เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
In my opinionBeaunt
นั่งรถทัวร์....ก็สนุกดี
  • เราเป็นคนที่เดินทางบ่อยค่ะ เพราะว่าทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่เนื่องจากว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียวกอรปกับ ทำงานจันทร์-ศุกร์ หยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็เลยมีเวลา ได้เดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ค่อนข้างบ่อยพอสมควร บางทีบ่อยจนเพื่อนๆ ก็บ่นว่ากลับบ้านบ่อยเหมือนทำงานอยู่แถบปริมณฑลเท่านั้นเอง

    เนื่องจากชอบกลับบ้านบ่อยๆ เราก็เลยศึกษาว่าทางกลับบ้านแบบไหนที่เร็ว และคุ้มค่าที่สุด ทั้งเครื่องบิน รถไฟ และรถบัสประจำทาง หรือรถทัวร์นั่นเอง เหลืออย่างเดียวคือยังไม่เคยโบกรถแบบในหนังเค้าทำกันนั่นแหละ (อันนี้กลัว 555) การเดินทางในแต่ละรูปแบบ มันก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป

    การนั่งเครื่องบิน เรียกได้ว่านั่งทุกสายการบินที่มีบินจากที่อุดรกลับกรุงเทพฯ แล้ว ลงสุวรรณภูมิบ้าง ลงดอนเมืองบ้าง ก็แตกต่างกันออกไป ก็สะดวก และถึงบ้านเร็วดี ได้นอนที่บ้านมากกว่าไปแบบอื่น เพราะว่าใช้เวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น 

    การเดินทางโดยรถไฟ อันนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างสบาย แต่ก็ไม่ได้ถึงบ้านไวเหมือนเครื่องบิน แต่แบบนอนไปเนี่ย มันสบายกว่านั่งเยอะ ไม่ต้องทนกับอาการปวดหูตอนเครื่องลดระดับการบินด้วย เจ้าหน้าที่รถไฟก็อำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี เพราะเคยมีตอนขากลับจากกรุงเทพฯ ปลายทางหนองคาย เราดันขึ้นสถานีผิด แล้วก็ดันไปผิดเวลาอีกด้วย เจ้าหน้าที่ประสานงานช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี จนได้ขึ้นรถไฟและไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย (ประทับใจมาก หนูสัญญาว่าจะไม่ขึ้นผิดสถานีอีกค่ะ)

    มาถึงการนั่งรถประจำทาง หรือรถทัวร์นี่สิ ทำให้เราได้รับประสบการณ์หลากหลายเลยทีเดียว จะขอเล่าสักเรื่องเพื่อความบันเทิง อย่างน้อยก็ของตัวเองละกัน

    เมื่อ 2 เดือนที่แล้วเราต้องกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปหาหมอฟันตอน 11 โมงเช้าโดยปกติรถประจำทางบริษัทที่เรานั่งประจำจะจอดเพื่อเติมน้ำมันที่สถานีขอนแก่นราวๆ ครึ่งชั่วโมง แล้ววิ่งต่อไปจนถึงกรุงเทพฯ วันนั้นก็เช่นกัน แต่ราวๆ ตี 2 กว่า เราก็ตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ารถกำลังจอดอยู่ไม่ขยับ รถที่เรานั่งเป็นรถปรับอากาศ 2 ชั้น ซึ่งเราเลือกนั่งข้างล่างตั้งแต่มีข่าวประสบอุบัติเหตุเยอะตอนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เราได้ยินเสียงประตูรถด้านหน้าตรงคนขับเปิดและปิด มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าเป็นด่านตำรวจ กำลังตรวจค้นรถต่างๆ ที่ถูกเรียกจอดข้างทาง อย่างขมักเขม้น พลันเห็นคนขับเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรงโต๊ะที่ทางตำรวจตั้งไว้อยู่ข้างทาง ในใจคิดว่าคงเรียกไปสอบถามอะไรบางอย่างตามปกติ เลยหลับต่อ สักประเดี๋ยวก็ตื่นขึ้น เราเผลอหลับไปได้ ครึ่งชั่วโมง ก็เอะใจว่าทำไมตำรวจเรียกไปสอบถามนานจัง เปิดม่านมองออกไปนอกหน้าต่างอีกรอบก็เห็นคนขับนั่งกุมขมับอยู่กับพื้น เริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา เพราะว่านี่มันนานกว่าปกติ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็เหมือนว่าจะรับรู้ความผิดปกตินี้เช่นกัน แต่เนื่องจากออกจากรถไม่ได้ เลยได้แต่นั่งรอกันอยู่บนรถ ผู้โดยสารชายคนหนึ่งที่นั่งชั้นบน ลงมาชั้นล่างเพื่อมาหาคนขับและสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งประตูคนขับอยู่ด้านหน้าของเรา เค้าเปิดประตูออกไปด้านห้องคนขับแล้วไม่เจอใคร หันหลังกลับมาเจอเราที่กำลังลืมตาอยู่ แล้วเค้าก็ถามเราว่า “น้องรู้เปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น จอดนานแล้วนะเนี่ย?” เราก็เลยตอบเค้าไปตามที่เราเห็นว่า “เมื่อกี้เห็นคนขับเดินตามตำรวจออกไปที่ด่านค่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปไหนแล้ว” เพราะมองออกไปที่ด่านก็เห็นแต่กลุ่มตำรวจไม่เห็นคนขับที่เมื่อกี้นั่งกุมขมับอยู่กับพื้นอีกแล้ว รวมระยะเวลาตั้งแต่ที่เราเห็นคนขับเดินออกจากรถไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จนตำรวจทะยอยเก็บเครื่องกีดขวางที่ตั้งไว้เพื่อกันรถให้มีช่องทางเดินแค่ 1 เลน จนตอนนี้ถนนโล่ง (อ้อ....ลืมบอกไปว่า รถทัวร์คันที่เรานั่งจอดอยู่เลนขวาสุดของถนน) หลังจากที่ตำรวจย้ายเครื่องกีดขวางทั้งหมดออกไปจากถนนแล้ว สักพักรถที่เรานั่งก็ขยับอีกครั้ง โล่งใจเลยค่ะ เพราะว่าจะได้กลับกรุงเทพฯ ทันเวลาที่หมอนัด

    รถทัวร์เคลื่อนตัวไปได้ราว 300 เมตร ก็เลี้ยวมาจอดฝั่งซ้ายของถนน แล้วก็หยุดอีก คราวนี้เราเริ่มอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ในรถก็ตื่นกันหมดแล้ว เนื่องจากแต่ละคนก็ต่างอยากจะถึงที่หมายให้ตรงเวลากันทั้งนั้น เรามองไปที่ประตูฉุกเฉินกะว่า ยังไงก็ต้องออกไปถามให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเมื่อไหร่ถึงจะออกเดินทางต่อได้ เรารุดตัวพุ่งไปที่ประตูฉุกเฉินและเปิดมันออกทันที (อ่าว...มันเปิดง่ายขนาดนี้เลยเหรอฟระ) พอออกพ้นตัวรถออกไปได้ ก็เดินดุ่มๆ ไปยังกลุ่มตำรวจที่ตอนนี้เก็บของกันจนเกือบหมดแล้ว เตรียมตัวจะเคลื่อนย้าย เราเดินไปถามคุณตำรวจว่า ขอโทษค่ะ รถทัวร์เป็นอะไรหรือคะ ทำไมจอดนานแล้วยังไม่ไปสักที คุณตำรวจก็ชี้แจงว่า คนขับที่ขับมามีสภาพร่างกายไม่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ตอนนี้ส่งไปโรงพยาบาลแล้ว เราก็ตกใจก็เห็นเดินลงจากรถดีๆ นี่นา เลยถามกลับไปว่าเสพยาเหรอคะ ตำรวจทำท่าพยักเพยิด แล้วก็บอกว่า แต่ว่าเมื่อกี้ทางบริษัทก็ส่งคนขับใหม่มาแล้วนี่ครับ (ในใจสรุปได้เลยว่า ที่รอนนานเพราะว่ารอคนขับใหม่มาเปลี่ยนนี่เอง) เลยบอกไปว่า ก็เห็นขยับนิดเดียวแล้วก็จอดอีก เนี่ยคนในรถก็แตกตื่น แล้วงงว่าหยุดรถเป็นชั่วโมงทำไม เพราะว่าแต่ละคนก็มีธุระต้องรีบไปเหมือนกัน คุณตำรวจบอกว่าสักพักก็น่าจะออกได้แล้วแหละครับ เพราะว่าคนขับรถมาแล้ว ไม่ทันขาดคำคุณตำรวจ เราหันไปมองรถทัวร์ที่เราลงมา ซึ่งตอนนี้มันเคลื่อนหนีเราออกไปแล้ว เราตกใจร้องเรียกคุณตำรวจ "คุณตำรวจคะ ช่วยขับตามรถไปให้หน่อยได้มั้ยคะ รถออกไปแล้ว แล้วของทุกอย่างของหนูก็อยู่บนรถหมดเลย" นายตำรวจชั้นสูงออกคำสั่งให้พลขับขับรถพาเราไปยังรถทัวร์ที่ตอนนี้ขยับห่างออกไปเรื่อยๆ พลขับหันมาถามเราว่า แล้วลงมาทำไม!!! (นึกอยู่ในใจ แล้วถ้าเป็นพี่จะลงมามั้ยล่ะ รถจอดอยู่ชั่วโมงกว่าไม่ขยับ แถมไม่มีใครบอกด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น) แต่เราก้ตอบออกไปว่า "ออ ลงมาถามแทนคนบนรถทุกคนค่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" พลขับเปิดไฟใส่รถทัวร์ให้จอด และส่งเราขึ้นรถโดยสวัสดิภาพ...

    มาคิดดูแล้วก็ตลกดีเหมือนกันเนอะ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ที่ทำให้คืนนั้นได้นั่งรถตำรวจ ที่ตามรถทัวร์เหมือนในหนังเลยทีเดียว อ้อ..สรุปว่า ไปหาหมอทันนะคะ แต่ว่าไม่ได้อาบน้ำ ไปทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าทั้งหมดที่เอามา ลงจากรถทัวร์ที่หมอชิตก็ตรงดิ่งไปโรงพยาบาลเลยคร้าาา 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in