เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
All about ShortFictionrella.K
- Rooftop -
  • บ่ายวันหนึ่งผมปีนขึ้นมาบนดาดฟ้าของตึกที่ผมพักอยู่มันเป็นบ่ายที่แดดสาดไปทั่วบริเวณสลับเงาดำทึบที่พาดไปตามพื้นด้านหลังของส่วนเว้านูนด้านบนตึกแห่งนี้

    ผมเดินลัดไปตามพื้นที่ว่างเพื่อหาที่ทิ้งตัวลงนั่ง ขณะที่ผมเดินอ้อมไปด้านหลังตรงที่เงาของถังเก็บน้ำพาดผ่านผมพบเข้ากลับผู้ชายหนึ่งคน เขานั่งอยู่ใต้เงาสีดำยกขาพาดไปกับราวเหล็กที่ยึดอยู่กับพื้น มือข้างหนึ่งถือหนังสือเล่มเล็กส่วนอีกข้างกำลังยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นจรดปากผมยืนมองการเคลื่อนไหวเหล่านั้นอยู่ครู่ใหญ่ และดูเหมือนว่าเขาเริ่มจะรู้ตัวถึงการมาเยือนโดยไร้การรับเชิญของผม

    เขาขยับตัวเบี่ยงไปทางซ้ายเล็กน้อยจากนั้นก็หยุดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมสังเกตเห็นพื้นที่ว่างที่เขาสร้างขึ้นจากการขยับตัวและรู้สึกราวกับเขากำลังเชื้อเชิญผม

    ผมก้าวอย่างเชื่องช้าและค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งตรงที่ว่างข้างๆ เขา

     

    นายมาอีกแล้วเขาว่า

    มาอีกแล้ว?’ และมันทำให้ผมสงสัย

    อืม สัปดาห์นี้ก็รอบที่สามเข้าไปแล้วนะ

     

    สามครั้ง นั้นมันค่อนข้างเยอะนะ ผมคิดและเริ่มค้นซอกหลืบความทรงจำเท่าที่จะค้นได้แต่ไม่มีเศษเสี้ยวไหนบ่งบอกได้เลยว่ามันเป็นเรื่องจริง

     

    ฉันไม่ว่าอะไรหรอกหากนายจะปฏิเสธอย่างว่าไม่มีใครขึ้นมาบนนี้แล้วกลับไปพร้อมสิ่งที่อยากลืมหรอกนะ

    สิ่งที่อยากลืม

    ดาดฟ้าแห่งการหลงลืม อย่าบอกนะว่าลืมนี่ด้วย

    ผม...

    เอาเถอะ ว่าแต่วันนี้มีเรื่องอะไร

    ‘...ไม่มีครับ

    ไม่มี?’

    ผมแค่... เดินมาตามทางที่ขาของผมพามา

    อย่างนี้นี่เองสินะ ก็สงสัยอยู่ว่ามาถูกได้ยังไงหลังจากครั้งล่าสุด

     

    เขาพับหนังสือแล้วลดมันวางไว้ข้างตัว

     

    ฉันเดาว่านายก็ลืมกฎพวกนั้นไปด้วยใช่ไหม

    คิดว่า... นะครับ

    ง่ายๆ คือเวลานายมาอยู่บนนี้คือ อยากลืมสิ่งไหนให้นายพูดว่า ฉันอยากลืมหลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่นายเล่าออกมามันจะหายไปจากความทรงจำเมื่อนายก้าวขาพ้นบันไดขั้นสุดท้าย

    แล้ว

    ว่ายังไง สงสัยตรงไหน

    ถ้าผมอยากจำได้ล่ะครับ

    งั้นนายก็มาผิดที่น่ะสิเขาว่าพลางยักไหล่

    ถ้าอย่างนั่นผมควรไป...

    ไม่มีหรอก ที่ที่กำลังจะถามถึงนะ

     

    ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา มันไม่มีแววของการล้อเล่นเลยสักนิด

     

    แล้ว ผมควรทำยังไง

    ไม่ต้องทำอะไร

    แต่ผมอยากจำได้

    การจำได้จะทำให้นายเจ็บปวด อย่าลืมว่าเพราะแบบนั้นนายเลยเลือกที่จะลืมมัน

    มันเจ็บขนาดนั้นเลยหรอครับ

    มากกว่าที่นายจะจินตนาการได้ในตอนนี้

    แต่ผมก็อยากจำมันให้ได้อยู่ดี

    นายแค่สงสัย นายไม่อยากจำมันได้จริงๆ หรอก เชื่อฉันสิมีคนแบบนายอีกเยอะที่ลืมไปแล้วกลับอยากจำให้ได้น่ะ

    แล้วคนพวกนั้น

    สุดท้ายมนุษย์เราก็หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจ็บนะ

     

    เขาพูดจบแล้วพรูลมหายใจออกมาก่อนเงียบไปทั้งๆแบบนั้น ผมมองดูแสงบนท้องฟ้าค่อยๆ อ่อนลง มองดูฟ้าที่เปลี่ยนสีไปทีละเล็กทีละน้อยเงาที่พาดทับเป็นที่กำบังแสงให้เราค่อยๆถูกดูดกลืนและแปลเปลี่ยนไปเป็นสีเดียวกับแสงรอบตัว

    ผมปล่อยตัวเองนั่งมองมันอยู่อย่างนั้น

     

    หิวไหมเขาถามขึ้นหลังเวลาผ่านไป

    นิดหน่อยครับ

    อยากกินอะไรเขาลุกยืนขึ้นพร้อมปัดกางเกง

    เราจะลงไปกินข้าวกันหรอครับผมยืนขึ้นตามเขา

    ป่าว กินบนนี้แหละ สรุปอยากกินอะไรเขาเดินนำออกไปที่อีกด้านของดาดฟ้า

    อะไรก็ได้ครับผมว่าและเดินตามเขาไปพลางคิดบนนี้จะมีอะไรกิน

    งั้นพิซซ่าแล้วกัน เอาโค้กไหม

    ก็ดีครับ

    โอเค

     

    เขาไม่แม้จะยกโทรศัพท์โทรสั่งทำเพียงเดินวนไปอีกด้านและไม่นานนักโต๊ะญี่ปุ่นขนาดกลางตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาบนโต๊ะมีพิซซ่าอยู่สามถาด ด้านข้างมีแก้วสองใบกับโค้กขวดใหญ่ที่จับไอตั้งอยู่

    เขาเดินไปนั่งเหมือนมันเป็นเรื่องปกติและเริ่มเปิดฝากล่องพิซซ่าแต่ละถาด

     

    นี่ กินหน้าอะไร มีฮาวายเอี้ยน เปเปอร์โรนี แล้วก็ซีฟู้ด

     

    ผมมองเขาหยิบโค้กขึ้นเทใส่แก้วที่อยู่ๆ ก็มีน้ำแข็งใส่อยู่เต็ม ถึงมันจะดูแปลกประหลาดแต่ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

     

    ไม่หิวหรือไง มานั่งกินสิเขาว่าพลางยกพิซซ่าชิ้นหนึ่งขึ้นกัด

    ผมตัดสินใจนั่งลงและเริ่มกินพิซซ่าชิ้นแรกเช่นกัน

     

    มีอะไรเขาถาม

    ป่าวครับ มันแค่รู้สึกเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกของผม

    อืม

     

    เขาไม่พูดอะไรและหยิบพิซซ่าอีกชิ้นส่งเข้าปากผมมองเขาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพิซซ่าทั้งสามถาดถูกยัดลงกระเพาะของพวกเราจนหมด

     

    ผมมีคำถาม

    ว่ามา

    ถ้าผมอยากลืมว่าตัวเองเคยเล่าอะไรบนนี้ไป ผมจะกลับมาจำได้ไหม

    นายยังอยากจำได้อยู่อีกหรือไง

    ผม...

    เอาเถอะ ฉันห้ามนายไม่ได้อยู่แล้ว

    ถ้าแบบนั้น มันเป็นไปได้ใช่ไหมครับ

    ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยมีใครทำแบบนี้หรอกนะ

    ถ้างั้นผม

    มันจะเจ็บมากๆ รู้ใช่ไหม

    ‘...ครับ

    เอาสิ ถ้าอย่างนั้น

    ผมอยากลืม ว่าผมเคยเล่าเรื่องพวกนั้นบนนี้

    ที่นี้ ลงไปได้แล้วล่ะ

    ครับ ขอบคุณนะครับ สำหรับอาหารด้วย

    อืม โชคดีแล้วกัน

     

    เขาพูดตอนผมเดินไปเปิดประตู ผมดึงประตูเหล็กและค่อยๆก้าวลงไปด้านล่างทีละขั้นๆ

    อีกสามขั้น

     

    อีกสองขั้น

     

    อีกหนึ่งขั้น

     

    ขั้นสุดท้าย

     


     


  • ผมก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายที่ลงจากด้านฟ้าพร้อมกับภาพนับพันที่ไหลเวียนเข้ามาในหัวมันเชื่อมต่อกันเหมือนม้วนฟิล์มขนาดใหญ่ที่กำลังเล่นกลับหลัง

    และเกือบทั้งหมดเป็นเรื่องราวของผม... กับเขา

    เขาที่นั่งอยู่ใต้เงาของถังน้ำ

    เขาที่พาดขาลงบนราวเหล็กที่ยึดติดอยู่กับพื้น

    เขาที่กำลังหัวเราะ

    เขาที่กำลังยิ้ม

    เขาที่กำลัง... ร้องไห้

    และเขาที่กำลังหายไป

     

    ผมก้าวขึ้นบันไดไปสุดแรงที่มีแต่ละก้าวขามันหนักอึ้ง

     

     

    นี่

    วันนี้นายสาย

    หิวไหม อยากกินอะไร

    งั้นหรอ

    ฉันอยู่กับนายเสมอนั้นแหละ

    กอดไหม

    ไม่เป็นไรนะ

    นายเก่งที่สุดอยู่แล้ว

     

     

    น้ำตาที่ผมลืมไปแล้วว่าเคยร่วงหล่นมากเพียงไหนพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายจนขั้นบันไดพร่าเบลอไปหมด ผมใช้แรงสุดท้ายผลักประตูเหล็กที่ขว้างอยู่ข้างหน้า

     

     

    อยากลืมอะไรล่ะ

    เล่ามาเถอะ จะเรื่องไหนก็ไม่เป็นไรหรอก

    นายจะจำไม่ได้อีกเลย

    จะไม่เจ็บปวดเพราะมันอีก

     

     

    ผมเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าสายตาพยายามสอดส่องไปทั่วบริเวณ

     

     

    ถ้านายอยากจะจำมันได้ขึ้นมา มันจะเจ็บปวดมากๆ เลยนะ

    ถ้าวันไหนที่อยากจดจำขึ้นมามันก็จะหายไปนะ

     

     

    ผมวิ่งจนทั่วดาดฟ้าดูทุกซอกทุกมุมเท่าที่จะเป็นไปได้

     

     

    ทั้งสถานที่แห่งนี้

     

     

    ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่เจอ

     

     

    และฉัน

     

     

    เขาหายไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยการมีอยู่ผมปล่อยเสียงออกมาอย่างไม่อายใคร มันดังขึ้น และดังขึ้นอีก

     

     

    นี่

    ฉันบอกแล้วว่านายจะเจ็บปวด

     

     

    เหมือนกับสายลมกำลังปลอบประโลมและโอบกอดผมอย่างอ่อนโยน

     

     

    แต่มันจะไม่เป็นไร

    นายจะไม่เป็นอะไร

     

     

    เสียงแผ่วเบาลอยล่องมาตามสายลมแห่งการปลอบโยน

     

     

    ฉันอยู่ตรงนี้ ข้างๆ นาย เสมอ

     

     

    ผมเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่วันนี้ปะปนด้วยสีเหลืองนวลของดวงจันทร์

     

     

    หวังเพียงว่านายจะไม่เจ็บปวดมากเกินไป

     

     

    ราวกับว่าทุกตารางเมตรของพื้นที่ทุกอณูของมวลอากาศบนดาดฟ้า สีน้ำเงินเข้มเกือบดำของท้องฟ้าและแสงสีนวลจากดวงจันทร์กำลังพากันโอบล้อมตัวผมกอดผมที่ตัวสั่นเทา มันเหมือนกับเขาอยู่ตรงนี้ในตอนนี้ด้านหน้าผม พร้อมกับทุกสรรพสิ่งที่โอบล้อมกอดประโลมผมอย่างที่เคยทำมาตลอด

     

     

    หวังว่าในสักวัน...

     

     

    กระทั่งร่างกายผมหยุดสั่นและมันค่อยๆกลับเป็นเหมือนปกติ น้ำตาที่ไหวอาบแก้มค่อยๆ จางจนเหลือเพียงคราบบางๆ บนใบหน้า

    มวลความรู้สึกเหล่านั้นหายไปพร้อมกับสายลม

     

     

    นายจะอยู่กับมันได้โดยไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

    ที่รัก

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
mnwnc (@tnkmxe)
อบอุ่นมากๆเลยครับ ;-;