คุณรู้จักจุดเปลี่ยนมั้ย?
เราๆ อาจจะรู้จักความหมายของจุดเปลี่ยน (turning point) ว่าเป็นจุดพลิกผันของชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ช่วงใดๆ ก็ตาม เช่น จากวัยทารก สู่วัยเด็ก จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น จากวัยรุ่นสู่วัยทำงาน และจากวัยทำงานสู่วัยเกษียญ
แต่ละจุดเปลี่ยนของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามแต่สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดูอบรม ปัญหา ประสบการณ์ เหตุการณ์ และอะไรๆ อีกหลายๆ อย่างที่เข้ามาในชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หล่อหลอมให้เราเป็นตัวเราอยู่ ณ ปัจจุบัน
ถ้าลองนั่งนึกดูดีๆ บางเหตุการณ์ที่ทำให้เราเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ อาจจะเป็นเหตุการณ์เล็กๆ หลายๆ เหตการณ์ สะสมเอาไว้ จนมันทำให้เราเปลี่ยนจากคนหนึ่ง สู่อีกคนหนึ่งเลยก็เป็นได้
เราเคยเป็นคนหนึ่งที่ขี้เกียจมากกกกกกกกกกๆๆๆๆๆ แต่จริงๆ ก่อนที่จะมาขี้เกียจ และไม่ตั้งใจเรียนเนี่ย เราได้คะแนนสูงตลอดเลยนะ ตั้งแต่ ป.1- 3 เราได้ไม่เกินที่ 5 ของห้องเลย ถูกหลอกล่อด้วยเงินรางวัลจากทางโรงเรียนนี่แหละ 555 แต่ที่กลายมาเป็นคนขี้เกียจ ไม่ยอมทำการบ้าน และไม่ตั้งใจเรียนเลย ก็เพราะว่า ช่วงป.4 เราเป็นโรคประจำตัว ซึ่งแม่จะต้องมารับไปหาหมอที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ตอนเที่ยง โรงเรียนอยู่บางกะปิ โรงพยาบาลอยู่สีลม เดินทางตอนนั้นสะดวกสุดก็ทางเรือ หมอนัดตรวจ 2 โมงวันพฤหัส เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อทำการตรวจเลือดวัดผล การเลิกเรียนครึ่งวันเร็วกว่าเพื่อน มันก็เป็นเรื่องดีแหละ จะได้ไม่ต้องเรียนตอนบ่ายๆ หลังจากกินข้าวอิ่ม ง่วงก็ง่วง แต่จริงๆ แล้วการออกไปข้างนอกโรงเรียน ช่วงบ่าย ไปเจอมลพิษ เดินทาง 2 ชั่วโมง เข้าไปในตัวเมือง ของเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเรียนนั้น มันไม่น่าภิรมณ์เอาเสียเลย แถมกลับมาเรียนวันรุ่งขึ้น ก็ยังเรียนตามเพื่อนๆ ไม่ทันอีก นานๆ เข้า เราก็เริ่มไม่เข้าใจที่ครูสอน ไม่รู้วิธีคำนวณ ทำการบ้านไม่ได้ ตามเพื่อนไม่ทัน การเรียนก็เลยตกลงไปเรื่อยๆ พอการเรียนตก ก็ทำให้ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำการบ้าน ก็เลยกลายเป็นเด็กเกเรไปโดยปริยาย
เราใช้ชีวิตเป็นเด็กขี้เกียจแบบนี้ ตั้งแต่ป.4 จนถึง ป.6 เรียนเลขไม่รู้เรื่องเลย การบ้านภาษาจีนก็ไม่ทำ โดนครูทำโทษทุกวัน จนกระทั่งเข้าม.1 ต้องเข้าโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน แต่ดันจับฉลากไม่ได้ เลยต้องสอบเข้าแทน ตอนนั้นแค่ความกลัวว่าจะไม่ได้เข้าโรงเรียนเดียวกันกับพี่สาว และอาจจะต้องไปเข้าเรียนที่โรงเรียนที่ไกลบ้าน อีกทั้งพ่อจะต้องหาเงินมาสนับสนุนโรงเรียนอีก มันเลยทำให้เราเปลี่ยนตัวเอง โดยการตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ ไม่เข้าใจก็อ่านมันอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะเข้าใจ จนกระทั่งสอบติด ได้เข้าไปอยู่ในโรงเรียนเดียวกันกับพี่สาว พอเข้าเรียน สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป โรงเรียนก็เปลี่ยน เพื่อนก็เปลี่ยน เราเลยคิดอยากที่จะตั้งใจเรียนอีกสักครั้ง
ในชั้นม.ต้นนั้น ถึงแม้ว่าเราจะเรียนเลขได้เกรดต่ำ แต่ในวิชาอื่นๆ นั้น เราก็สู้ไม่ถอย จนกระทั่ง จุดเปลี่ยนอีกครั้งช่วงเข้าม.ปลาย เพราะว่าเลขที่เรียนยังไงก็ไม่เข้าหัวอยู่ดี เราเลยเลือกเรียนสายวิทย์ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ความฝันตั้งแต่เด็กของเรานั้น คืออยากเป็นหมอ แต่ด้วยความที่ไม่เคยตั้งเป้าหมายเลย เรียนไปวันๆ เพิ่งมารู้ตัวอีกทีว่าควรมีเป้าหมาย มันก็ไม่ทันการซะแล้ว เราเลยเปลี่ยนสายมาเป็นสายศิลป์ภาษาแทน ซึ่งแน่นอนว่าเราเลือกภาษาเดิมที่คุ้นเคย ภาษาจีนนั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in