Author’s Note : ตอนที่10แล้วค่า ('0 ',,)/
Pairing : Thor x Loki
Rate : G
Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..
“ท่านพี่... ท่านเห็นมันรึเปล่า?”
เจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ดกระซิบกระซาบถามเชษฐา ซึ่งยืนชะโงกหน้ามองข้ามก้อนหินใหญ่ซึ่งเขาทั้งคู่ใช้เป็นที่กำบัง
“ข้าเห็นแล้ว! อยู่หลังก้อนหินตรงนั้นไง!”
ธอร์ร้องบอกอนุชาอย่างดีใจ พลางบุ้ยปากไปทางหินก้อนที่ว่า เมื่อเป้าหมายที่พวกเขาสองคนตามแกะรอยมาตลอดสัปดาห์สุดท้ายก็ปรากฏตัวให้เห็นอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลออกไปนัก
“ชี่ยยยยย! เบาๆสิ!”
โลกิขมวดคิ้ว หันไปยกนิ้วชี้แตะตรงกึ่งกลางริมฝีปากเชษฐาเป็นเชิงปรามให้ลดเสียงลง ทำเอาเทพเจ้าแห่งสายฟ้าองค์น้อยถึงกับกระพริบตาปริบๆ เมื่อโดนอนุชาของตนเอ็ดเอา แต่ก็ยอมยกมือขึ้นปิดปากตนไว้ คราวนี้เป็นฝ่ายโลกิลุกขึ้นชะโงกมองบ้าง
“…..”
แต่ไม่ทันถึงอึดใจ ธอร์ก็เอาอีก
“โลกิ เจ้าเห็นรึเปล่า? ที่ดูเป็นก้อนดำๆข้างต้นไม้น่ะ”
“ข้า-เห็น-แล้ว...”
โลกิกระซิบตอบ น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดคนข้างตัวเบาๆ แล้วเจ้าชายองค์รองก็ค่อยๆย่างเท้าเข้าไปทางเจ้าก้อนขนที่ว่า
“เฮ้! โลกิ!”
ธอร์พยายามคว้าต้นแขนอนุชาไว้คล้ายจะปรามไม่ให้เข้าไปใกล้ แต่โลกิกลับปัดมืออีกฝ่ายออก และขยับเข้าไปดู
โลกิคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นถนัดตา ว่าก้อนกลมปุกปุยสีดำตรงหน้า ที่แท้คือลูกหมีดำตัวน้อยน่ารัก
ดวงตาสีมรกตสุกใสของโลกิเป็นประกาย ก่อนจะหันมากวักมือเรียกเชษฐา
“ท่านพี่… มานี่สิ มาดูตรงนี้”
ธอร์ขยับเท้าตามเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก
“โลกิ!”
ธอร์กระโดดพุ่งตัวเข้าหาอนุชา ผลักอีกคนจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า เล่นเอาบุตรคนรองแห่งโอดินถึงกับร้องสบถอย่างหัวเสีย
โลกิกำลังจะหันไปโวยวายใส่เจ้าคนผลัก แต่พลันชะงักตัวแข็งทื่อใบหน้าขาวกลายเป็นซีดเผือด เมื่อเห็นร่างของหมีดำตัวใหญ่กำลังเตรียมพุ่งตัวเข้าหาเขาทั้งคู่อีกครั้งหลังจากพลาดการจู่โจมครั้งแรกไปอย่างหวุดหวิดเมื่อครู่
เสียงคำรามของมันดังอยู่ในระยะใกล้ทำเอาแก้วหูของโลกิแทบลั่น เขาทรุดนั่งลงคล้ายกับแข้งขาอ่อนแรงทำอะไรไม่ถูกเสียอย่างนั้น
“วิ่งเร็ว! โลกิ!”
ธอร์ซึ่งกระโดดลุกขึ้นได้ก่อนรีบคว้าต้นแขนอนุชาตัวน้อยให้ลุกยืนตาม
ในนาทีคับขันเมื่อจวนตัวแต่เห็นอนุชายังไม่ยอมลุก ผู้เป็นเชษฐาก็หันไปขยุ้มคอเสื้อ แล้วจับคนตัวเล็กกว่าเหวี่ยงโยนจนลอยไปตกบนพื้นห่างออกไปทางชายป่าด้านหลังทันที
ส่วนเขาเองถูกเจ้าหมียักษ์พุ่งเข้ากระแทกแผ่นหลังจนล้มคว่ำลง เจ้าสัตว์ร้ายยกอุ้งเท้าหน้าหมายตะปบซ้ำใส่กลางหลังของเจ้าชายน้อย ดีที่ธอร์ว่องไวพอจะกลิ้งตัวหลบได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง
“ท่านพี่!”
โลกิร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก แต่ทำได้เพียงเฝ้าดูสถานการณ์จากจุดที่เขานั่งแหมะอยู่ ซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก
แม้อยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานผู้เป็นเชษฐาก็ยังหันมาตะโกนสั่ง
“โลกิ! วิ่ง!”
ตัวคนสั่งเองก็วิ่งตรงมาหาอนุชา คราวนี้ไม่ถามไถ่ใดๆ เมื่ออีกคนไม่พร้อมวิ่ง ธอร์ก็ก้มตัวลงใช้แขนแข็งแรงคว้ารวบเอวโลกิ ยกตัวอีกคนขึ้นพาดบ่าแล้วออกวิ่งกลับไปทางปราสาททันที
ดูท่าเจ้าหมีร้ายคงไม่คิดจะปล่อยให้สองเจ้าชายน้อยหนีไปได้โดยง่าย เสียงสวบสาบและเสียงหักของกิ่งไม้เบื้องหลังจึงยังไล่ติดตามทั้งคู่มาอย่างบ้าคลั่งไม่ลดละ
วิ่งหนีมาได้พักใหญ่แล้ว แต่ระยะห่างระหว่างเจ้าชายน้อยกับสัตว์ร้ายยังคงไม่เพิ่มขึ้นเลย เทพแห่งสายฟ้าจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผน
“ข้ามีแผนแล้ว!”
ธอร์วางร่างคนบนบ่าลงพร้อมร้องสั่ง
“โลกิ เจ้าวิ่งไป! ห้ามหยุด! เข้าใจนะ ไม่ต้องห่วงข้า... ไป!”
จบคำบุตรคนโตแห่งโอดินก็หันหลังกลับไปตั้งรับทางทิศที่เจ้าหมียักษ์ไล่ตามมาทันที
“ท่านพี่ สัญญากับข้าก่อน อย่าทำร้ายมันนะ!”
…ใช่แล้ว... โลกิรู้... มันเป็นเพราะเขาเองที่เข้าไปใกล้ลูกหมีจนเกินไป หมีน้อยตัวนั้นต้องการแม่ และโลกิต้องการย้ำเพื่อให้แน่ใจว่าเชษฐาของเขาจะยั้งมือไม่ทำร้ายแม่หมีตัวนั้น
ธอร์จึ๊ปากเบาๆ อดเคืองไม่ได้ที่อนุชาดันนึกห่วงเจ้าหมี มากกว่าเขาผู้เป็นพี่ชายเสียอย่างนั้น
“ข้ารู้น่า… ไป!”
ธอร์ไม่ได้หันกลับไปมองโลกิ เขาร้องสั่งขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้แทบจะเป็นการตวาดไล่
โลกิเองก็ตัดสินใจออกวิ่งเต็มฝีเท้าทันทีโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองอีกคนเช่นกัน... ทิ้งเสียงคำรามกึกก้องป่าไว้เบื้องหลัง… พร้อมกับผู้เป็นเชษฐาซึ่งไม่รู้ชะตากรรม...
--- ℑ ---
...ธอร์มีแผน... และแผนของธอร์ มักเรียบง่ายเสมอ...
...เขาแค่ต้องถ่วงเวลา ให้แน่ใจว่าโลกิจะกลับไปถึงปราสาทได้อย่างปลอดภัยก็เท่านั้น...
ทันทีที่โลกิออกวิ่งกลับไปทางปราสาท บุตรคนโตแห่งโอดินก็พุ่งตัวเข้าหาเจ้าหมียักษ์
ลำพังแค่จัดการกับหมีตัวเท่านี้น่ะ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเทพเจ้าแห่งสายฟ้า แต่ที่มันกลายเป็นโจทย์ยากขึ้นมา ก็เพราะคำขอเมื่อครู่ของอนุชาเขานั่นล่ะ
ธอร์ไม่แน่ใจ... คำว่า ‘อย่าทำร้ายมัน’ ที่โลกิขอไว้มันครอบคลุมถึงอะไรบ้างนี่สิ
เมื่อไม่อยากเสี่ยงขัดใจอีกฝ่าย เขาจึงเลือกทำเพียงฟัดปล้ำกับเจ้าหมีดำรอให้อีกคนหนีไปได้ไกลพอแล้วค่อยว่ากัน…
การต่อสู้กินเวลาอยู่พักใหญ่ ทั้งธอร์และหมีแม่ลูกอ่อนต่างยังไม่มีฝ่ายใดยอมลงให้กันง่ายๆ
อันที่จริงอุ้งเท้าหนักๆของเจ้าหมีไม่ได้ระคายร่างกายของเทพชาวแอสการ์ดเท่าไหร่นักหรอก จะเจ็บหน่อยก็กรงเล็บซึ่งครูดตามลำตัวเป็นทางยาวเสียหลายแผล และคมเขี้ยวซึ่งถากเข้าที่โคนขามากกว่า...
ธอร์กะเวลาดู แน่ใจว่าโลกิน่าจะหนีไปได้ไกลแล้ว จึงค่อยยอมผละออกจากร่างหมีดำ และจังหวะที่พยายามถีบตัวกระโดดถอยหลังห่างออกมา ดันพลาดท่าถูกกัดเข้าตรงแขนข้างหนึ่งเสียได้
เจ้าหมียักษ์ตั้งท่าจะสะบัดกระชาก พลันได้ยินเสียงร้องของลูกหมีลึกเข้าไปในป่าจุดที่พวกเขาวิ่งจากมา
สัญชาตญาณของแม่พาให้เจ้าสัตว์ร้ายเลือกที่จะละทิ้งศัตรูตรงหน้า และรีบวิ่งกลับเข้าไปในป่าเพื่อกลับไปหาลูกของมันทันที
ธอร์ทรุดลงนั่งคุกเข่า รอจนเสียงรอบตัวเงียบลง จึงค่อยทิ้งตัวลงนอนกับพื้น หลับตาหอบหายใจเพื่อพักเหนื่อย
“…โลกิ?...ฝีมือเจ้า?”
ธอร์เอ่ยถามเบาๆทั้งที่ยังหลับตา แล้วร่างเล็กกว่าของอนุชาก็โดดลงมาจากต้นไม้ไม่ห่างออกไปนัก แล้วก้าวมานั่งแปะลงข้างกายเชษฐาของเขา มือเรียวขาวยื่นมาลูบปัดเศษดินและใบไม้บนใบหน้าธอร์ออกให้อย่างแผ่วเบา
เมื่ออีกคนไม่ตอบ เทพแห่งสายฟ้าก็ลืมตาขึ้นมอง ดวงตาสีฟ้าจัดของธอร์สบกับดวงตาสีเขียวของโลกิซึ่งมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว
คนเจ็บมุ่ยหน้าพึมพำดุอีกฝ่ายเบาๆ
“ทำไมเจ้ายังอยู่แถวนี้? เจ้าควรเชื่อฟังพี่แล้วกลับไปรออยู่ที่ปราสาท...”
โลกิไม่ได้ตอบ เขาแค่มอบรอยยิ้มฝืดฝืนให้อีกฝ่าย
...ทำไมน่ะเหรอ…
...แน่นอน... เขาต้องอยู่รอดูสภาพบุตรคนโปรดของโอดินก่อนสิ…
โลกิรู้ดีว่าเชษฐาของเขาไม่ตายง่ายๆด้วยน้ำมือสัตว์ป่าธรรมดาๆเช่นนี้หรอก... แต่หากเขากำกับละครฉากนี้ดีๆ เขาก็จะได้ระบายความหงุดหงิด และยังเป็นการเอาคืนอันหอมหวานเล็กๆน้อยๆอีกด้วย...
เท่านี้...โอดินพระบิดาจะได้หยุดมีปัญหากับการ... ‘เอาแต่ขลุกอยู่ในปราสาท ไม่รู้จักออกไปเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาข้างนอกกับธอร์และเพื่อนๆเสียบ้าง’… ของเขาเสียที
พระบิดาควรได้ตระหนัก... ว่าการออกไปเที่ยวเล่นอย่างไร้สมองมันอันตรายเพียงใด... และเท่านี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่เขาอุตส่าห์วางไว้อย่างดี...
...จะมีผิดคาดอยู่บ้างก็ตรงที่... เขาไม่คิดว่าคนอวดดี มุทะลุดุดันอย่างธอร์ ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ยังจะพยายามปกป้องและยังทำตามคำขอร้องของเขาถึงเพียงนี้...
เขาจินตนาการถึงการตบหนักๆด้วยอุ้งเท้าหมีเสียสองสามทีเท่านั้น แต่กลับได้แถมมาซึ่งร่างยับเยินของเชษฐาหากเขาไม่เปลี่ยนใจกลับมาช่วย
...ช่างเป็น... พี่ชายที่โง่เง่าเสียจริงๆ...
ดวงตาสีเขียวเลื่อนหลบสายตาอีกฝ่าย มองไปทางบาดแผลถูกขย้ำตรงท่อนแขนของเชษฐาแทน
คราวนี้มือมอมแมมของธอร์เป็นฝ่ายยกขึ้นมาโอบแก้มรั้งให้อนุชาผินหน้ากลับมา และลากนิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบหยดน้ำบนแก้มของอีกคนจนแก้มยู่ไปตามแรงนิ้ว แป้บเดียวใบหน้าขาวใสของโลกิก็เปื้อนมอมแมมไปด้วยคราบดินตามไปอีกคน
โลกินึกอยากจะเบือนหน้าหนีมือ แต่มืออุ่นๆของผู้เป็นเชษฐาแทรกเข้าไปในเรือนผมสีดำหลังศีรษะของอนุชาจอมดื้อ และรั้งกดหัวอีกฝ่ายลงให้แนบหน้าตะแคงซบลงมาบนแผ่นอก
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก... อย่าร้องไห้สิ... อนุชาแห่งธอร์ต้องเข้มแข็ง... รู้ไหม...”
“…ข้าไม่ได้ร้องไห้ท่านพี่... ข้าไม่ควรร้อง…”
--- ℑ ---
ธอร์ โอดินซันเข้าใจว่าตนหูแว่ว... เขาเหมือนได้ยินเสียงอนุชาตัวน้อยร้องไห้เรียกเขา น้ำหนักบนแผ่นอก และหยาดน้ำอุ่นบนผิวกาย ยังคงเป็นความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างเรื่องจริงและความฝัน
...โลกิ?...
แต่ครั้งนี้เปลือกตาของธอร์หนักอึ้งเกินกว่าจะลืมขึ้นมองไหว และเมื่อพยายามขยับเขาก็พบว่าแขนทั้งสองข้างของเขายังคงร้าวเจ็บจนยกแทบไม่ขึ้น กระนั้นมือใหญ่กร้านจากการฝึกซ้อมอาวุธไม่เคยว่างเว้นของเทพเจ้าสายฟ้าก็ยังฝืนยกขึ้นช้าๆ แต่แล้วก็ดันหมดแรงทิ้งลงดื้อๆบนเรือนผมดำขลับของใครบางคนซึ่งกำลังซบหน้าอยู่บนอกเขา เล่นเอาเจ้าของดวงตาสีเขียวซึ่งกำลังเหม่อลอยสะดุ้งเฮือกใหญ่ทันที
!!!
จากนาทีแรกที่ตกใจจนเกือบผุดลุก แต่เมื่อเหลือบตามองเห็นว่าเจ้าของมือหนักราวกับอุ้งเท้าหมียังคงนอนหลับตานิ่ง โลกิ ลอเฟย์ซันก็ไม่ได้ขยับหนีเจ้าของมือนั้นอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
โลกิระบายลมหายใจออกยาว
...เขารู้ดีว่าสัมผัสจากธอร์มักไม่อ่อนโยน…
...แปลกดีที่เขาไม่เคยคาดหวังให้มันอ่อนโยนกว่านี้... เขาเพียงคาดหวัง...ให้มันเกิดขึ้นบ่อยกว่านี้ และแต่ละครั้งรั้งอยู่กับเขาเนิ่นนานกว่านี้...
--- ℑ ---
“เจ้าสายฟ้ายังไม่ตาย?”
บุรุษผู้เป็นเจ้าของดาวซาคาร์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ก็พยายามเก็บสีหน้าไว้ต่อหน้าเทพหนุ่มชาวแอสการ์ด ผู้ซึ่งเขาหมายมั่นปั้นมือจะครอบครองทั้งกายและใจให้ได้
“ท่านได้ยินไม่ผิดแกรนด์มาสเตอร์... และข้าต้องการสิ่งที่ท่านรับปากไว้กับข้าในคืนนั้น”
โลกิ ลอเฟย์ซัน สบตาอีกฝ่ายตรงๆ แม้น้ำเสียงจะโอนอ่อนนอบน้อม แต่อีกฝ่ายย่อมรับรู้ได้ว่าเขาจริงจังกับคำพูดนี้แค่ไหน
“แน่นอนคนดี... ข้าจะให้คนไปพาเจ้าสายฟ้าไปห้องพักวีไอพี และจากนี้ไปเขาจะเป็นของเล่นของเจ้า”
แกรนมาสเตอร์พูดอย่างเอาใจ พลางเข้าไปโอบคล้องเอวเทพหนุ่ม
“เจ้าต้องไม่โกรธข้า...โลกิ... เจ้าก็รู้ว่าข้าปล่อยให้เขาชนะไม่ได้ เราทั้งคู่จะเสียเขาไป เพราะพี่เจ้าต้องการอิสรภาพเป็นรางวัล แล้วข้า... ข้าก็จะสูญเสียแชมเปี้ยนตัวทำเงินของข้าไปอีก”
“แน่นอน แกรนด์มาสเตอร์ ข้าทราบดีว่าท่านใจกว้างแค่ไหนที่ยอมรับปากทำตามคำขอร้องของข้า”
ท่าทีของโลกิเริ่มอ่อนลง และนั่นก็ทำให้ฝ่ายเจ้าบ้านกลับมายิ้มกริ่มอีกครั้ง
“…และข้าต้องการสิ่งที่เจ้ารับปากข้า...โลกิ... แน่นอนว่าเมื่อเจ้าพร้อม”
“ข้ามั่นใจว่าข้าจะพร้อม...เมื่อหมดกังวลเรื่องของเล่นของข้า... และถ้าท่านไม่ว่าอะไร ข้าขอตัวไปดูแลเรื่องการเคลื่อนย้าย...เจ้าบ้านั่นก่อน”
โลกิหันไปยิ้มหวานให้แกรนด์มาสเตอร์ เขาบรรจงแตะริมฝีปากตนจูบเบาๆที่มุมปากของอีกฝ่าย แล้วรีบถอยฉากออกห่าง ทิ้งให้คนถูกจูบยืนยิ้มเคลิ้มอยู่พักใหญ่ รู้ตัวอีกทีเทพแห่งคำลวงก็ก้าวยาวๆพ้นประตูห้องออกไปเสียแล้ว
--- ℑ ---
...ร้ายนักนะตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!...
โลกิแทบจะหลุดสบถออกมา เมื่อเห็นว่าห้องพักวีไอพีที่แกรนด์มาสเตอร์พูดถึงคือห้องเดียวกับที่เจ้ายักษ์ตัวเขียวพัก แกรนด์มาสเตอร์คงพอรู้เลาๆว่าเขาเข็ดขยาดกับเจ้าอสุรกายนี่ขนาดไหน ถึงจงใจให้ย้ายธอร์มาอยู่ที่นี่ เพื่อกีดกันไม่ให้เขามาหาได้บ่อยๆ
บุตรแห่งลอเฟย์รีบก้าวถอยไปหลบอยู่หลังกลุ่มทหารซึ่งกำลังช่วยกันเคลื่อนย้ายร่างของคนเจ็บเข้าไปในห้องพักทันทีที่เหลือบเห็นรูมเมทของเชษฐา
ดีที่ท้ายแถวของขบวนเป็นกลุ่มของนางกำนัน โลกิจึงใช้เวทเปลี่ยนร่างเขาให้เป็นนางกำนันอีกคนเดินตามท้ายขบวนเข้าไปในห้องพักโดยไม่มีใครทันสังเกต
แม้จะได้เวทรักษาไปบ้างแล้วก็จริง แต่คนเจ็บก็ยังคงไม่ได้สติ จนโลกิอดห่วงไม่ได้
...อย่างน้อยเขาก็ขอให้ได้เห็นเจ้าโคถึกนี่ลืมตาก่อนก็ยังดี... เพื่อที่เขาจะได้วางใจ ก่อนจะจ่ายรางวัลให้กับแกรนด์มาสเตอร์ตามที่ตกลงกันไว้คืนนั้น... บนยานคอมมอดอร์...
==TBC.==
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in