เมื่อสัปดาห์ก่อนมีน้องโทชวนไปอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ไอเราด้วยความที่อยากหายจากซึมเศร้าก้ตกปากรับคำน้องไปว่าจะไปด้วยนั่นแหละ
น้องมาเชียงใหม่ถึงเช้าวันพฤหัสจริงๆนัดกันว่าจะขึ้นดอยนี้วันเสาร์กัน แต่แพลนเปลี่ยนเพราะไปดูประเพณีท้องถิ่นที่เชียงดาว เต้นจะคึของมูเซอแดงก้เลยไปคืนวันศุกร์ เรานัดเจอน้องที่เชียงดาวแหละ แล้วก้เลยขึ้นฝางเลยไม่มีการแวะเที่ยวเดี๋ยวไปถึงเย็นไปถึงจริงๆก้เกือบบ่ายสามละ ให้น้องไปติดต่อ ขึ้นรถ 4Wd ขึ้นไป เหมารวมเป็นกรุ๊ปก้ 1800 แล้วแต่ว่าจะไปกี่คน สรุปไปนี่ก้ได้เพื่อนร่วมทางอีกสี่คน
นี่น้ำพุร้อน มีห้องออนเซนด้วย และก้เอาไข่มาลวกได้ด้วย ระหว่างรอ 4wd ขึ้นไปบนดอย ก้เดินเล่นแถวน้ำพุร้อนสักพัก ที่น้องชวนเพราะมันจะล่าอช. 55 เราก้อยากได้สมุดเหมือนกันเอาไว้ล่า จะได้หายจากโรคบ้าๆนี่ สักที เดินเล่นได้สักพัก รถก้มาละ อช.กับดอยอยู่คนละที่นะ ต้องขับรถย้อนกลับทางที่เรามา ใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงแน่ะ หนาวด้วยวันนั้น หนาวมาก อุณหภูมิข้างล่างที่อช. 14 องศาได้มั้ง
และลองคิดดูว่าบนยอดดอยจะเท่าไหร่กัน เลยต้องซื้อหมวก ซื้อผ้าพันคอที่อุทยานกันไป
นี่ทางขึ้น แรกๆ พักหลังๆ จะเป็นดินลูกรังและหมอกหนามากหนาวละอองหมอกกระเด็นใส่หน้าไปอีก ผมเปียกหมด
หมอกเริ่มหนาว เราว่าเราจัดเต็มพอละนะ ยังเอาไม่อยู่ บรรยากาศดีมาก เราไปช่วงวันที่หนาวพอดีเลยมีแต่หมอก แล้วก้หนาวมากจนต้องผิงไฟ
พอไปถึงสภาพนี้ ผิงไฟกันเถอะ จริงๆดอยห่มปกนี่ต้องไม่มีหมอกนะ อาหารมื้อเย็นวันนั้นเป็นหมูจุ่ม กินกับเพื่อนร่วมทางที่มารถคันเดียวกัน พี่อุ้ย พี่ยุ้ย พี่มด พี่มิน หนึ่งในสมาชิกแก๊งนี้เป็นผู้ป่วยซึมเศร้าเหมือนกัน เฮ้อ โล่งอก มีคนเป็นเหมือนกัน พี่เขาเก่งนะคุยกับคนอื่นได้ สภาวะตอนนั้นเราดิ่งเราหนาวเราไม่อยากรู้จักใคร
ช่วงตีสาม พวกเราทั้งห้าคนต้องตื่นและเดินขึ้นไปบนยอดดอย มีเรา บอม(น้องที่ชวนเรา) พี่อุ้ย พี่มด พี่มิน
เราเริ่มเดินไป สำหรับเรานะ เดินได้นิดนึงคือเหนื่อยแต่ใจเราพร้อมมากอะ พี่สามคนก้ให้กำลังใจเรา เราเดินไปห้านาทีเราก้เหนื่อยแล้ว แถมขาสั่นอีกหรืออาจเป็นเพราะเราไม่ได้กินยาเลยกลายเป็นตัวภาระ พี่ๆเขาก้ช่วยพยุงเรา อยากเดินให้ไปถึงยอดด้วยกัน ตอนนั้นเราไม่ไหวจริงๆเรารู้สึกว่าเราเป็นภาระ เดินไปอีกพักเราจะอ้วก เลยบอกทุกคนว่าเราไม่ไหวอยากกลับเหมือนเป็นตัวถ่วงเลยเนาะ สรุปแล้วน้องก้ไปส่งเราที่เตนท์ แล้วนางก้เดินไปคนเดียว แต่สักพักน้องก้กลับมา เพราะน้องเดินคนเดียว แต่พี่สามคนเขาเดินถึงยอดเลย เรารู้สึกผิดกับน้องอยู่บ้างนะ ที่ไม่ได้เดินขึ้นไปเป็นเพื่อนน้อง ไว้รอบหน้าละกันเนาะเดี๋ยวจะไปเดินขึ้นไปรอบหน้า รอบหน้าจะมาหน้าร้อนจะเดินขึ้นไปข้างบนให้ได้
ขากลับ กรุ๊ปเดิมลงจากดอยมาสักสิบโมงได้มั้งทรมานกับความหนาวมาก ตอนขาไปนั่งหลังรถกันหกคนเลยบนนึกสภาพรถขนแรงงานพม่า ขากลับนั่งหลังสาม พี่มด พี่มิน บอม ก้เป็นสภาพที่เห็น
ลงถึงอช.ก้เกือบ 11โมง ร่ำลาพี่เขาเสร็จเรากับน้องก้ออกจากอช.ไปตามล่าที่อื่น ผ่านอุทยานแห่งชาติผาแดง ถ้ามาจากเชียงดาวจะเปนทางผ่านขึ้นดอยอ่างขางระหว่างทาง จอดถ่ายรูปกับดอกซากุระ บอกเลยว่าเราตื่นเต้นมาก บอกเลยว่ารู้สึกดี แต่ไม่สนุกอะ งงมั้ย ไม่ต้องงงหรอก เราเข้าใจคนเดียวพอ
นี่ซากุระข้างทางระหว่างผาแดง ผ่านไปอำเภอเชียงดาว โลเคชั่นสวยมากบอกเลย มีหลายไม่ได้เรียงกันสวยดี ถ่ายรูปเสร็จสรรพ เป็นนางเอกเอมวีแปบนึง ก้ขับรถต่อไปที่น้ำตกศรีสังวาลย์อยู่ในเขตอช.ไรสักอย่างนี่แหละจริงๆวันนั้นเป็นวันเด็กพวกเราเลยเข้าฟรี อิ๊ น้องก้เข้าไปปั้มตาอีก 555 เห็นแล้วอยากได้ พาสปอร์ตอุทยานบ้าง ถ้าได้แล้วคงต้องล่าแทบทุกจังหวัด หายซึมเศร้าแน่เราว่า 5555
นี่ชั้นสองต้องเดินลงมาอีก สวยดีนะ นั่นก้เท้าเราเอง 55 แล้วที่สุดท้ายที่ไปก้อุทยานแห่งชาติเขื่อนแม่งัดมั้ง ไม่สวยอะที่นั่น ไปปั้มตราอช.ละก้กลับเข้าเมือง
กินข้าวกันตรงสตรีทฟู้ดก้แยกกัน
เราขับรถกลับบ้านวันอาทิตย์ ระหว่างทางกลับบ้านย่าเป็นเขาทั้งนั้น แถมยังเจอแต่ซากุระข้างทางสวยดีตื่นเต้นที่ได้เห็น
ภาพนี้บนดอยระหว่างทางกลับบ้าน
อันนี้ที่บ้านแม่แจ๋ม
เอาเป็นว่าทริปหน้าพี่จะไม่อ่อนแอแบบนี้
เอาเป็นว่าขอโทษที่ทำตัวเป็นภาระ แถมยังรู้สึกผิดอีก รอบหน้ามาใหม่เนาะ รอบหน้าพร้อมแน่นอน ขอโทษอะ 555
เดี๋ยวยังมีทริปหน้าอีกหมอนัดเราวันจันทร์นี้อีก งื้อ
ต้องบอกหมอด้วยนะสินะว่าเดินขึ้นเขาไม่ไหว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ทิ้งท้ายด้วยดอกบ๊วยที่บ้านแม่แจ๋ม
ซากุระในดงดอกบ๊วย
ความเป็นภาระคนอื่น
ความรู้สึกผิดต่อน้อง
ความรู้สึกดีแต่ไม่ได้สนุก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in