คืนนั้นฉันตั้งใจฆ่า -- อย่างเจตนา และอย่างไม่ลังเล --
เคเลบพูดประโยคนั้นออกมา ได้ยินเสียงตนเองดังชัดเจน ราวกับว่ามันก้องกังวานไปทั่วทั้งห้อง ทั้งๆที่มันอาจจะดังไม่เกินไปกว่าเสียงกระซิบเท่านั้น
เขามองใบหน้าอันขาวซีดตรงหน้า และพูดต่อไปโดยไม่หลบสายตาอีกฝ่ายว่า “ไม่มีคืนไหนที่ฉันลืมว่าฉันได้ทำอะไรลงไป” เคเลบสูดลมหายใจเข้าลึก
“ไม่มีคืนไหนที่ฉันลืม --”
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของชายคนนี้ในเงามืดมาโดยตลอด -- รู้สึกราวกับว่ามีใครสักคนลอบมองมาจากมุมมืด ไล่ทันความคิดของเขา และรับรู้ได้ถึงความลับอันดำมืดที่เขาพยายามเก็บซ่อนไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในใจ
การมีอยู่ของชายคนนี้ ทำให้อดีตตามมาหลอกหลอนเขาทุกค่ำคืน
เคเลบมองดูบาดแผลตามเนื้อตัวอีกฝ่าย -- ไล่สายตาไปตามเนื้อหนังที่เป็นแผลเหวอะ รอยกัดลึกที่ลำคอ และกระดูกที่แหลกสลายเกือบทั้งร่าง ไปจนถึงกะโหลกที่ยุบผิดสัดส่วนนั่น
เคเลบจ้องมองอยู่นาน ราวกับทุกรายละเอียดกำลังฟื้นคืนกลับขึ้นมาจากในอดีต -- ดวงตาสีดำเข้มยังคงไม่ละสายตาไปจากร่องรอยของบาดแผลตรงหน้า ที่เขาจดจำได้ว่าอยู่บนตัวของริเวอร์ ในครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเช่นกัน --
บาดแผลเดียวกันกับที่เขาเคยสร้างเอาไว้บนผิวเนื้ออ่อนนั่นด้วยท่อนไม้ และกระบอกปืน -- เคเลบหยุดสายตาที่รอยกระสุนข้างขมับอีกฝ่าย
“ฉันจะลืมได้อย่างไร” เคเลบกระซิบ “นายคือฉัน และฉันคือนาย -- และริเวอร์ก็คือลูกของเรา จริงไหม”
ยิ่งมองนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นสิ่งที่ทำกับลูกตัวเองมากขึ้นเท่านั้น -- ยิ่งเห็นตราบาปตัวเองมากขึ้นเท่านั้น --
ยิ่งทำให้เขาเห็นริเวอร์มากขึ้นเท่านั้น
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง --
ราวกับว่าช่วงเวลาในอดีตจะตามมาหลอกหลอนชายทั้งสองอีกครั้ง เคเลบดำดิ่งไปกับฝันร้ายในความทรงจำ ในขณะที่ชายร่างสูงคล้ายจะบันดาลโทสะมากขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุดความอดทนนั้นก็หมดลง กำปั้นสีแดงตะปุ่มตะป่ำของชายร่างสูงหวดเข้าที่สันกรามของเคเลบอย่างรุนแรง ใบหน้าอันอัปลักษณ์ของเขาราวกับจะบิดเบี้ยวผิดรูปมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ชื่อของลูกชายที่ถูกเอ่ยถึงขึ้นมานั้น ราวกับจะจุดเพลิงโทสะให้ระเบิดขึ้นภายในตัวเขาจนแทบมอดไหม้
ริเวอร์
“แกทำให้เราทุกข์ทรมาน!!!” ร่างสูงคำรามลั่น “แกฆ่าเขาทำไม!!!”
เคเลบปล่อยให้ร่างตนสั่นคลอนไปกับแรงกระแทกนั่น ดวงตาสีดำจ้องมองไปยังเงาสะท้อนตรงหน้าต่างที่แตกร้าว มองเห็นร่างของตนเองสั่นเทิ้มอยู่เพียงลำพังในห้องเล็กแห่งนี้ -- ปราศจากร่างสูงของชายตรงหน้า และปราศจากใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั่น
เขาในตอนนี้ดูน่าสมเพช โดดเดี่ยว และทุกข์ทรมาน --
ภายใต้ท่าทีอันนิ่งเฉยนั้น ดวงวิญญาณของเขากลับแหลกสลายจนใกล้ดับสูญ -- สุดท้ายแล้วนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นอะไร นอกจากชายสูงวัยที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างแสงจันทร์ และเงามืดอย่างเพียงลำพัง
“แกรู้ว่าแกทำอะไรลงไป” ชายในเงามืดคำราม “แกรู้ความจริง ว่าริเวอร์ยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่ เขาถึงถูกปิศาจร้ายนั่นกัดซ้ำสองได้! แต่แกก็ไม่กล้าพอที่จะไว้ชีวิตเขา! แกมันขี้ขลาด เป็นพ่อที่อ่อนแอ เป็นสามีที่ล้มเหลว! --”
ใจของเคเลบสั่นสะท้านไปกับคำพูดอันรุนแรงนั่น
“แกทำให้เขาไม่ได้บอกลาเธอ -- แกไม่ได้บอกเธอ” ชายในเงามืดคำรามรอดไรฟัน “แกโกหกแมรี่โกลด์! แกบอกเธอว่าลูกแกจมน้ำ แกโกหกว่าการตายของเขามันไม่ใช่เพราะแก!!! ทั้งๆที่แกคือฆาตกรที่ฆ่าลูกตัวเอง!!!”
ร่างสูงนั้นคล้ายจะโน้มเข้ามาใกล้มากขึ้น
“แกไม่ได้บอกแมรี่โกลด์ แกไม่ได้บอกเธอว่าแกฆ่าเขาทิ้งกับมือตัวเอง แกไม่กล้าเล่าความจริงให้เธอฟังว่าแกฆ่าลูกในไส้ไปด้วยน้ำมือของตัวเอง!!” เขาตะคอกลั่นไปทั่วทั้งห้อง “และตอนนี้ ฉันคือตราบาปของแก คือฝันร้ายที่แกเห็นในตอนลืมตาตื่น คือนรกที่แกหนีไม่พ้นในยามหลับไหล!!! แกทำแบบนั้นทำไม!!! แกทำให้เราต้องตกนรกทั้งเป็นแบบนี้ทำไม!!!”
คำพูดอันรุนแรงนั่นตอกย้ำเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเคเลบ
ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้ดูเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น จนเขาแยกแยะระหว่างความจริงกับจิตใต้สำนึกตนเองไม่ออกอีกต่อไป
หากแต่คำพูดเหล่านั้นถูกต้องทุกอย่าง ราวกับดังมาจากก้นบึงในใจเขาก็ไม่ปาน ชายคนนี้คือตราบาป คือฝันร้าย และคือนรกที่ต้องเขาเผชิญทุกวินาทีที่ยังมีชีวิตอยู่รอดบนโลกใบนี้
เขาไม่กล้าบอกความจริงแมรี่โกลด์ -- ไม่ได้บอกเธอว่าเขาตัดสินใจฆ่าเขาทิ้ง
ไม่แม้แต่ให้โอกาสริเวอร์มีชีวิตอยู่ต่อไป ในแบบที่เขาให้โอกาสแมรี่โกลด์เช่นในตอนนี้
เขาทำลายโอกาสอันริบหรี่นั้น ด้วยกระสุนปืน
ถึงตรงนี้เคเลบก็คล้ายจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อสำนึกได้ว่ามันคือปืนกระบอกเดียวกันกับที่เขายิงลั่นไปก่อนหน้านั้น และการยิงของเขาในตอนนั้นก็เป็นต้นเหตุให้ฝูงปิศาจมุ่งหน้าตรงมาที่พวกเขาตั้งแต่แรก
เขาคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ริเวอร์มีจุดจบแบบนั้น
ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา
เขาปิดบังเรื่องนี้มานาน พยายามเก็บซ่อนมันไว้ในมุมที่ดำมืดที่สุดในใจ พยายามที่จะปิดกั้นมันจากตัวเอง และแมรี่โกลด์
จนกระทั่งตอนนี้ --
เคเลบได้ตัดสินใจ ว่าจะไม่วิ่งหนีเงามืดอีกต่อไปแล้ว
“ทำไม” ชายในเงามืดตะคอกลั่น ใบหน้าอันบิดเบี้ยวที่อยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงคืบดูผิดสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ “แกพยายามหนีฉัน หนีอดีต และความจริงนี้มานาน -- ทำไมแกถึงเพิ่งกล้าเผชิญหน้าฉัน -- ทำไมถึงเป็นตอนนี้!”
วินาทีนั้น ดวงตาของเคเลบเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว และแปรเปลี่ยนเป็นความนิ่งเฉยอีกครั้งหนึ่ง
ริมฝีปากหยักของเคเลบค่อยๆเผยอ แล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “เพราะฉันคิดว่าคืนนี้อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่ฉัน และแมรี่โกลด์จะยังมีชีวิตอยู่” เคเลบกระซิบ
“นี่อาจเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะยังมีชีวิตอยู่รอดบนโลกที่จบสิ้นไปแล้วใบนี้”
ตอนนั้นเองที่ร่างสูงเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนร่างของเคเลบ
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เผยให้เห็นท่อนขาอันแข็งแรงของเคเลบข้างหนึ่ง ที่มีรอยกัดบริเวณข้อเท้า!
ดวงตาสีเขียวของชายในเงามืดสบมองกับดวงตาสีดำเข้มของเคเลบ -- คราวนี้ราวกับจะยาวนานชั่วกัลปวสาน ทั้งๆที่มันอาจจะผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
เขาโดนกัดในหมู่บ้าน --
ภาพใบหน้าเด็กชายที่ฉุดรั้งข้อเท้าเขาไว้ฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง คมเขี้ยวนั้นฝังลึกเข้ามาที่ข้อเท้าเขาอย่างรวดเร็ว
เขาติดเชื้อแล้ว
สำนึกนั้นทำให้ชายทั้งสองสูดลมหายใจดังครืดคราดออกมามาจากแผงอกพร้อมกัน ราวกับเป็นคนๆเดียวกันก็ไม่ปาน
เขากำลังจะกลายร่าง
“ดูสภาพของเรา” เคเลบกระซิบ “เราต่างเป็นพ่อที่ล้มเหลว เราต่างปกป้องลูกของเราไม่ได้ เราต่างฆ่าเขาด้วยมือของเราเอง และตอนนี้เราก็ต่างติดเชื้อแล้วเหมือนๆกัน --”
เราจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร -- เคเลบตั้งคำถามขึ้นมาในใจ -- เราจะฉุดรั้งความเป็นมนุษย์ในตัวเองให้อยู่ต่อไปได้เพื่ออะไร ในเมื่อทุกอย่างดูราวกับได้จบสิ้นไปแล้ว --
เคเลบผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ
“โลกใบนี้ --” เขากระซิบต่อไป “โลกใบนี้ไม่เหลือพื้นที่ให้มนุษย์อย่างเราอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างมันจบลงแล้ว -- มนุษย์ได้ตายจากไป และฟื้นกลับมาใหม่ในคราบปิศาจ -- และมนุษย์ที่ยังอยู่ ก็เป็นปิศาจร้ายในคราบมนุษย์ -- เราจะทำร้ายกันเอง และฆ่ากันเองในท้ายที่สุด”
ภาพของโจรป่าที่ซุ่มทำร้ายพวกเขาฉายชัดขึ้นมาในใจ
สุดท้ายแล้ว มนุษย์จะสู้กันเองเพื่อความอยู่รอด --
แล้วลูกเขาจะมีชีวิตอยู่บนโลกอันโหดร้ายนี้อย่างเพียงลำพังไปได้อีกนานเท่าไหร่ หลังจากที่เขากับแมรี่โกลด์ตายไปแล้ว
หนึ่งวันหรือ -- แม้แต่หนึ่งวันก็ช่างดูยาวนาน จนเขานึกภาพไม่ออก
เคเลบสูบยาสูบอีกครั้ง สีหน้านิ่งสนิท ราวกับจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนเอง ในขณะที่ชายในเงามืดจ้องมองเขาโดยไม่พูดอะไรออกมา
“นั่นทำให้ฉันคิดที่จะฆ่าแมรี่โกลด์ทิ้ง” เคเลบพูดออกมา ราวกับสารภาพบาป “ฉันคิดจะฆ่าให้เธอตายไปพร้อมกับลูกในท้อง --” มือหนาขยับกระบอกปืนเล็กน้อย “และฉันจะยิงตัวตายตามไปเป็นคนสุดท้าย”
จะได้จบเรื่องกันเสียที -- จะได้พ้นทุกข์กันไปเสียที
แล้วเคเลบก็ขยับตัว หลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน
เคเลบปล่อยยาสูบลงบนพื้นพรม บดขยี้มันด้วยปลายเท้าอย่างไม่ไยดี แล้วลุกขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ร่างสูงผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้บุนวมอย่างช้าๆ แผ่นหลังยืดเหยียดตรง สองเท้าก้าวเดินมาข้างหน้า จนเกือบประชิดร่างของอีกฝ่าย
จนกระทั่งปากกระบอกปืนอันเย็นเฉียบจ่อเข้าที่ขมับอันบิดเบี้ยวนั่น -- อย่างแน่นิ่ง ไม่สั่นไหว
เคเลบมองไปยังเงาสะท้อนหน้าต่าง มองเห็นกระบอกปืนนั้นจ่อขมับตนเอง และดวงตาสีดำที่ดูนิ่งจนน่ากลัวของตนเอง
บางทีความตายอาจจะเป็นทางออกสำหรับทุกอย่าง
ชายผู้มาเยือนจ้องมองเคเลบ สองเท้าไม่ถอยหนี หรือสั่นระริกแต่อย่างใด -- เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ท่าทีสงบนิ่งปราศจากความหวาดกลัวใดๆ จนแทบจะกลายเป็นเยือกเย็น
“ยิงเลย” เขากระซิบ เฝ้ารอเวลาให้เคเลบลั่นไกปืนในความมืด “นายคิดถึงช่วงเวลานี้มานานแล้วนี่”
จะรออะไรอยู่อีก --
แวบหนึ่ง เขารู้สึกว่านิ้วมือของเคเลบคล้ายจะขยับ และลั่นไกจริงๆ หากแต่วินาทีถัดมา กระสุนปืนนัดนั้นกลับไม่ได้ดังขึ้น
สุดท้ายแล้วเคเลบไม่ได้ลั่นไกปืน
เคเลบเงยหน้าขึ้น จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวของอีกฝ่าย -- สีเดียวกันกับที่เขาเคยมองเห็นในดวงตาของแมรี่โกลด์ และลูกชายของเขา --
ฉับพลันนั้นเคเลบรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง
แววตาสีเขียวที่เขามองเห็นนั่น ราวกับจะฉุดรั้งให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมาจากเงามืดของตนเอง
เคเลบนิ่งตะลึง -- ตื่นตกใจกับความคิดของตัวเอง
เขาค่อยๆลดกระบอกปืนลงจากขมับ
“แกยังต้องอยู่เพื่อลูกในท้อง --” ชายในเงามืดกระซิบออกมา “เขาต้องมีโอกาสได้เกิดมาบนโลกใบนี้ --”
เขาจะทำผิดพลาด พรากชีวิตลูกไปอีกไม่ได้
เคเลบค่อยๆถอนลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“ยังไม่จบลง” ชายในเงามืดกระซิบ “เรื่องราวยังไม่จบลงแค่นี้ --”
“ยังมีเวลา” เคเลบกระซิบต่อ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นแผ่วเบา คล้ายจะเตือนตัวเอง -- ไม่กี่ชั่วโมงก่อน แมรี่โกลด์ยังได้กลิ่นเนื้อมนุษย์จากตัวเขาอยู่ นั่นหมายความว่าเขายังเหลือความเป็นมนุษย์อยู่ในตัว
เขายังพอมีเวลา เขายังยื้อตัวเองเอาไว้ได้ และเขายังสู้กับความเดรัจฉานในตัวไหว
แมรี่โกลด์ยังต้องการเขา ลูกในท้องยังต้องการเขา
เขาจะมาแพ้ที่นี่ ในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด --
เขาต้องไม่แพ้ -- ไม่แม้แต่แพ้ภัยตัวเอง
เคเลบกะพริบตา -- ยิ่งสติสัมปชัญญะที่กลับเข้าสู่ร่างเขามากขึ้นเท่าไหร่ ร่างของชายในเงามืดก็คล้ายจะเลือนรางหายไปมากกว่าเดิม
กลับมา -- เขาบอกตัวเอง -- กลับมาเคเลบ
เคเลบพยายามควบคุมสติตนเองอีกครั้ง -- กระทั่งกลับมาเป็นตัวเองเช่นเดิมอย่างมั่นคงและหนักแน่น
ฉับพลันนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากทางด้านนอกหน้าต่าง
ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นมองข้ามไปยังอีกฟากหนึ่งของตัวห้อง ร่างทั้งร่างยืนนิ่งไม่ไหวติง มือที่กำกระบอกปืน และท่อนไม้เกร็งแน่นขึ้นมาจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาตามท่อนแขน ท่าทีดูระวังตัวอย่างชัดเจน
เขาค่อยๆก้าวเดินไปบนผืนพรม ระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงลั่นของไม้กระดาน ดวงตายังคงจ้องมองไปยังความมืดสลัวตรงหน้า ราวกับกำลังพินิจมองอะไรบางอย่าง
หากแต่สายตาเขาเริ่มพร่าเลือนมากขึ้นเล็กน้อย -- การมองเห็นเขาเริ่มแปรเปลี่ยนไป
แต่เขาแน่ใจในสัญชาตญาณตนเอง -- บ้านหลังนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
พวกปิศาจร้ายกำลังข้ามชายแดนป่ามาถึงที่นี่แล้ว
เคเลบเก็บกระบอกปืนกลับเข้าไปในเสื้อคลุม -- ตอนนี้ปืนไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว เสียงกระสุนที่ดังขึ้นมีแต่จะดึงดูดพวกมันให้มาที่นี่เร็วขึ้นและมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
บทเรียนราคาแพงสอนเขาไว้แบบนั้นเมื่อหกดือนก่อน --
เคเลบกำชับท่อนไม้ในมือแน่น -- ร่างทั้งร่างนิ่งสนิทอีกครั้ง เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงบางอย่างมาจากทางด้านหลังตนเอง -- เขาหันมาทางประตูด้านหลังเล็กน้อย จิตใต้สำนึกบอกดังลั่นว่า
เงียบ -- มีใครอื่นกำลังซ่อนตัว และจ้องมองเราอยู่ที่นี่ -- ในห้องแห่งนี้ --
แล้วหลังจากนั้น เขาก็พบกับเจคอบ มนุษย์ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ร่างปิศาจที่หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in