/มาร์ค-ลูคัส-จอห์นนี่-เตนล์-แทยง-ยูตะ
//มาร์ค-ลูคัส-จอห์นนี่-เท็น-ทอมมี่-ยูตะ
.
.
.
.
.
“โอ้ยมาร์ค! ทำไมอยู่ๆถึงหยุดเดินเนี่ย”
เท็นโวยวายอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆเขาก็หยุดเดินโดยไม่บอกไม่กล่าว แถมยังหันตัวกลับมาอย่างรวดเร็วจนเพื่อนตัวเล็กที่เดินตามมาหยุดไม่ทัน
แต่จะไม่ให้เขาหยุดได้ยังไง ในเมื่ออยู่ๆก็โดนคนวิ้งค์ใส่กลางโถงทางเดินแบบนี้
เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เขาโดนลูคัสจับได้แบบนี้....
ไม่สิ เอาจริงๆจะเรียกว่าถูกจับได้ก็ไม่ถูกนัก เขาไม่ได้แอบมองอีกฝ่ายเสียหน่อย มันแค่ว่าสายตาเขามันเคยชินกับการมองหาร่างสูงท่ามกลางผู้คน และกว่าจะรู้ตัว ตาของเขาก็สบเข้ากับนัยตาเข้มของลูคัสอีกเสียแล้ว
แถมหลังจากโดนไปทำโทษด้วยกันมา ลูคัสจะติดยิ้มและทำหน้าตาล้อเลียนใส่เขาหน้าตาเฉยเสียเหลือเกิน แม้เเต่เวลาที่อีกฝ่ายอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆนักกีฬาก็ตามที ลูคัสสามารถหันมาล้อเล่นใส่เขาก่อนที่จะเปลี่ยนหน้ากลับไปเป็นนักกีฬาหน้าตาไร้อารมณ์ภายในชั่วพริบตาที่ทอมมี่หันไปคุยด้วย
โคตรไม่แฟร์....และไม่ดีต่อหัวใจของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ทำไมกันนะ มาร์คใจเต้นตูมตามอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่เคยรู้สึกเข้าใกล้อีกฝ่ายมากเท่านี้มาก่อน ลูคัส ‘เห็น’เขา เห็นเขาแม้จะมีผู้คนมากมายอยู่รายล้อม ลูคัสจับได้(เอาล่ะ เขาให้ใช้คำว่า จับได้ ก็ได้)เวลาเขาหันไปมองอีกฝ่าย ลูคัสย้ายที่นั่งมานั่งข้างเขาในคลาสเลข ลูคัสที่อ้าปากหาวในคลาสประวัติศาสตร์หันมาเห็นเขาที่ทางเดินก่อนจะยักคิ้วให้ ลูคัสหันมาทำมือขอน้ำจากเขาตอนที่กำลังแข่งบาสในแมทคัดคนเข้าทีม ไหนจะเมื่อกี้ที่ลูคัสพึ่งจะวิ้งค์ใส่เขาหลังจากที่มาร์คโดนจับได้เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้อีก
นี่มัน...อะไรกันนะ
“ทำไมเดี๋ยวนี้นายชอบหยุดเดินไม่ก็ทำอะไรพึบพับตกอกตกใจแปลกๆอยู่เรื่อยเลย เห็นผีรึไง”
“เป็นผีก็คงดีน่ะสิเท็น”
มาร์คพึมพำตอบอย่างหมดแรง รายงานกับหนังสือกองโตถูกค้างไว้มาเกือบสิบนาทีเเล้ว หากเขาไม่มีแรงมากพอที่จะคิดเขียนอะไรลงไปต่อ
“ว้าวุ่นเรื่องอะไรอีกล่ะพ่อหนุ่ม”
เพื่อนตัวเล็กแซว เท็นนั่งเลือกรูปฟิล์มที่พึ่งได้มาจากจอห์นนี่พลางยิ้มไปกับตัวเอง มาร์คอดจะหมั่นไส้อีกฝ่ายไม่ได้ เท็นคงจะภูมิใจน่าดูที่แฟนของตัวเองเป็นทั้งกัปตันทีมบาสและช่างกล้องประจำตัว
อืม ยิ้มเข้าไป ยิ้มอีก อืมมม
“ทำมะ นายอิจฉารึไงมาร์ค”
“เปล่าเสียหน่อย แค่สงสัยว่าเมื่อไหร่ปากนายจะฉีกน่ะ ดูสิ อีกนิดปากของนายคงจะคืนรูปกลับมาไม่ได้ ฉีกยิ้มกว้างซะขนาดนั้น”
“ว่าแต่คนอื่นเหอะ ตัวเองก็ไม่เบาเท่าไหร่หรอกนะ”
“อะไร!”
“นายไม่เนียน มาร์คลี ปิดบังชั้นไม่ได้หรอก”
“อะไรของนายกันเล่า...”
มาร์คมุบมิบ ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเขียนหนังสือที่ห้อง เขาไม่มีสมาธิจะเขียนงานเอาเสียเลย
“นายรู้ไหม เวลาสมองตื้อๆแบบนี้ต้องทำอะไร”
“หือ ต้องทำอะไรเหรอ”
“ไปปาร์ตี้ไง...”
.
.
.
.
.
อีกอย่างที่มาร์คเกลียดสำหรับเมืองเล็กๆที่แสนน่าเบื่อแห่งนี้ ก็คือปาร์ตี้ที่บ้านของทอมมี่ ยามดึกในคืนวันเสาร์ วัยรุ่นทุกคนจะหลั่งไหลกันเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ไร้พ่อแม่ของนักกีฬาลาร์ครอส (Lacrosse) คนป๊อปของโรงเรียน
ถึงแม้เขากับทอมมี่จะอยู่ในความสัมพันธ์ที่...ออกจะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นัก หากเครดิตน้องชายสุดที่รักของจอห์นนี่กับเพื่อนสนิทของเท็นก็ทำให้มาร์คก้าวเข้ามาอยู่ในปาร์ตี้เเห่งนี้ได้
ก่อนที่จะโดนเพื่อนของตัวเองทิ้งวิ่งไปควงกล้ามแขนใหญ่ๆของพี่ชายบ้านตรงข้ามน่ะนะ...
มาร์คถอนหายใจขณะเลี่ยงออกมานั่งแช่เท้าอยู่ที่สระว่ายน้ำสุดอลังของเจ้าของบ้าน มีหนุ่มสาวเล่นน้ำอยู่ในบ่อเล็กน้อย กับเด็กผู้ชายอีกสองสามคนที่นอนเมาปลิ้นอยู่ที่สนามหญ้าใกล้ๆ เด็กส่วนใหญ่อัดกันอยู่ภายในบ้านที่ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงเพลง เขาทนอยู่ในที่แบบนั้นไม่ได้จริงๆ
ลมหนาวพัดโชย มาร์คนั่งมองดาวบนท้องฟ้าพลางดื่มพันช์ในแก้วไปพลาง
นี่ยูตะเอาอะไรผสมลงมาด้วยรึเปล่าเนี่ย เขากินไปหลายแก้วอยู่ก็จริง แต่พั้นช์ไม่น่าจะทำให้เขามึนได้ขนาดนี้นะ
“นายต้องทำแบบนี้ต่างหาก ข้อนี้เคยสอนไปแล้วไง นี่ไม่ได้ทบทวนเลยเหรอ”
ความทรงจำไหลกลับเข้ามา เย็นซักวันที่ผ่านมา เขานั่งสอนเลขลูคัสอยู่ที่มุมในสุดของห้องสมุดชุมชน ตอนนั้นเริ่มจะเย็นแล้ว และลูคัสก็ไม่มีทีท่าจะกระตือรือร้นกับบทเรียนเลยแม้แต่น้อย
“ยากออก ชั้นทำไม่ได้นายจะได้สอนอีกไง”
ว่าออกมานิ่งๆ แต่สามารถทำให้เขาชะงักไปได้นานทีเดียว ตอนนั้นลูคัสอยู่ในชุดที่สบายที่สุดหลังไปเปลี่ยนมาจากที่บ้าน ผมไม่ได้เซ็ต แต่ก็ดูดีมากทีเดียว
“ไม่ไหวล่ะ นายทำชั้นจะตายแล้วลี”
“อีกซักสองข้อนะลูคัส เนี่ย เดี๋ยวจะมีควิซแล้วนายจะได้ทำได้ไง”
“ก็ได้ แต่หลังจากที่นายให้ชั้นพักแล้วน่ะนะ”
“พัก—โอ๊ะ!”
มาร์คอุทานอย่างตกใจ ดีที่ตอนนั้นไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว เพราะอยู่ๆคนร่างสูงกลับคว้าแขนเขาไป ก่อนจะฟุบหน้านอนลงหนุนแขนเขาซะงั้น
แค่ได้มาอ่านหนังสือด้วยกันยังว่าน่าเหลือเชื่อเเล้ว แต่โดนแบบนี้เข้าไปใจเขาก็เหมือนจะระเบิดออกมาซะให้ได้เลย
แต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะลุก หลังจากที่เริ่มสนิทกันขึ้นมาก ลูคัสก็เหมือนหมาโกลเด้นตัวใหญ่ๆดีๆนี่เอง ถึงเขาจะยังไม่กล้าสบตากับเจ้าหมาตัวโตตัวนี้ซักทีก็เถอะ
บางทีก็ดูนิ่งจนไม่กล้าทักอะไร แต่อีกทีลูคัสก็ดูเป็นเด็กขี้แกล้งจนเขาตามไม่ทัน
มาร์คถอนหายใจ นึกอยากจะปลุกคนตัวโตให้เลิกทำให้เขาใจสั่นเสียที แต่จะว่าไป ผมสีเข้มนี่ก็ลูบเพลินอยู่เหมือนกัน...
ไหนจะสถิติที่ไม่โดนทอมมี่หรือยูตะรังควานอีก ทุกครั้งก่อนที่มาร์คจะไหวตัวหลบทัน ทอมมี่กับยูตะจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกของลูคัส หรืออะไรซักอย่างก่อนอยู่ดี เขาไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นหรอกนะ และถึงทอมมี่จะทำตัวดีขึ้นมากในช่วงหลัง แต่มาร์คก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าลูคัสเป็นเบื้องหลังของชีวิตที่ราบลื่นขึ้นของเขาในช่วงหลังมานี้
ลูคัส ลูคัส และก็ลูคัส เขาไม่เคยเอาอีกคนออกไปจากสายตาหรือความคิดได้เลยซักที
“นายเป็นหวัดได้เลยนะแบบนี้”
หรือแม้แต่ตอนนี้...
มาร์คสะดุ้ง คนในความคิดยืนพิงประตูบ้านมองเขามานานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ ลูคัสอยู่ในชุดลำลอง ผมที่เซ็ตปอยหลุดลงมาเล็กน้อย ดวงตาอีกฝ่ายดูเยิ้มและวาววับกว่าปกติยามที่มีแอลกอฮอร์ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายและตาเข้มสะท้อนกับแสงจันทร์
ฮอตและอันตราย...แต่จะเป็นแบบไหนก็ไม่เคยดีต่อหัวใจของเขาทั้งนั้นนั่นแหละ
“ไม่ชอบปาร์ตี้เหรอ”
“อื้อ คนเยอะ เสียงดัง”
“แต่คนที่พานายมาเต้นสนุกอยู่ข้างในเลยนะ”
ลูคัสย่อตัวลงข้างๆเขา มองไปตามพื้นน้ำในสระอย่างผ่อนคลาย ตาสีเข้มยังคงนิ่งมั่นคงเหมือนทุกครั้ง ยกเว้นแต่มันจะดูกรุ้มกริ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นน่ะนะ
“ไม่ยักรู้ว่านายมา”
“ครั้งแรกเลยนะ ที่นายไม่เห็นชั้นน่ะ”
ถึงจะพยายามมองหาแทบตายแล้วก็เถอะ ลูคัสคิดในหัว ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งแช่เท้ามานานแล้ว
เป็นครั้งแรกที่มาร์คหาเขาไม่เจอ แต่ก็คงว่าไม่ได้หรอก มืด คนเยอะ เสียงเพลงก็ดัง หาเขาที่ยืนอยู่บนบันไดในมุมบ้านเจอก็คงจะเก่งเกินคนไปหน่อย
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามองเห็นอีกฝ่ายท่ามกลางคนมากมายหรอกนะ....
เห็น...เห็นมาโดยตลอดนั่นแหละ เห็นก่อนที่คนตัวเล็กจะเห็นเขาอีก เห็น...ก่อนที่จะทำเป็นไม่เห็น ก่อนจะหันไปสบตานิ่งใส่ให้อีกคนตกใจเล่น หน้าเหวอๆนั่นน่ารักทีเดียวในความคิดเขา
กว่าจะหาเรื่องคุยกับอีกคนได้ เล่นเอาเขาเกือบเป็นบ้าไปเลยทีเดียว
“ระวังเด็กตื่น”
“เล่นตัวมากๆ ระวังโดนคนคาบไปก่อน”
จอห์นนี่เคยพูดเอาไว้ นั่นทำให้ใจเขาว้าวุ่นอยู่มากทีเดียว แต่ใบหน้าไร้อารมณ์ยังคงนิ่งได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไร
“ไม่มีทางเสียหรอก”
ใช่ ไม่มีทางเสียหรอก ยิ่งหลังจากที่พวกเขาใกล้กันมากกว่าที่เคยเป็นแบบนี้แล้ว ไม่มีทางเสียหรอกที่เขาจะปล่อยอีกคนไป
มาร์คออกมานั่งคนเดียวนานแล้ว คนตัวเล็กไม่ได้หลุดรอดสายตาเขาไปไหน แต่ครั้นจะให้ตามออกมาเลยก็คงจะไม่ดีนัก เห็นๆกันอยู่ว่าคุณครูสอนเลขของเขาต้องการเวลาส่วนตัว
แต่ออกมานั่งตากลมแบบนี้ กลัวจะกลับไปเป็นไข้เสียนี้สิ...
“ยูตะใส่อะไรลงไปในน้ำนี้นะ อร่อยเป็นบ้าเลย”
ให้ตาย...พันช์ปลอมๆของนากาโมโตะอีกแล้วสินะ
“มาร์ค เข้าไปข้างในกันเถอะ นั่งแบบนี้นายจะป่วยเอานะ”
แต่ความพยายามของลูคัสศูนย์เปล่า ตาเยิ้มๆกับรอยยิ้มที่ริมฝีปากเล็กๆนั้นเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างชัดเจน มือเล็กของมาร์คเริ่มยุกยิกไปมาที่หัวเข่าของเขา คนตัวเล็กนั่งเขี่ยด้ายที่ลุ่ยออกมาจากรอยขาดของเกงเกงยีนส์สีดำอย่างไม่รู้ตัวดีนัก
ขอล่ะมาร์ค อย่าทำให้ความอดทนที่อุตส่าห์สั่งสมมาหมดลงเพียงเพราะนายมาเล่นด้ายที่กางเกงของชั้นเลยนะ...
“มาร์ค—”
“นายน่ะใจร้ายชะมัด”
ลูคัสหันกลับไปมองอย่างตกใจ มาร์คเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนัก เด็กหนุ่มตัวเล็กวางแก้วเครื่องดื่มลงทันทีเมื่อรู้สึกแปลกๆ ยูตะผสมอะไรลงไปกันแน่เนี่ย
“ชั้นน่ะ กะจะไปจากเมืองนี้อยู่แล้วแท้ๆหลังเรียนจบ ทำไมนายต้องมาทำให้มันยากขึ้นด้วยนะ”
มาร์คมั่นใจว่าเขายังมีสติอยู่ในระดับนึง แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้พูดอะไรออกไปมากมายขนาดนี้
ลูคัสฟังเขาเงียบๆ คนร่างสูงล้มเลิกการพาเขากลับเข้าไปในบ้านแล้วนั่งลงแช่เท้าเป็นเพื่อนเขาแทน อีกฝ่ายพับกางเกงยีนส์ขึ้นมาได้ไม่พ้นน้ำนัก และมือของเขาเองก็เลิกเขี่ยไอ้ด้ายบ้าๆนี่ไม่ได้เสียด้วย
“ไม่อยากกลับมาเลยเหรอ ไอ้เมืองเล็กๆนี้เนี่ย”
“อื้อ ไม่อยากเลย”
“ทำไมล่ะ”
“ทุกคนดูเหมือนกันไปหมด เป็นแบบเดียวกันไปหมด ทำอะไรเหมือนกันไปหมด”
“งั้นนายก็ไม่น่าจะทำใจอะไรยากนี้”
“ก็นายน่ะ...ดันไม่เหมือนคนอื่นเขาเสียเลย”
“…”
ไม่เหมือนคนอื่น ไม่เคยเหมือน จนตอนนี้คนอื่นๆก็เริ่มจะไม่เหมือนกันไปด้วยอีก”
“งั้นก็ไม่ต้องไปสิ”
ลูคัสว่าก่อนจะรวบมือที่เขี่ยด้ายไปมาไม่หยุดของเขาไปกุมไว้ มือใหญ่ของอีกฝ่ายรวบมือเล็กๆของมาร์คไว้ราวกับมือผู้ใหญ่กับมือของเด็กเล็ก มาร์คเงยหน้าสบตาดวงตาสีเข้ม เหมือนพึงตื่นจากฝันเบลอๆ เมื่อกี้มาร์คเพ้ออะไรออกไปเสียตั้งมากมาย
ตาสบตา เช่นเคยที่มาร์คเป็นฝ่ายหลุบตาเบือนหน้าออกมาก่อน หากครั้งนี้ลูคัสไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น มือหนาอีกข้างเอื้อมมาประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้หันหนีไปไหน
ตาสบตา มากกว่าที่มาร์คจะรับไหว ไออุ่นจากร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้น เป็นอีกครั้งที่มาร์คไม่ได้คิดเรื่องความน่าเบื่อที่เขาอยากจะหลีกหนีของเมืองนี้ มีเพียงตาสีเข้มของอีกคนที่อยู่ในความคิดเท่านั้น
“ก็คงต้องไปอยู่ดี”
เป็นครั้งแรกที่ดวงตาสีเข้มของอีกฝ่ายฉายแววไหวหวั่นก่อนจะหลุบตาหลบไปจากเขา และก็เป็นครั้งแรก...ที่เป็นอีกฝ่ายเองที่ไม่ทันมองเห็นยิ้มน้อยๆที่ริมฝีปากของเขา
“แต่อาจจะไปด้วยกัน หรือไม่ชั้นก็กลับมาหานายเอง อ๊ะ--”
ไม่ทันจบประโยค มาร์ครู้สึกถึงแรงดึงอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับที่ริวฝีปากหนาของลูคัสสัมผัสลงมาอย่างแผ่วเบาทว่าหนักแน่น ใจเต้นรัวเร็วค่อยๆเต้นช้าลงไปพร้อมกับความมั่นคงที่อีกฝ่ายส่งผ่านมา มือหนาประคองใบหน้าให้เขารับสัมผัสมากขึ้น
ร่างสูงค่อยๆละเมียดสัมผัสไปอย่างนุ่มนวลจนคนตัวเล็กเคลิ้มตามไป ลูคัสผละออกมาเล็กน้อยก่อนค่อยๆสัมผัสไล่ลงไปตามปาก แก้ม จมูก หรือแม้กระทั่งจุดเล็กๆน่ารักตามใบหน้าของมาร์ค
ไม่หรอก เขาไม่ได้มีความคิดจะหนีไปไหนอะไรขนาดนั้นอีกแล้วล่ะ
แต่อนาคตก็รออยู่นอกเมืองเล็กๆแห่งนี้อีกเช่นกัน
แต่จะอะไรก็ตามที มาร์ครู้แค่ว่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก
เมืองเล็กๆแห่งนี้...ก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเท่าไหร่หรอกนะ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
pgm.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in