไปทั่วทั้งตัวของตนเอง และหูเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่นอีกนอกจากเสียงของลูกตนเองเท่านั้น
ความมืดที่เริ่มโอบล้อมโลกของเขายิ่งทำให้เขารับรู้ถึงความจริงในข้อนั้น
เวลาเขากำลังจะหมดลง
เคเลบแทงกระซวกร่างของปิศาจร้ายที่โฉบพุ่งเข้ามาจากทางหมู่แมกไม้ เขายกศอกขึ้นป้องกันทารกน้อย จนเนื้อหนังเขาถูกฉีกกระชากเป็นทางยาว -- หากแต่เขาไม่สนใจต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
เคเลบคำรามลั่น ออกแรงถีบร่างตรงหน้าให้พ้นทาง ก่อนที่จะออกแรงวิ่งต่อไป
ยิ่งเสียงฝีเท้า และเสียงกรีดร้องคำรามของปิศาจไล่ล่าตามติดมามากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งออกวิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
อีกนิดเดียว -- อีกนิดเดียวเท่านั้น! -- เคเลบบอกตนเอง -- อีกนิดเดียว เขาจะมาถึงริมแม่น้ำแล้ว
เคเลบสะดุดรากไม้ล้มลงบนพื้น มือหนายังคงประคองทารกที่ร้องจ้าอยู่ในอ้อมอกตนเองไว้แน่น ผิวที่ลอกถลอกมากขึ้นทำให้เขารู้สึกแสบสะท้านไปทั้งร่าง
วูบหนึ่ง เขารู้สึกเหมือนหลงทางอยู่ในเงามืดสลัว
มือหนาควานไปตามความมืดเบื้องหน้า พลันแสงสว่างอันน้อยนิดที่เล็ดลอดผ่านเข้ามาในม่านตาก็ทำให้ความหวังเกิดขึ้นในใจเคเลบอีกครั้ง
มันคือแสงสะท้อนของผิวแม่น้ำ!
แสงสว่างของเช้าวันใหม่เริ่มมาถึงแล้ว!
พลันปลายจมูกของเขาก็ได้กลิ่นบรรดาผู้คนมาจากทางเบื้องหน้า -- เสียงฝีเท้าที่ออกวิ่ง ดังกังวานไปทั่วโสตประสาทของเขาอย่างชัดเจน
พวกผู้คนกำลังหนีไปยังแม่น้ำ เช่นเดียวกันกับเมื่อหกเดือนก่อน
เขามาถูกทางแล้ว!
ในวินาทีที่เขาดีใจที่มาถึงจุดหมายนั้น บรรดาปิศาจร้ายพุ่งกระแทกเข้าใส่เขา จนร่างทั้งร่างเกือบจะจมหายไปในดินโคลน คมเขี้ยวอันแหลมคมของปิศาจร้ายกัดโจมตีไปทั่วลำคอ และแผ่นหลังของเคเลบ มืออันเหม็นเน่าเอื้อมมาฉุดกระชากท่อนแขนเขาอย่างรุนแรง พยายามจะเข้าถึงตัวทารกอย่างบ้าคลั่ง
เคเลบร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อผิวหน้า ลำคอ แผ่นหลัง และท่อนแขนถูกกดทับ คมเขี้ยวอันแหลมคมกัดทึ้งจนเนื้อเขาเหวอะไปทั่วร่าง
หากแต่เคเลบยังคงกอดกระชับ และโน้มร่างมาปกป้องลูกตนเองเอาไว้อย่างหวงแหนสุดกำลัง
เคเลบต่อสู้กับทุกอย่างด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ในกาย ทั้งความอมนุษย์ในตนเองที่อยากฉีกทึ้งเนื้อหวานของทารก และความอมนุษย์รอบตนเองที่กำลังไล่ล่าทารกอย่างบ้าคลั่ง
เคเลบกัดฟันแน่น -- ภาพใบหน้าของแมรี่โกลด์ที่อาบท่วมไปด้วยเลือดฉายชัดขึ้นมาในใจอีกครั้ง --
ในที่สุดเคเลบก็ร้องคำรามออกมาดังลั่น อย่างยาวนาน และทรงพลัง -- ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเกร็งแน่น ต่อต้านแรงอันมหาศาลของเหล่าปิศาจร้ายที่รุมปะทะมาจากรอบด้านจนสุดแรง เคเลบรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในกายออกมาจนหมดสิ้น จนกระทั่งมันสามารถผลักร่างปิศาจให้กระเด็นออกไปจากร่างตนเองได้สำเร็จ
เคเลบอาศัยจังหวะที่ตนเป็นอิสระนั้นขยับตัวในทันที
ร่างสูงที่เต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะของเคเลบวิ่งเซไปตามทางด้านหน้า ดวงตาทั้งสองข้างที่มองเห็นได้เพียงเลือนราง ยังคงเชื่อมั่นในแสงสว่างที่ตนเห็น
เคเลบยึดแสงนั้นไว้มั่น ในขณะที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด
จนในที่สุดสองเท้าเขาก็สัมผัสได้ถึงพื้นดินอันเปียกแฉะ และความชื้นของแหล่งน้ำ
เคเลบยิ้มออกมา -- เขามาถูกทางแล้ว! แสงสว่างนั่นเป็นแสงสะท้อนจากผิวแม่น้ำจริงๆ! ลูกของเขาจะรอดชีวิตจากการถูกไล่ล่าแล้ว
“หยุด!!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางเบื้องหน้าของเคเลบ หากแต่จิตใต้สำนึกที่พยายามปกป้องลูกชายตนเองนั้นแรงกล้า ผลักดันให้เขารุดเดินต่อไป ร่างทั้งร่างอ่อนแรงจนเซไปมา สองขาสั่นระริกจนแทบล้มทั้งยืน “หยุดเดี๋ยวนี้!!! อย่าเข้ามาใกล้!!!”
เคเลบยังไม่ยอมหยุด
“เขาติดเชื้อแล้ว!” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น “เขาถูกกัดจนเหวอะไปทั้งตัว!!”
“ตาของเขาขุ่นมัวแล้ว!” อีกเสียงตะโกน พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งถอยห่างไป “ไปกันเถอะ!! ทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่!!”
“เขาเป็นคนต่างถิ่น ทิ้งเขาไว้เสีย!”
“ไม่ใช่! นั่นคือเคเลบ!” อีกเสียงร้อง “เขาคือคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายนี่!!!”
“เขาคือคนที่เลี้ยงลูกปิศาจไว้ในบ้าน!!!”
“เจ้าของหมาปิศาจนั่น!!!”
“ไปกันเถอะ เรือจะออกแล้ว!!!” อีกเสียงที่อยู่ไกลออกไปตะโกนลั่น
คำว่าเรือทำให้เคเลบหันไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ภาพแสงสว่างอันเลือนรางแทบจะจางหายไปในความมืดมากขึ้นทุกขณะ เขากำลังจะสูญเสียการมองเห็นไป!
“เดี๋ยว!” เคเลบร้องออกมา ได้ยินเสียงของตนเองที่แทบจะกลายเป็นเสียงคำราม ไม่ต่างไปจากเสียงของเหล่าปิศาจร้าย ที่กำลังกรีดร้องมาจากในป่าลึก “เดี๋ยวก่อน!”
เรืองั้นหรือ
“เป็นเรือสีน้ำเงิน ที่ทาสีเป็นตัวอักษรอาร์ใช่ไหม” เคเลบร้องถามออกไป “เรือลำนั้นใช่ไหมที่พวกนายกำลังจะแล่นหนี”
เสียงฝีเท้าหยุดชะงัก และตามมาด้วยเสียงพูดคุยกันอย่างร้อนรน
เคเลบพยายามจับใจความ หากแต่ได้ยินเพียงคำว่า “เขารู้ได้อย่างไรกัน” และ “มันเป็นแผนชิงเรือหรือเปล่า” “ช่างมันเถอะ ทิ้งเขาไว้ แล้วรีบหนี! พวกปิศาจกำลังวิ่งมาทางนี้!”
พลันเสียงเครื่องยนต์ของเรือก็ดังขึ้น ยิ่งทำให้เหล่าปิศาจแผดเสียงก้องกังวานมาจากป่าลึกกว่าเดิม
เสียงผู้คนแตกตื่น และวิ่งหนี -- เสียงป่ายปีนขึ้นเรือ เสียงตะโกนออกคำสั่งให้ออกเรือ เสียงสั่งให้ละทิ้งผู้คนที่ขึ้นเรือไม่ทันดังสนั่นอย่างตื่นกลัว
ตามมาด้วยเสียงร้อง “อย่าทิ้งฉัน!” “อย่าเพิ่งไป!” ตะโกนแข่งกับเสียงจากบนเรืออย่างโกลาหล
แม้จะไม่เห็นภาพอย่างชัดเจน หากแต่เคเลบก็แน่ใจว่าความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
“เรือลำนั้น!!” เคเลบตะโกนออกมา เสียงคำรามราวสัตว์เดรัจฉานที่ออกมาจากริมฝีปากเขานั้นฟังดูน่าหวาดกลัวเสียจนกลบเสียงอื่นได้ในพริบตา “เรือลำนั้นกำลังจะพัง!!”
คำเตือนนั้นทำให้เกิดเสียงตื่นตระหนกดังขึ้นมาทันที “ไม่จริง!” “เขาโกหก!”
“เรือลำนั้น คือเรือของฉัน” เคเลบว่าต่อไป พยายามควบคุมไม่ให้ตนเองหวั่นไหวกับกลิ่นเนื้อมนุษย์ตรงหน้า “รับน้ำหนักได้ไม่มาก -- และมันแล่นไปได้ ไม่ไกลเกินกว่าร้อยเมตรเท่านั้น!”
“เขาโกหก!”
“อย่าไปฟังเจ้าอมนุษย์นั่น แล่นเรือเสียเดี๋ยวนี้!”
เกิดการโต้เถียง และการต่อสู้ขึ้นบนเรือ จนเกิดเสียงต่อสู้ปะทะกันดังขึ้นอย่างดุเดือด มีเสียงแย่งกันปีนป่ายขึ้นไปบนเรือ เสียงคนตกน้ำ และเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นกว่าเดิมราวกับเครื่องจักรที่ใกล้ระเบิด
“เขาไม่ได้โกหก!”
“เขาพูดความจริง เรือลำนี้ใกล้จะระเบิดแล้ว!”
“เรากำลังหมดทางหนี!!”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ริมแม่น้ำ -- เคเลบได้กลิ่นเนื้อมนุษย์ชัดเจนยิ่งขึ้น -- ร่างนั้นวิ่งใกล้เข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว -- มีเสียงหลายคนห้ามปรามใครคนนั้นไม่ให้เข้ามาใกล้เขามากไปกว่านั้น หากแต่ร่างนั้นก็ยังคงตรงดิ่งมาทางเขา
เคเลบเองก็ปรามร่างที่มุ่งหน้ามาทางเขาอย่างรวดเร็ว
“อย่าเข้ามาใกล้” เคเลบร้องสั่งอย่างรัวเร็ว เมื่อกลิ่นเนื้อมนุษย์นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น จนเขาควบคุมสัญชาตญาณดิบเถื่อนในตนเองไว้แทบไม่ได้ “หยุด --”
เขาไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้อีกนานแค่ไหน --
ในที่สุดร่างนั้นก็หยุดลงที่เบื้องหน้าเขา
“คุณ --” เสียงเล็กนั้นกระซิบกับเขา “คุณคือชายคนนั้น -- คนที่ช่วยหนูไว้ในหมู่บ้าน”
เคเลบจำเสียงเล็กนี้ได้อย่างเลือนราง
แวบหนึ่งเขานึกถึงเด็กหญิงที่เขาช่วยเอาไว้ในหมู่บ้านเมื่อกลางดึก
“คุณถูกกัด” เด็กหญิงว่าต่อไป
เคเลบสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ครอบงำไปทั่วทั้งร่าง แผลที่ถูกกัดจนเนื้อเหวอะไปทั่วท่อนแขน ลำคอ และแผ่นหลังนั้น ราวกับจะลึกเข้าไปถึงเนื้อใน
และมันทำให้การควบคุมตนเองยากสาหัสกว่าเดิม
เคเลบสัมผัสได้ถึงชีพจรหัวใจที่เต้นถี่รัวเร็ว -- ประสาทสัมผัสแปรเปลี่ยนไป
ดวงตาที่ใกล้มืดบอดของเขาเพ่งมองผ่านความมืดสลัวไปยังใบหน้าเล็กๆตรงหน้า -- มองอะไรอื่นไม่เห็นอีกนอกจากภาพอันขุ่นมัว
“ลูกของคุณยังไม่ถูกกัด --” เธอกระซิบถาม “เป็นไปได้อย่างไรกัน -- เขารอดมาได้อย่างไรกัน -- คุณรอดมานานขนาดนี้ได้อย่างไรกัน --”
พลันเสียงร้องคำรามของเจคอบก่อนหน้าก็ดังขึ้นในโสตประสาทของเคเลบ
“ไม่จริง! แกโกหก!” เสียงแหบพร่าตะโกนลั่น “แกคนเดียวเท่านั้นที่รู้วิธีรักษา! แกถึงยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ทั้งๆที่มีกลิ่นปิศาจร้ายติดอยู่บนตัวขนาดนั้น! แกคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดเป็นมนุษย์อยู่ได้นานขนาดนี้! นั่นเพราะแกต้องรู้อะไรบางอย่าง! ใช่ไหม! ใช่ไหม! แกรู้วิธี --”
เคเลบเคยคิดว่ากลิ่นเลือดเน่า และความเงียบจะช่วยป้องกันมนุษย์จากปิศาจร้ายได้
แต่มาในตอนนี้เคเลบกลับไม่คิดแบบนั้นอีกต่อไป --
และนั่นทำให้เขานึกถึงลูกชายคนแรกของเขา -- เขานึกถึงริเวอร์ที่ยังคงความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้
ริเวอร์ถูกกัดซ้ำ เพราะปิศาจสัมผัสได้ถึงความเป็นมนุษย์ในตัวของเขา
พลันภาพของแมรี่โกลด์ที่ทนทุกข์สาหัส และต่อสู้กับความเป็นอมนุษย์ในตัวเอง เพื่อที่จะให้กำเนิดลูกฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำของเคเลบ
เธอสู้ตาย ถวายทั้งชีวิต เพื่อให้ความเป็นมนุษย์ และความเป็นแม่ สามารถเอาชนะความเดรัจฉานในตัวเอง
ฉับพลันนั้นเคเลบก็เริ่มมองเห็นคำตอบ
“พวกที่ติดเชื้อบางคน -- ยังไม่ได้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปทั้งหมด” เคเลบพูดออกมาสั้นๆ “พวกเขาต่อสู้อยู่ข้างใน เพื่อให้ยังคงเป็นมนุษย์ต่อไปได้ --” เขากระชับทารกไว้แน่นยิ่งขึ้นอย่างหวนแหน “และลูกของฉันที่เกิดมาคนนี้ ก็ไม่ได้กลายเป็นปิศาจ -- แมรี่โกลด์เหนี่ยวรั้งความเป็นคนเอาไว้ เพื่อให้กำเนิดเขาออกมา --”
เสียงปิศาจร้ายดังใกล้มามากกว่าเดิม จนเสียงผู้คนแตกตื่นอย่างขวัญผวา
เกิดการละทิ้งเพื่อนมนุษย์ไว้ที่ริมแม่น้ำ และในแม่น้ำอันเย็นเฉียบ เครื่องยนต์ของเรือยังคงดังต่อไป ผู้คนบนเรือที่แย่งชิงพื้นที่กันนั้นต่างพร้อมจะแล่นหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“แต่ลูกคุณที่เกิดมา -- ไม่ได้เป็นเด็กปิศาจ” เด็กหญิงว่าต่อไป ขณะจ้องมองทารกตรงหน้า ไม่สนใจเสียงโกลาหลเบื้องหลังตนเอง “มันเป็นไปได้หรือ --”
เคเลบพยักหน้า -- มันเป็นไปแล้ว
“แมรี่โกลด์ต่อสู้กับความเดรัจฉาน --” เคเลบกระซิบซ้ำไปซ้ำมา “เธอทำเพื่อลูก -- และเธอก็ทำได้สำเร็จ -- เราทำได้สำเร็จ”
มนุษย์ที่ยืนหยัดต่อสู้กับความเดรัจฉานในตัวเอง ได้จนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
“นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกคุณยังรอดชีวิต --” เด็กหญิงกระซิบช้าๆ “คุณและภรรยาของคุณ -- คุณสองคนเหนี่ยวรั้งความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้ --”
คำพูดนั้นทำให้เคเลบยืนนิ่งไป --
หากแต่เคเลบเองก็มองไม่เห็นคำอธิบายอื่นอีก
การอยู่รอดของเขาและลูกในตอนนี้ เป็นเพราะการต่อสู้ของแมรี่โกลด์ทั้งสิ้น
ความเป็นมนุษย์ในตัวคนติดเชื้อ อาจจะช่วยคนติดเชื้อคนอื่นกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง
ฉันพลันนั้นเคเลบก็เข้าใจ -- ว่าเหตุใดมันถึงยากเย็นเสียเหลือเกินในการที่จะเอาตัวรอดจากโลกใบนี้
ทำไมผืนแผ่นดินถึงไร้มนุษย์ได้รวดเร็วถึงปานนี้
เพราะไม่มีใครเหนี่ยวรั้งความเป็นมนุษย์ได้นานพอ ที่จะให้กำเนิดมนุษย์คนใหม่ได้
แต่แมรี่โกลด์ทำได้
“เธอชื่ออะไรหรือ” เคเลบกระซิบ
“อัลบา” เด็กหญิงตอบ
อัลบา -- เคเลบทวนชื่อนั้น -- มือหนาค่อยๆขยับทารกออกมาจากอ้อมอกตนเอง แล้วยื่นไปเบื้องหน้า
เด็กหญิงถอยหนีในทันทีอย่างตื่นกลัว
“ได้โปรด อัลบา” เคเลบพูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงถอยหนีนั่น “ช่วยลูกฉันด้วย --” เขากระซิบอย่างยากเย็น “ในน้ำเท่านั้น ที่พวกปิศาจไม่กล้ากล้ำกรายเข้าไปใกล้ -- ได้โปรด พาลูกฉันไปด้วย -- พาริเวอร์ไปด้วย”
ท่ามกลางสติอันสับสน เคเลบรู้สึกได้ถึงดวงตาสีเขียวเข้มของริเวอร์ที่กำลังมองเขามาจากมุมมืดสักแห่งในใจเขา
ราวกับว่าริเวอร์กำลังเฝ้ามองดูเขาอยู่ตลอดเวลา --
“ได้โปรด” เคเลบกระซิบซ้ำ “ช่วยล้างบาปให้ฉันด้วย”
ให้เขาได้เป็นพ่อที่ได้ปกป้องลูกได้สำเร็จ --
เด็กหญิงค่อยๆรับร่างของทารกที่ส่งเสียงร้องจ้าไป เธอกระชับผ้าคลุม และโอบกอดเด็กน้อยไว้แน่น
เธอส่ายหน้าไปมา พูดออกมาอย่างตื่นกลัว ในนาทีที่เสียงเครื่องยนต์ของเรือดังมากกว่าเดิม “คุณบอกว่าเรือนั่นกำลังจะพัง --”
มนุษย์จะหนีไปที่ไหนได้อีกงั้นหรือ --
เคเลบส่ายหน้า “ไม่ต้องขึ้นเรือลำนั้น” เขาบอก “แค่อยู่ในน้ำให้นานพอ ก็เพียงพอแล้ว --”
ให้นานพองั้นหรือ --
เด็กหญิงไม่เข้าใจในคำพูดของชายตรงหน้า หากแต่ดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นก็จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
ร่างสูงที่เปียกโชกไปด้วยเลือด และเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ของเคเลบค่อยๆก้าวถอยหลัง -- สองขาขยับถอยเข้าไปทางป่าลึกที่ร่างของเหล่าปิศาจกำลังวิ่งออกมา ตรงมาทางริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยเหล่ามนุษย์ ยิ่งพวกเขาแตกตื่นกรีดร้องมากเท่าไหร่ พวกมันก็ยิ่งดูบ้าคลั่ง และหิวกระหายเลือดเนื้อมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น!
จนในที่สุดเสียงระเบิดก็ดังลั่น!
เรือลำเล็กแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม้กระดานกระเด็นไปทั่วผิวน้ำ บรรดาผู้คนต่างกระเด็นไปคนละทาง!
พวกเขาแหวกว่ายไปมา ต่างแตกตื่น และขวัญเสีย จนคลื่นแม่น้ำแตกเป็นฟอง พวกเขากรีดร้อง สองมือผลักไสคนรอบข้างไปทางริมแม่น้ำ ราวกับหาปราการป้องกันตนเอง จากเหล่าปิศาจร้ายที่กำลังมุ่งหน้ามา
“ไป” เคเลบขยับริมฝีปากสั่งเด็กหญิงตรงหน้า ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีดำขลับกลับกลายเป็นสีขาวโพลน จนแทบจะสะท้อนแสงออกมาจากเงามืด
เด็กหญิงถอยหลังตามคำสั่งนั้น
เธออุ้มทารกไว้เหนือระดับอก แล้วก้าวถอยลงไปในแม่น้ำอันเย็นเฉียบ หลบหนีบรรดาผู้คนที่กำลังว่ายน้ำหนีอย่างเสียสติ
เด็กหญิงคว้าแผ่นไม้กระดานไว้แน่น วางร่างทารกไว้บนนั้น แล้วโอบกระชับปกป้องเขาสุดชีวิต -- สองตายังคงจับจ้องไปยังร่างสูงของเคเลบอย่างตื่นกลัว
ในตอนนั้นเองที่เคเลบทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
มือหนาที่กุมมีดผ่าตัดไว้แน่นนั้น ขยับยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำและรุนแรง
คมมีดนั้นไม่ได้ปะทะเข้าใส่ร่างของปิศาจทางด้านหลัง หากแต่มันปาดเข้าไปในผิวลำคอของตัวเขาเอง!
คมมีดนั้นปาดเข้าไปลึก และลากเป็นทางยาวจากทางด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของลำคอ!
เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากแผลนั่น เคเลบสำลักรุนแรง ล้มลงกับพื้นในทันที!
มือหนายันร่างตนเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงมากไปกว่านั้น เขาพยายามทรงตัวนั่ง แล้วออกแรงปาดมีดให้ลึกกว่าเดิม จนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
บรรดาผู้คนต่างกรีดร้องกับภาพที่เห็น ในวินาทีเดียวกันกับที่เสียงปิศาจร้ายกรีดร้องดังลั่นยิ่งกว่าเดิม
กลิ่นเลือดที่ยังคงความเป็นมนุษย์เอาไว้ของเคเลบรุนแรงเสียจนพวกมันต่างพุ่งมาทางร่างของเขา!
เคเลบยังคงนั่งชันเข่าอยู่กับที่ ใบหน้าแหงนเงยขึ้น ในตอนที่เหล่าปิศาจร้ายพุ่งปะทะเข้ากับร่างของเขา คมเขี้ยวอันแหลมคมต่างรุมกัดกินไปตามเนื้อตัวของเขาอย่างดุร้าย
อย่ายอมแพ้ -- เคเลบได้ยินเสียงตนเองดังขึ้น -- อย่าเพิ่งละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปในตอนนี้
อย่าเพิ่งหยุดต่อสู้เพื่อลูกตอนนี้ --
ดวงตาคมกริบคู่นั้นคล้ายจะจ้องมองตรงมายังร่างของทารกที่อยู่บนแผ่นไม้กระดานในแม่น้ำ --
จากนั้นดวงตาคู่นั้นก็คล้ายจะแน่นิ่งไป ปราศจากความรู้สึกนึกคิดใดๆ --
ร่างของเคเลบจมหายไปในกองร่างของเหล่าปิศาจร้ายที่พุ่งเข้ามาทาบทับกัดกินเขา
เสียงเนื้อที่ถูกฉีกกระชากดังขึ้น และเสียงกระดูกที่ถูกหักบดขยี้ก็ดังแทรกกลางอากาศ -- อย่างรุนแรงและยาวนาน
จนกระทั่งแสงอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาจากยอดไม้ของป่าลึก สาดส่องมาทั่วบริเวณริมแม่น้ำอันเย็นเฉียบ และเป็นสีแดงฉานแห่งนี้อย่างช้าๆ
ตอนนั้นเองที่ทุกคนได้เห็นภาพที่ชวนสยดสยอง และตื่นตะลึงไปพร้อมๆกัน
ร่างของเหล่าปิศาจร้ายที่ทาบทับร่างของเคเลบเป็นกองพะเนินนั้นนิ่งชะงักไป -- จากนั้นจึงชักกระตุกอย่างรุนแรง ราวกับสำลักอะไรบางอย่างจากภายในร่าง
จนเมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องมาเต็มที่ ร่างของเหล่าปิศาจร้ายก็นอนแน่นิ่งไป --
ผิวที่แดงลอกถลอก และเป็นตะปุ่มตะป่ำค่อยๆเรียบเนียน และเสียงร้องคำรามอย่างน่ากลัวก็เงียบหายไป --
“ดูนั่น --” ใครคนหนึ่งกระซิบขึ้นมาจากกลางแม่น้ำ
ดวงตาทุกคนจับจ้องไปยังกองภูเขาปิศาจนั้น จนกระทั่งมองเห็นใบหน้าของพวกมันชัดๆอีกครั้ง
ใบหน้าเหล่านั้นไม่ได้เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำอีกต่อไปแล้ว -- และดวงตาที่เบิกโพลงนั่นก็กลับกลายเป็นสีเข้มอีกครั้ง --
พวกเขากลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง!
หากแต่ไร้ซึ่งชีวิต -- ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลลึกฉกกรจ์นั้นอ่อนแอเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ -- พวกเขาในตอนนี้คือมนุษย์ที่ตายจากไปแล้ว
“ทำไมพวกมันกินกันเอง” ใครคนหนึ่งพูดทำลายความเงียบขึ้น “แล้วทำไมศพพวกมันกลับกลายเป็นคนอีกครั้ง --”
เด็กหญิงประคองทารกไว้แน่น ในขณะที่จับจ้องไปยังร่างที่อยู่ตรงกลางกองเลือดมหึมานั้น -- ไล่สายตาไปตามชิ้นส่วนร่างที่ขาดเป็นชิ้นๆจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ไม่ใช่หรอก -- เด็กหญิงกระซิบบอกตนเอง -- แต่มันเป็นเพราะการเสียสละของชายคนนั้น
ในช่วงสุดท้ายของชีวิตของชายร่างสูงคนนั้น เขาเสียสละความเป็นมนุษย์ทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่ในตัวเอง เพื่อช่วยลูกของตนเอง และช่วยมนุษย์คนอื่นเอาไว้อย่างไม่ลังเล
และมันทำให้มนุษย์ที่เหลือยังมีชีวิตรอดอยู่บนแผ่นดินนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in