เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อิ่มไหนหรือจะเท่า Imperial College LondonYanisa Sunthornyotin
Day 10 ยูนิคอร์นคิดว่าตัวเองเป็นเป็ด
  • ภารกิจหลักวันนี้ของเราคือการไปเอา​ student ID ที่มหาลัยค่ะ แถมวันนี้ยังมีงาน Club fair พอดีเลย ถือว่าไปทีเดียวได้นกสองตัว!
    ไหนๆก็ได้พักไปแล้ว วันนี้เราตัดสินใจลอง เดิน ไปมหาลัยดูค่ะ
    ใช้เวลา1ชม.เด๊ะ ด้วยสปีด x1.25 ตรงเลียบไปตามถนน Hammersmith และ High Kensington ที่จริงก็เป็นรูทเดียวกับรถบัสสาย 9 และ 23 นั้นแล
    พอเลยครึ่งทางเราจะสามารถเดินเข้าไปใน Hyde park เลียบไปได้ จะมีประตูให้ออกเป็นระยะๆ ออกตรงประตูแถว Royal Albert Hall ก็ยังได้ 
    ข้อดีคืออากาศในสวนดีมาก
    ข้อเสียคือทางเดินก่อนเข้าสวนมีกลิ่นไอเสียพอสมควรเพราะรถติด 55555
    โดยรวมก็ไม่เหนื่อยมากนัก เหมือนเดินออกกำลังกายตอนเช้าที่ไทยแต่อากาศเย็นกว่า ฟุตบาทเรียบกว่า

    แปะรูป

    สัปดาห์แรกนี้เป็นสัปดาห์ของการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียนค่ะ จะยังไม่มีการเข้าเนื้อหาการเรียนการสอนแต่จะมีคอร์ส Wellbeing/Mindfulness/Safety อะไรแบบนี้ให้เรียน
    ซึ่งจริงๆเราว่าเป็นคอร์สที่มีประโยชน์มากนะ อยากให้มหาลัยที่ไทยมีแบบนี้บ้างเหมือนกัน เป็นเหมือนคอร์สสอนวิธีจัดการกับความเครียด การจัดสรรเวลา หรือการปฏิบัติตัวเวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน 

    อย่างเรื่องMindfulnessนี่ก็จะสอนเหมือนสอนธรรมมะ แต่เป็นฝรั่งสอนไม่ใช่พส. จะreferenceจากหนังสือต่างๆและที่NHSรับรอง หนังสือที่ใช้refก็เขียนไว้ว่า Adapt concept มาจาก Eastern ก็คงจะไม่พ้นConceptศาสนาพุทธ แต่เป็นศาสนาพุทธที่ถูกแปลงเป็น Framework มาแล้ว มีการประกาศ definition อะไรต่างๆไว้เรียบร้อย (แอบแปลงมาแบบผิดหลักไปบ้างแต่ก็นะ...เข้าใจ) 

    เลยได้รู้ว่าจริงๆเราสามารถแยกออกได้เลยนะ ว่าคนสอนที่รู้จริงกับรู้ไม่จริงต่างกันยังไง ถ้าสอนไปแล้วไม่ได้มีความเข้าใจในแก่นหลัก เวลาอธิบายตอนมีคนถาม แม้จะตอบแล้ว แต่คำถามนั้นจะยังคงอยู่ ฟีลแบบ...เอ้ะ...ยังไงนะ? ไม่ได้ตอบตรงประเด็นหรือแก้ปัญหาที่ค้างคานั้น ทั้งที่ Keyword ของแก่นหลักนั้น บางทีไม่ใช่เป็นเรื่องที่เข้าใจยากเลย so minimal แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ไม่เข้าใจKeywordนั้น(หรือไม่รู้ก็ไม่ทราบ)ดันตอบให้กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เข้าถึงยาก โดยไม่จำเป็น

    แต่ก็นับถือในความพยายาม นับว่าเป็นคอร์สที่มีโครงสร้างการสอนน่าสนใจ

    อ้ะ ว่าไปแล้วยังไม่ได้เล่าให้ฟังว่าหลักสูตร MSc Human and Biological Robotics นี้เราลงเรียนอะไรไปบ้างเลยนี่นะ
    //กระซิบว่าวิธีการลงวิชาเรียนแปลกมาก ประมาณว่าเราเลือกวิชาไปเลยไม่ต้องสนใจtimetable (เพราะเขาไม่บอก555) ไม่ต้องสนว่าวิชานี้จะไปทับเวลากับวิชาไหน คิดว่าเขาน่าจะซาวน์เสียงก่อนว่าจะลงเรียนวิชาไหนบางแล้วค่อยจัดตารางให้ไม่ชนกันมั้ง

    ที่Imperial จะแบ่งเป็น 3 เทอม Autumn(Oct-Dec), Spring(Jan-Mar), and Summer(Apr-July) มีวิชาบังคับ5ตัว วิชาเลือก 5 ตัว รวมเป็น 10 วิชา สามารถแบ่งเรียนเป็น Autumn: 6 Spring: 4 หรือ Autumn: 5 Spring: 5 ก็ได้ ส่วนSummerเน้นทำโปรเจคเต็มเวลา
    เทอมแรก Autumn จะบังคับเริ่มด้วยวิชา Core modules เป็นหลัก
    ของเราลงเป็นประมาณนี้

    Autumn
    Systems Physiology [CORE]
    Statistics and Data Analysis [CORE]
    Medical Device Entrepreneurship [CORE]
    Robotics [CORE]
    Biomimetics [Elective]
    Reinforcement Learning [Elective]

    Spring
    Human Neuromechanical Control and Learning [CORE]
    Brain-Machine Interfaces [Elective]
    Computer Vision and Pattern Recognition [Elective]
    Computational Neuroscience [Elective]

    แอบไปดูเนื้อหาเทอมแรกมาแล้วถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว 5555 เป็นวิชาที่ติด Top 3 วิชาอัปมงคลที่สุดของเราเลยแหละ ทั้งชีวะ กลศาสตร์(Dynamics) และสถิติ(+Fourier) แหะ... 

    มาดูกันว่าเราจะสามารถผ่านเทอมนี้ไปได้หรือไม่ //กรีดร้องเป็นภาษาบาลีตั้งแต่ยังไม่เริ่มเรียน
    ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่าตุมาเรียนอะไรวะเนี่ย แต่ก็โทษใครไม่ได้เพราะตั้งใจมาเรียนเอง พวกมนุษย์เป็ดที่ทนเรียนหัวข้อที่เคยเรีียนไปแล้วไม่ได้ จึงมาปะทะเข้ากับวิชาที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ของตัวเองซะงั้น 555555

    Data Engineer, DevOps, Backend, GIS -> จบที่Robot motion planning และ Human Physiology...

    ยังเป็ดได้อีก ก็มาดิค้าบบบบ TT v TT

    ไม่รู้เป็นคนเดียวรึเปล่าที่ดูเนื้อหาวิชาการเรียนกับข้อสอบเก่าแล้วถึงกับกลับไปดูหน้า Apply หลักสูตร แถมยังไปsearchดูหลักสูตรอื่นๆของม.อื่นด้วยว่า ตุคิดถูกมั้ยว้าาาา ที่มาเรียนหลักสูตรนี้ 
    แต่ search ไปก็ไม่ได้อะไรเพราะสุดท้ายก็กลับมาที่หลักสูตรเดิม ปลงใจว่า เออ! นี่แหละ ตรงใจสุดแล้ว 
    //เสียงกรีดร้องในใจยังไม่หายไป55555

    แต่ก็คิดว่า Degree นี้ น่าจะเป็นdegreeสุดท้ายที่จะเรียนในสายวิศวะแล้วค่ะ คงไม่อยากรู้ลึกถึงขั้น PhD แล้ว(มั้ง) รู้แค่Conceptพอ เห้อ เป้าหมายหลักตอนนี้ขอแค่สามารถกลั่นความรู้ที่เรียนออกมาให้กลายหัวข้อเดียวที่สนใจหรือเป็น product ที่จับต้องได้ก็พอแล้วล่ะ แล้วค่อยไปเลือกเอาว่าจะลงลึกอันนั้นในมหาลัยหรือนอกมหาลัย

    เอาล่ะ ทีนี้ก็มาต่อกับงานแฟร์ของเรากัน มีคลับและชมรมมากมายให้เลือกจอย แต่ไม่รู้เพราะว่าเราเอือมกับกิจกรรมชีวิตมหาลัยแล้วรึเปล่า เลยไม่ได้กระตือรือร้นกับมันขนาดนั้น //เพราะหลายครั้งที่จอยไปสุดท้ายก็เทเพราะงานเยอะท้วมหัวเอาตัวไม่รอด ถถถถ เลยว่าจะจอยกับคลับที่ไม่ต้องกินพลังชีวิตมาก หรือถ้ากินพลังมากก็จะไปดูๆแค่อาทิตย์แรกนี่ล่ะ

    ในงานคนเยอะมากกกกก ก ไก่ ล้านตัว คนเดินเบียดกันจนเดินไม่ได้ ราวกับทุกคนได้ลืมไปแล้วว่า 
    เฮ้ เรายังมีโควิดอยู่นะ ฮัลโหล~  
    มีแจก Domino pizza ฟรีก็เลยไปจกมาชิ้นนึงกินแทนข้างกลางวัน

    ไปนั่งพักอยู่มุมประจำของเราบนชั้นสองที่เห็นวิว Queen's tower สั่งกาแฟสตาร์บัคในมหาลัยมานั่งจิบเล่น ปรากฏว่า!!! Starbucksราคาถูกกว่าข้างนอก!!!! เป็นราคาที่ Apply student discountมาแล้ว ถูกกว่าเมืองไทยอีก! พระเจ้า...

    I love Imperial

    เดินไปมารู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาไปเอาบัตรที่ตึกเรียนของเรา Royal school of mines แล้ว ที่นี่เป็นฉากถ่ายทำ Kingsman ด้วยนะ

    อ้าว ลุงลุค สกายวอลค์เกอร์ เจอกันอีกแล้วนะ พรหมลิขิตแน่ๆ 5555

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in