เป็นมนุษย์มันไม่ยากเท่าไหร่หรอก มันคือฟิสิกส์ที่ค่อนข้างโรแมนติก ทำตามกฏและเชื่อมั่นในความเป็นสัตว์สังคม เรียนศาสนาให้รู้จักคำว่าพระพุทธเจ้า ปชาบดีโคตมี ปฏิจจสมุปบาท ไบเบิล อัลกุรอ่าน อัลเลาะห์ สะปาโต แล้วก็ทนๆ กันไป แม้แต่ความว่างก็ไม่มีตัวตน อย่ายึดติด
แต่สุดท้ายแรงโน้มถ่วงก็บอกว่าต้องยึดติด ไม่งั้นจะยืนบนพื้นได้อย่างไร
ใช่ เป็นมนุษย์มันไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นมนุษย์ที่เมายาดองก็อีกเรื่อง
เมื่อคืนพี่ชายเขาบินมาจากนิอิงาตะเพื่อเอายาดองสูตรบ๊วยโมจิมาให้ชิม กระดกกันตรงสวนหน้าบ้านจนหมดขวดใสแล้วถามความรู้สึกไม่กี่ประโยค มอมคนยังไม่จบ ก็เทลงในชามข้าวบังเอิญด้วย หมาชิบะม้วนตัวและครางอิ๋งกับพุ่มพุทธรักษาแบบผิดวิสัยเฉยชาของมัน
ไอรดาต้องฆ่าเขาแหงๆ ถ้ามาเห็นภาพนี้
พี่บอกว่าแม่ออกกวีเล่มใหม่อีกแล้ว เกี่ยวกับแกนทิชชูที่เป็นไบโพลาร์ ตลาดในเยเมนกำลังมาแรงมาก แม่ฝากมาให้หนึ่งเล่ม เป็นพิมพ์ครั้งที่ 1 ซึ่งตอนนี้ไม่มีขายแล้ว หนังสือหนักน้อยกว่าขวดเหล้าหน่อยเดียว ขจีนอนแผ่เมาแอ๋ไปกับพื้นหญ้าขณะที่พี่ชายเล่าเรื่อยเจื้อยว่าอาทิตย์ก่อนมีกวางจากนาราบุกเข้ามาทำลายข้าวของในสกีรีสอร์ต ชั้นหนังสือที่เขาออกแบบไว้พังราบ พ่อบอกว่าให้กลับไปออกแบบให้ใหม่ด้วยและทวงงานโกดังกันดั้มของลุงมาเฟีย
แค่นั้น แล้วก็จากไป
ทิ้งเขาไว้เมาแอ๋กับหมา ดวงตาเห็นดาวเป็นรวงข้าวในสตราโทสเฟียแล้วสลบคาพื้นหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับบังเอิญที่ตะกายขึ้นมานอนทับพุง แกนทิชชูไบโพลาร์และขวดโหลสีพลัมบรรจุอะไรสักอย่างที่มีรูปร่างคล้ายแมงกะพรุนเรืองแสง
"ฝากให้น้องที่แกบอกว่าชอบทำขนม ฉันบังเอิญไปได้มาตอนปีนเขา สาบานได้ว่าล้ำค่ามาก เจ๋งกว่าผงครั้งที่แล้ว"
ผงประสาท ทำเขาต้องกินขนมไร้สาระไปเป็นเดือน
แล้วก็สาธยายเรื่องเวทมนตร์ขนมปังผิงอะไรสักอย่าง เขาจับความไม่ได้แล้วเพราะดาวลอย ยาดองบ๊วยโมจิทำพิษตั้งแต่สองจอกแรก แมงกะพรุนเรืองแสงในขวดเหมือนเป็นจุลินทรีย์มีปากมีเสียง ตอนนี้เขาต่างหากที่กำลังจะกลายเป็นจุลินทรีย์
ขจีหลอนจนเห็นภูเขามาตั้งตรงโหนกแก้ม
ไอรดาก็ไปปีนเขาเหมือนกัน เด็กประสาทนั่นไปไม่ร่ำลาเลย บอกว่าจะขึ้นเชียงดาว แบกทาร์ตขึ้นทางชันๆ เพื่อไปถ่ายรูปและลองรสชาติกับหมอกแรนดอมบนยอดกิ่วลม บอกว่าต้องนำทาร์ตไปทดลองสำหรับงานเต้าหู้ก่อนเพราะสูตรนี้ต้องทานผสมหมอกถึงจะอร่อย เธอทำอย่างนี้ทุกปี เปลี่ยนดอยไปเรื่อยๆ เพราะแต่ละดอยมีหมอกรสชาติไม่เหมือนกัน
เอาเถอะ...
ไอร์ พุทธศาสนาสอนให้ไม่ยึดติด ไปนั่งบนหลังคาแล้วรมดรายไอซ์ขึ้นไปให้ก็ได้ เอาให้ฟุ้งตั้งแต่แม่ริมไปถึงแม่แตงเลยยังได้ จะไปทำไม เขานึกแล้วเขาก็หลับไปอย่างนั้น ภูเขายังตั้งอยู่บนโหนกแก้มเหมือนเดิม เห็นต้นหญ้าระดับสายตาเป็นต้นไม้ใหญ่ หมาบังเอิญครางปุ๋ย ดาวลอยบนยอดดอยน่าจะวิบวับเหมือนไฟประภาคาร เด็กยีสต์ข้างบ้านกำลังนอนอยู่ในเต็นท์
หนาวน้อยกว่าเขาแน่นอน
แปดโมงเช้า หมาเลียแก้ม ชายหนุ่มยังเห็นภาพซ้อนแต่หมาชิบะน่าจะสร่างเมาอย่างหมดจดแล้วหลังจากที่ทำตัวไฮเปอร์เต็มขั้นไปจีบดอกไม้เมื่อคืน
การเป็นมนุษย์อย่างมีมนุษยธรรมของเขายากขึ้นมาทันทีที่มีพี่ชาย ยาดองบ๊วยโมจิบ้าบออะไรกัน กัญชาญี่ปุ่นสิไม่ว่า ไม่รักษาร่างกายแถมทำลายระบบประสาท
เขาหาวหวอด เห็นรูปเห็ดมาริโอเป็นดวงๆ ซ้อนกับภาพที่เห็นจริง หลับตาก็ยิ่งเห็นมันวิ่งวนไปมา วันนี้ไม่ใช่วันหยุด โปรเจ็กต์ที่เป็นไปไม่ได้รอคอยล้นบ่า หลากเป็นสายเหมือนน้ำป่าไหลหลาก
ซุ้มเต้าหู้ โกดังกันดั้ม วัดคอนเซ็บชวล
อารมณ์เขาชั่วช้ามาก ณ ตอนนี้
เพราะวันนี้เป็นเวร เวรกรรมของความไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างสุดท้าย ลุด มิกซ์ วานเดอโรห์ก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว มินิมอลแค่ไหนก็ต้องกุมหัว อาจต้องเป็นเหล้าบ๊วยโมจิผสมกัญชาของพี่ชายแทน ทำไมไม่ทิ้งให้เขาไว้สักขวดสองขวด
ขจีมาเก็บรายละเอียดงานออกแบบที่วัดคอนเซ็บชวล มีปัญหากับการแยกโลกเสมือน โลกคู่ขนาน โลกของธรรมะ โลกของพระ และโลกโลก
ถ้าเขาอยู่บนโลกโลกก็ไม่น่าจะมีพระที่ใส่จีวรสีชมพูช็อกกิ้งพิงค์
ช็อก. กิ้ง. พิงค์.
ไม่รู้ว่าขจีช็อคเพราะเหล้าต่างชาติ หรือพระต่างดาว ก้อนเมฆรูปครัวซองบนหลังคาวัดคอนเซ็บชวลรูปร่างเหมือนโค้งระเบียงหน้าบ้านไอรดาไม่มีผิด เขาหลอนไม่รู้จบ กัดเบเกลเข้าปากด้วยดวงตาโหลๆ
ที่นี่อาจมียานอวกาศใส่สังฆทานซ่อนอยู่ก็ได้
ตอนออกแบบเขาออกแบบแต่วัด พยายามไม่เน้นเหลี่ยมมุมและความวิจิตรบรรจง คีย์เวิร์ดคือเจตจำนงเสรี มาร์กซิสและจอลลีแบร์ คอนเซ็ปคือต้องทำลายทุกอย่างที่เป็นวัด บรีฟแบบนี้คือที่สุดของความขัดแย้งในตัวเอง
วัดคอนเซ็บชวลในแบบของสถาปนิกขจีคือวัดที่มีหยักโค้งเหมือนก้อนเมฆ ล่องลอยและมีความเป็นทรัพย์สินส่วนรวม หน้าบันมีตู้บริจาครูปหมีจอลลีแบร์สสีแดง รวมศูนย์ไว้ที่ความอ่อนยวบของจักรวาลเยลลี ด้านในโปร่ง มีปุ่ม revolution button และรูปเลนินบนพื้น ไม่ใช่เพดาน เซียมซีไม่มีในวิถีพุทธ แต่เขาประยุกต์โดยการใช้ลูกวัดและพระแต่ละรูปเขียนเจตจำนงเสรีไว้ในตะเกียบไม้ ญาติโยมสามารถเข้ามาเสี่ยงและถกเถียงได้ ในโบสถ์เมฆมีพื้นที่สำหรับวงเสวนา เสิร์ฟของว่างเป็นต้นอ่อนทานตะวัน ด้านนอกไม่มีบันไดเพราะไม่มีชนชั้น เป็นวัดที่ไม่มีรัฐ
ด้วยการนำเสนองานแบบกลวงโบ๋ คุยกับสิริ ปรึกษาไอรดา ฟังไอเดียบ้าๆ จากนารา เขาได้ยินเสียงปรบมือดังก้องจากพระที่มาประชุม
ในจีวรช็อคกิ้งพิงค์ สกรีนข้างหน้าด้วยฟ้อนท์เฮลเวทติกาว่า 'MONK'
จากนั้นจึงเป็นเรื่องของเวรกรรมที่ขจีไม่เคยเชื่อเลยว่ามันมีอยู่จริง จนกระทั่งเขาเห็นวัดที่พระเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้เป็นสัตว์ประจำตัว ใช้โฮเวอร์บอร์ดไปใส่บาตรและฝึกทำนองสรภัญญะในจังหวะอเมริกันฮิปฮอป
ฤทธิ์ยาดองยังไม่หมด เสียงสวดในทำนองของ 50 cent ยังแว่วมาจากทางกุฏิ บางทีซุ้มเต้าหู้ที่เจ้าของงานต้องลงทุนเอาขนมไปนั่งกินกับหมอก หรือโกดังของเล่นของยากูซ่าหน้าโหดอาจจะโหดร้ายน้อยกว่าสำหรับสถาปนิกทางเลือกแบบเขาก็ได้
"เฮ้ย ตาโหลจังวะ" นาราอยู่ในชุดเดรสรูปสุนัขจิ้งจอกเบิ่งตาค้างเมื่อเห็นเขากุมท้ายทอย ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในกระแส Fantastic mr.fox
"เดี๋ยวนี้พี้กัญชาหรอจีดี ชัดเจนเกินไประวังพระนครพิงค์จับได้นะ ฉันได้ข่าวมาว่าวัดนี้พระสูบกัญชาเป็นยาใจ" ขจีผินมองไปที่พระหนุ่มใกล้โบสถ์ กวาดลานวัดไปหัวเราะไปในสเกลเสียงที่เหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตเลด เซพเพลิน
"ตลก นครพิงค์อะไร เมื่อคืนพี่ชายมาหา เอาเหล้ามาให้ชิม"
"มีพี่ชายด้วยหรอจีดี"
"มี แต่ไม่สนิท"
"ไม่สนิทกะผีอะไรซัดเหล้ากันจนเมา แต่แปลกนะไม่มีกลิ่นเหล้าเลย" ขจีนวดระหว่างคิ้วด้วยนิ้วโป้ง ไม่ตอบ กัดเบเกลอีกคำ พร้อมฉายสายตาดุให้นาราเมื่อเธอทำท่าจะแย่งไปจากมือ
"เรื่องขนมเมื่อไหร่ สติครบถ้วนเลยจีดี"
"หิว เมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรมา ฉันแฮงค์ อย่ามาแย่ง"
"นี่มันเขตวัด มีจิตเป็นกุศลหน่อยดิ ฉันไม่ได้แย่งเว้ย แค่ขอแบ่งนิดๆ หน่อยๆ" นารากอดอก ฮึมฮำเพลงตามทำนองสรภัญญะ 50 cent พร้อมโยกคอไปด้วย
"วัดนี้มันส์ดีว่ะ สวดเป๊ะกว่า Yasiin Bey อีกมั้งเนี่ย แต่ In da club นี่โคตรเก่าเลยนะ เดี๋ยวนี้เขาต้อง Drake หรือไม่ก็ Silento ปะ คอนเซ็บชวลของจริง" ชายหนุ่มเดินวนไปรอบๆ โบสถ์เมฆ เก็บรายละเอียดงาน พระที่นาราบอกว่าเมากัญชามองหน้าเขาแล้วเต้นเบาๆ นาราไหว้และเต้นตาม วันนี้เดรสเธอสั้นเป็นพิเศษ
"เฮ้ย เดี๋ยวก็อาบัติหรอก"
"ไหว้แล้วไม่อาบัติหรอกจีดี เอ๊ะ หรือควรเรียกว่าจีวรดีวันนี้ จีเหมือนกันเลย"
"จีวร มายแอส ไหว้แล้วแปลว่าอาบัติไม่ได้หรือไง อยู่เฉยๆ เหอะ ชมพูสู้ไม่ได้ก็เงียบๆ ไว้" นาราในชุดจิ้งจอกหัวเราะเสียงแหลมพร้อมกับเขาที่อดหัวเราะไม่ได้เหมือนกัน ไซบีเรียนฮัสกี้เดินนวยนาดตัดหน้าไป 1 ตัว ใส่จีวรสีช็อกกิ้งพิงค์เหมือนพระไม่มีผิดเพี้ยน
"โย่วโยม ทำไมมองท่านด้วยสายตาแบบนั้น" พระรูปหนึ่งขี่โฮเวอร์บอร์ดมาจากที่ไหนสักแห่ง ฟ้อนต์ MONK เตะตาพร้อมสร้อย bling bling เขียนว่า Let's Pray ชี้แจงด้วยสีหน้าเรียบยุ่ง ขจีกับนารามองตากัน
"ไซบีเรียนที่เพิ่งผ่านไปนั่นหรอคะ"
"โยมเลดี้ พระในพุทธแบบที่โยมเข้าใจอาจยึดติดกับเครื่องแต่งกาย แต่บางท่านก็ไม่ได้ใส่เพราะไม่ยึดถือว่านั่นคือเครื่องบอกสถานะ เราล้วนมีตัวตนอย่างไม่มีตัวตน"พระพิงค์วนโฮเวอร์บอร์ดไปรอบๆ เพื่อสแกน
"นี่พวกโยมมาเสวนาเรื่องยอดไลค์ของวัดหรือ"
"ยอดไลค์ของวัด?"
"วัดเราได้รับความนิยมและเป็นกระแสมากในโซเชียล เมื่อวานนี้มีโยมเสี่ยงเซียมซีได้เจตจำนงเสรีของลูกวัดในหัวข้อยอดไลค์จะเป็นวาทกรรมหรือความเท่าทันกระแสเทคโนโลยี วันนี้เราจึงมีการเปิดเสวนาตอนบ่ายนี้ล่ะ"
"เปล่าหรอกครับหลวงพี่ พวกผมเป็นสถาปนิกออกแบบโบสถ์ของที่นี่ วันนี้ผมมาเก็บงานเท่านั้นเองฮะ"
"พวกโยมหมายความว่าอย่างไร" พระพิงค์มีสีหน้ากังวลใจและใคร่ครวญพวกเขาทั้งสองมากกว่าครั้งแรก
"อ๋อ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่สนใจเสวนานะคะหลวงพี่ เราแค่..."
"ไม่ใช่ เราหมายถึงว่าหมายความว่าอย่างไรที่เรียกเราว่าหลวงพี่" นาราตาโต คิดว่านี่อาจเป็นเจ้าอาวาสของวัดคอนเซ็บชวลที่เธอเผลอทำตัวตีสนิท
"เราไม่ใช่พระ เป็นเพียงผู้ดูแลพระเท่านั้น" เหวอหนักกว่าเดิม
"แล้วที่นี่ไม่มีพระหรอคะ"
"เราเพิ่งบอกไป ว่าเราเป็นผู้ดูแลพระ โยมเลดี้" 'ไหนวะพระ' ขจีได้ยินเสียงหญิงสาวพึมพำในลำคอไม่เบานัก
"พระที่ท่านว่า..."
"ก็เพิ่งเดินผ่านโยมแมนกับโยมเลดี้ไปเมื่อครู่ ที่โยมเรียกท่านว่าไซบีเรียนนั่นล่ะ"ขจีมองด้านหลังของไซบีเรียนที่เดินไปไกลลิบ เริ่มเข้าใจคอนเซ็บ
"แต่นั่นน่าจะเป็นสัตว์นะคะท่าน"
"เราต่างก็เป็นสัตว์ไม่ใช่หรือโยมเลดี้ จะประเสริฐรึไม่ก็ต้องถามใจตัวเองดู" พระพิ้งค์ยิ้ม จีวรเปล่งประกาย
"ดูเหมือนโยมจะยังไม่เข้าใจพระโดยแท้ เราขอแนะนำให้มาวันเสาร์หน้านะ ทางวัดมีจัดเสวนาเรื่องพระ หมา และกีต้าร์หนึ่งตัว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัว พระท่านนั้นเดินเร็วกว่าเรามาก เราจึงต้องใช้โฮเวอร์บอร์ด"
แล้วผู้ดูแลพระก็โฮเวอร์บอร์ดจากไป นาราถอนหายใจเซ็งๆ
ขจีกัดเบเกลคำสุดท้าย
ยีสต์ อยู่ที่ไหน ลงดอยมาอบขนมแล้วพูดจาไร้สาระใส่เดี๋ยวนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in