ระหว่าง "ความรัก" กับ "ความทรงจำ" เราให้คุณค่ากับสิ่งไหนมากกว่ากัน?…
นี่เป็นคำถามสำคัญคำถามหนึ่งที่ได้มาจาก love letter แต่มันตอบได้ยากเสียเหลือเกินเพราะหลายครั้งด้วยกันความรักมักซ้อนทับอยู่บนความทรงจำเสมอ.
"ฮิโรโกะ" สูญเสีย "ฟูจิอิ" คู่หมั้นตนจากอุบัติเหตุตกเขาเมื่อ 2 ปีก่อน เธอยังคงทำใจไม่ได้กับการจากไปของคนที่เธอรัก เธอเลือกที่จะเยียวยาหัวใจตนเองด้วยการส่งจดหมายรักไปยังที่อยู่ของเขา หวังว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งไปถึงสวรรค์… แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจดหมายได้รับการตอบรับพร้อมลงชื่อ "ฟูจิอิ" ...นำมาสู่การขุดคุ้ยอดีตและความทรงจำที่ครั้งหนึ่งผู้ชายที่รักได้สร้างไว้
***spoiler alert***
'this is not a love story, but it is a story about love.'
love letter เป็นหนัง drama/romance จากญี่ปุ่นที่โด่งดังมากในแดนบ้านเกิด ความงดงามของตัวหนังไม่ได้เพียงมาจากงานภาพที่ละมุนละไมเท่านั้น tempo ของหนังมันค่อนข้างละมุนซาบซ่านไปในทุกห้วงอารมณ์ ซึ่งมันน่าสนใจที่ว่า love letter โดยรวมแล้วหนังดูหยิบแก่นเรื่อง "ความทรงจำ" มาเน้นย้ำมากกว่า "ความรัก" แม้ว่าตัวเรื่องเองจะสามารถเล่าได้แบบหนัง puppy love ทั่วไป หรืออาจสามารถเล่าได้แบบน้ำเน่าสุดกู่อย่างหนังจากนิยายของ sparks (จำพวก the notebook, a walk to remember, etc.) แต่แม้ว่า love letter จะมีความ fantasize คนดูในระดับหนึ่งแต่มันยังมีพื้นฐานของการอยู่กับ
ปัจจุบันถึงจะมีหัวใจหลักของหนังจะเป็นเรื่องของอดีตก็ตาม.
เมื่อหนังเฉลยว่าแท้ที่จริงแล้วคนที่ตอบกลับไม่ใช่คนรักของฮิโรโกะ แต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อเหมือนกันกับเขาและเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นยังหน้าตาเหมือนกับฮิโรโกะราวกับแฝด!! นั่นจึงทำให้เกิดความแคลงใจแล้วว่าฟูจิอิรักเธอที่เป็นเธอหรือว่าเขาเห็นว่าเธอหน้าเหมือนกันกับฟูจิอิ (ญ) ที่เธอเดาว่าเขาอาจแอบชอบเธอในวัยเรียนก็เป็นได้ มันจึงเป็นการค้นหาอดีตผ่านความทรงจำของฟูจิอิ (ญ) ว่าชายที่เธอรักแล้วแท้จริงเป็นยังไง แต่ในขณะเดียวกันฟูจิอิ (ญ) เองก็ได้ค้นหาความรู้สึกที่ได้หล่นหายไปด้วยเช่นกัน… ความรู้สึกที่ได้อยู่ร่วมกับเขา.
เหมือนกับว่า iwai มีความตั้งใจเล็ก ๆ ในการที่ให้สองตัวละครหญิงหน้าเหมือนกัน เมื่อทั้งสองหน้าเหมือนกัน (ราวกับเป็นคนเดียวกัน) มันจึงเปรียบเสมือนการเน้นย้ำตัวเองของตัวละคร การสะท้อนกลับไป-มาของความรู้สึก/อารมณ์ และแลกเปลี่ยนความทรงจำกันทำให้ความชัดเจนต่อชายที่ทั้งสองสร้างประสบการณ์ร่วมเริ่มมีมากขึ้นจนเป็นรูปเป็นร่าง แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเราจะไม่ได้รู้ว่าฟูจิอิ (ญ)
คิดอย่างไรกับฟูจิอิ (ช) แต่น้ำตาที่ไหลออกมาของเธอทำให้รู้ว่าเธอรู้สึกยินดีมากแค่ไหนที่เธอได้รับรู้ความรักที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีต่อเธอ.
ความรักมันทรงพลังมากแค่ไหนเราไม่รู้ มันอาจใช้เวลานานนับปีเพื่อที่จะส่งไปให้ถึงคน ๆ หนึ่ง… ทั้งฟูจิอิ (ญ) และแม้แต่ฮิโรโกะ คู่หมั้นเขาเอง ทั้งสองต่างเป็นผู้หญิงที่เขารักคนละห้วงเวลาในชีวิต
กระนั้นเขาไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ความรักของเขาก็ได้รับการรับรู้ในท้ายที่สุด.
"เธอสบายดีมั้ย?"
ฮิโรโกะตะโกนถามฟูจิอิ (ช) ไปยังหุบเขาที่เขาสิ้นใจ
"ฉันก็สบายดี"
เธอตอบเอง
ฉากที่สะท้านอารมณ์มากที่สุดฉากหนึ่ง ฉากนางเอกได้รับรู้แล้วว่าเขารักเธอมาตลอดเพียงแต่เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรให้ชัดเจน เขาเป็นเขาเช่นนี้แม้ว่าจะขอเธอแต่งงานก็ตาม เธอปลดเปลื้องความรู้สึกให้มันพัดพาไปกับสายลมหนาว หวังว่าจะไปให้ถึงเขา เหมือนอย่างที่เขาร้องเพลงให้เธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยิน
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขา...
love letter เป็นหนังรัก (เรียกได้ว่ามันเป็นหนังรักรสขม) ที่ปลูกต้นเศร้าภายในตัวคนดู ไม่ได้ให้ผลทันทีที่ภาพขึ้นจอ แต่ยังคงอยู่แม้หนังจะจบ และต้นเศร้าที่ว่าผลิดอกอารมณ์หน่วงอย่างช้า ๆ … กัดกินหัวใจแต่ก็ประทับใจอยู่ในคราวเดียวกัน
ไม่แปลกใจเลยว่าหนังเรื่องนี้คือหนังรักในตำนานของญี่ปุ่นแท้จริง
ที่เขาเล่าลือกัน.
ติดตามต่อได้ที่เพจ "คนวิจารณ์หนังฝรั่ง"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in