จากบ้านมาไกลเหลือเกิน
ทั้งความมืดและความเงียบเชียบที่เกิดก่อขึ้นในแคมป์ของทหารตามกาลเวลาที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้ทอมมี่รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูกและเศร้าอย่างห้ามไม่ได้
เขาพลิกตัวเพื่อหยิบนาฬิกาข้อมือของเขาดู
เวลา..ที่สำหรับเขามันดูช้าเป็นพิเศษ
ตี่สี่สิบนาที
ทั้งๆที่พรุ่งนี้เขาต้องตื่นเช้า แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีที่จะสามารถทำให้เปลือกตาปิดลงได้เกินห้านาทีเลย
ตั้งแต่กลับมาจากดันเคิรก์ หัวสมองของเขายังหยุดคิดไม่ได้ถึงทหารฝรั่งเศษคนนั้น...กิ๊บสัน
ถึงแม้ว่านั้นจะไม่ใช่ชื่อจริงๆของเขาด้วยซ้ำ...แต่มันก็ไม่ได้หยุดให้ทอมมี่คิดถึงความจริงที่ว่า ถ้าไม่มีเขาคนนั้น เขาจะไม่มาอยู่ตรงนี้
ทหารฝรั่งเศษคนนั้น...ที่เขาทิ้งให้จมลงไปพร้อมๆกับเรือที่พรุนไปด้วยกระสุนปืน
เขานึกสมเพชตัวเองอยู่ลึกๆ
ทั้งๆที่เขาเป็นคนเอ่ยปากปกป้อง"กิ๊บสัน"ขนาดนั้น เขากลับเป็นคนหนีออกมาจากเรือลำนั้นเป็นคนเเรกๆ ไม่ทันคิดว่าอาจจะมีใครไม่ได้ออกมา
"Survival is not fair!"
จู่ๆคำพูดของอเล็กซ์ นายทหารอังกฤษอีกคนที่หนีมาจากชายหาดดันเคริก์ด้วยกันก็ดังขึ้นในหัว
คำพูดที่สามารถทั้งปลอบและชอบช้ำหัวใจของเขามากขึ้นไปอีก
จู่ๆทอมมี่ก็รู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลผ่านหูของเขาไป
'บ้าจริง' เขาสบถในใจ
สิ่งที่พวกเขาต้องการณเวลานั้นคือการได้กลับบ้านไปหาครอบครัวเท่านั้น
เท่านั้นจริงๆ
ตอนที่แอบหลบอยู่ใต้สะพาน ทอมมี่อดไม่ได้ที่จะแอบสำรวจใบหน้าขาวซีดนั่น รวมถึงมือขาวทั้งสองข้าง และอดที่จะสังเกตไม่ได้ว่านายทหารฝรั่งเศษไม่สวมแหวนเเต่งงาน
ถึงแม้ว่าความจริงข้อที่ว่าทหารนายนั้นไม่มีภรรยา ก็ไม่ได้บรรเทาความจริงที่ว่าสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆของเขาจะไม่มีวันได้เห็นหน้าเขาอีก
หรือแม้แต่จะจัดงานศพโดยมีร่าง
น้ำตาอุ่นยังไหลรินลงอย่างไม่หยุด และเขาเองก็ไม่สนที่จะยกมีขึ้นปาด
เริ่มจะหายใจลำบากขึ้นจากการร้องไห้
'นี่ใช่ความรู้สึกที่นายรู้สึกก่อนจะตายหรือเปล่า กิ๊บสัน'
จู่ๆร่างก็เริ่มสั่นเทาขึ้น
รุนเเรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
"ฉันขอโทษ…ฉันขอโทษ"
ทอมมี่เอาพร่ำอยู่อย่างนั้น เอามือทั้งสองปิดหน้า เข่าซุกเข้าหาตัว งอตัวเข้ากันบนเตียงเล็กของค่ายทหารบกเหมือนกับเด็กทารก
ได้แต่กระสับกระส่ายไปมา
หลังจากที่คดตัวอยู่อย่างนั้นอยู่นาน เขาก็ค่อยๆคลายตัวออก พยายามกลับมาหายใจให้เป็นปกติ
ทอมมี่เงยหน้าขึ้นเพื่อจะดูเวลา เขาหวังว่าเวลาจะได้ผ่านไปซักชั่วโมงหรือสองชั่วโมง แต่ไม่เลย มันเพิ่งจะตีสี่สามสิบห้าเท่านั้น
ในขณะที่เขาจมลึกลงไปในห้วงความคิดของเขา ความรู้สึกผิด ความรู้สึกขอโทษ ความรู้สึกทรมาณนั้นครอบคลุมทั้งร่างและหัวใจ
ได้แต่หวังลึกๆว่าพระเจ้าจะช่วยให้เวลาเดินเร็วขึ้น
ทั้งๆที่เมื่อลืมตาขึ้นมอง ก็ต้องพบว่ามันเพิ่งจะผ่านมาได้เพียงยี่สิบห้านาทีเท่านั้น
ภาพใบหน้าของครอบครัวเริ่มจะเลืองราง
'ฉันทนอยู่ต่อไปแบบนี้ไม่ไหวแล้ว'
ความรู้สึกผิดฉุดรั้งเขาดิ่งลึกลงไปในจิตใจอันว่างเปล่าและแปดเปื้อนของเขาเกินไป
เขาเอื้อมไปหยิบใบมีดโกนออกมาจากใต้หมอนช้าๆ
เชื่องช้าและบรรจง เขากรีดมันลงบนแขนข้างซ้ายเป็นเส้นลากยาวลงมาสองกรีด
เลือดเริ่มไหลออกมาจนน่ากลัว เปรอะเต็มเตียงและผ้าห่มขาวไปหมด
น่าแปลกที่มันไม่ได้เจ็บซักเท่าไหร่ กลับรู้สึกผ่อนคลายด้วยซ้ำ
รู้สึกสงบ…อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จู่ๆซีกขวาของใบหน้าขาวซีดของเขาก็รู้สึกถึงไออุ่น ตามมาด้วยแสงทเเยงตา
เสียงหายใจของทอมมี่แผ่วลง
'อบอุ่นเหลือเกิน'
ทอมมี่ปิดตาลง นอนนิ่งรอคอยเวลาได้กลับ'บ้าน'
แต่เหมือนพระเจ้าจะยังไม่ยอมให้เขาหมดหน้าที่บนโลกใบนี้
"เฮ้ย! เกิดบ้าอะไรขึ้น!" นายทหารที่นอนเตียงถัดไปด้านซ้ายที่ดูเหมือนจะตื่นก่อนทุกคน รีบรุดเข้ามาหาทอมมี่
"ทำอะไรของนายกัน!"
เสียงโวยวายของเขาทำให้ทุกคนตื่นตามๆกัน
"ช่วยฉันพาเขาไปแคมป์พยาบาลที!" นายทหารคนนั้นตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงเเตกตื่นกับทหารอีกคนที่ดูมีสติพอ
พวกเขาสองคนช่วยกันอุ้มทอมมี่ไปที่แคมป์พยาบาลอย่างง่ายดาย พวกเขาวางทอมมี่ลงอย่าแผ่วเบาบนเตียงขาว ในขณะที่หมอสองคนรีบเข้ามาดูอาการ
เขาพลิกหัวซ้ายขวาเพื่อที่จะหาว่าใครคือคนพาเขามา แต่ตาของเขาดันไปสะดุดกับนาฬิกาตั้งโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เขาพยายามอ่านมันด้วยสายตาที่เริ่มจะพร่ามัวลงไปทุกวินาที
หกโมงสิบเอ็ดนาที
เขายิ้มและหัวเราะกับตัวเองเบาๆ
ดูเหมือนคราวนี้พระเจ้าจะช่วยให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้น
อ่านแล้วรู้สึกยังไงมาบอกกันได้นะคะ ❤️ นี่แต่งเรื่องเเรกเลย
Twitter : @_MagritteB
ขอบคุณที่เเวะเข้ามาค่ะ
แบม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in