3 สิงหาคม
วันนี้ตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถบัสรอบ6.20ไปยังGeneva Aeroportค่ะ เราจะมุ่งหน้าสู่อาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่ ต้นกำเนิดอารยธรรมโบราณกัน!
ที่จริงมิ่งเองก็เคยไปอิตาลี่มาก่อนแล้วค่ะ เมื่อปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเที่ยวตอนเหนือ พวกเทือกเขาDolomite Venice Verona อะไรพวกนี้ ลงมาไม่ถึงFlorenceด้วยซ้ำ โรมก็อย่าพูดถึงน่าจะเป็นเพราะว่าแม่ไม่ชอบดูพวกสถาปัตยกรรมอะไรเท่าไหร่เลยไม่ยอมจัดมาให้ด้วย555 แต่มิ่งชอบมากนะ ถ้าเป็นของพวกสถาปัตยกรรมโรมันอะไรพวกนี้
ไม่เป็นไร ไม่ได้จัด มิ่งไปเองก็ได้
พึ่งเคยมาสนามบินเจนีวาขาออกเป็นครั้งแรก พบว่ามันเล็กสุดๆไปเลยค่ะ แบบว่าเดินนิดเดียวก็ถึงนู้นนี่นั้นแล้ว ก็สะดวกดี
เราจะบินไปด้วยEasyjetค่ะ ซื้อตั๋วมาไปในราคาไปกลับ200Pounds ก็ประมาณเที่ยวละ3500บาท อาจจะไม่ได้ถูกมากแต่ในเมื่ออยากไปก็ต้องไปให้คุ้มค่ะ เราอาจจะไม่ได้มาเที่ยวอิตาลี่อีกแล้วก็ได้ //เพราะเอาจริงๆอิตาลี่ถ้าได้ไปเวนิซกะโรมก็หมดCheck listของมิ่งแล้ว
เราจองตั๋วผ่านเว็บ ได้Boarding passมาตั้งแต่ตอนนั้นก็เข้าGateขึ้นเครื่องได้ฉลุยๆค่ะ ไม่มีตรวจPassportด้วย(อันนี้งงมาก555 แต่ยังไงตอนถึงที่พักก็ต้องใช้อยู่ดี) ใช้เวลาบินเพียงชั่วโมงครึ่งก็ถึงค่ะ รวดเร็วทันใจมาก
ตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งรถบัสเข้าเมือง ใชเวลา1ชม. แต่เอาจริงๆ ด้วยความที่ใจร้อน เลยนั่งรถไฟสายLeonardo expressซึ่งใช้เวลาเพียงครึ่งชม.และออกถี่มากเข้าไปจนได้ ราคา14Euroแต่แลกกับความสะดวกสบายทันใจและประหยัดเวลาไม่ต้องมากลัวรถติด จ่ายไปเถอะค่ะ
ก่อนจะขึ้นรถใต้ดินต้องเตือนกันก่อนซักนิด
จะบอกว่าที่นี่โจรชุมมากค่ะ ถ้าเสิร์ชหาไปตามยูทูปก็จะเห๋ช็นคลิปแชร์ประสบการณ์โดนล้วงกันมากมาย เมื่อทริปที่แล้ว1ในกลุ่มเที่ยวของมิ่งก็โดนล้วงที่รถไฟมิลานเหมือนกัน ก่อนไปก็ซ่อนเงินสดใหญ่เลยค่ะ แนบใส่แฟ้มบ้าง ใส่กระเป๋าใส่แว่น ใส่ซองใบขับขี่ คือซ่อนไว้ทั่วตัวอ่ะ จนแทบจะลืมว่าซ่อนไว้ไหนอยู่ละ
บัตรเดบิตก็เอาไว้ในเคสโทรศัพท์ที่ถือติดมือตลอดเพราะใช้ดูMapหลุดมือเมื่อไหร่ก็หลุดเส้นทางกลับบ้านด้วยนะคะ ไปต่อไม่ถูกแน่ๆ เครื่องแต่งกายก็มาแบบติดดินมากๆแบบเสื้อยืดสีทึบกับกางเกงยีน จนขโมยไม่น่าจะสนใจเท่าคนแต่งสีฉูดฉาดจัดเต็มมา //เป็นไง คิดเยอะมะ
กระเป๋าตังค์น่ะมันมีไว้สำหรับTrapโจรเท่านั้นล่ะ ล้วงไปก็จะไม่ได้อะไรนอกจากแผ่นกระดาษส่วนลดค่าอาหารที่CERN ...ว่างก็แวะไปกินได้นะคะ
เมื่อมาถึงRoma terminiอันเป็นสถานีรถไฟหลักของโรม เราก็นั่งรถใต้ดินสายBมุ่งหน้าไปทางLaurentinaไปลงสถานีColosseoค่ะ ใต้ดินที่นี่มีเครื่องตรวจตั๋วนะคะ เนียนไม่ได้ ถถถถ
ไปถึงColosseum สำหรับใครที่ซื้อตั๋วออนไลน์มาให้ไปเอาตั๋วที่แถวทางเข้าRoma Forumที่เขียนว่าReservationนะคะ ไม่ใช่ที่Tourist infopoint มิ่งซื้อแบบแพคคู่ตั๋วColloseum /Roman Forum/ 48hr.Roma passสำหรับขึ้นLocal transportationทั้งรถบัสรถไฟ แล้วก็มีรวมตั๋วจองรอบเข้าColosseumด้วยค่ะ จองไว้ตอน13.35น. เข้าได้ก่อน10นาที ใครที่ยังไม่ได้ซื้อตั๋วหรือไม่ได้จองมาก็ต่อแถวยาวๆไปนะคะ ร้อนนนนนนนจัดเลยค่ะ ชวนให้หิวน้ำเย็นยิ่งนัก
“วอเตรอๆ”
เสียงขายน้ำของชายฉกรรจ์ชาวอินเดียลอยเข้าหูมา
เดินไปอีกนิด ก็มาอีกละ
“วอเตรอๆ”
เสียงเหมือนยุงอ่ะค่ะ รำคาญแต่ก็ตบไม่ได้5555
ไม่รู้ว่าจะมาฉกชิงขโมยอะไรจากเรารึเปล่า รีบเดินหนีค่ะ
เราจะต้องใจแข็งไว้ เรามีน้ำในขวดของเราเองโว้ย ถึงจะไม่เย็นก็เถอะ!
และในที่สุด ...ในที่สุดเราก็จะได้เหยียบย่างเข้าไปใน1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้ววว
ใหญ่มากกกก ทึ่งสุดๆที่คนสมัยนั้นสามารถสร้างสิ่งที่ใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมาได้
คิดไปได้ยังไงเกมส์การแข่งขันGladiatorอันโหดร้าย และเป็นดั่งPropagandaตั้งแต่สมัยเก่าแก่ปานนั้น
ข้างๆกันนั้นมีประตูชัยคอนแสตนตินที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือมาเซนเทียส
เข้าไปด้านในก็จะสามารถเห็น ชั้นล่างที่เป็นคุกกักตัวสัตว์ป่า นักโทษและGladiator บ้างก็ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด บ้างก็ต่อสู้เพื่อชื่อเสียงเงินทอง เป็นความแตกต่างที่น่าขันดีนะคะ จะว่าไปก็นึกถึงOne pieceภาคเดรสโรซ่าเลย งุ้ยๆ
ที่นี่ยังเป็นจุดกำเนิดของการกล่าวเรียกอาคารลักษณะนี้ว่า -อารีน่า- ด้วยค่ะ มาจากภาษาละติน//แอบฟังไกด์คนอื่นพูด ถถถถ
แต่ละชั้นที่นั่งก็จะบ่งบอกชนชั้นของผู้ชมได้ พวกราชวงศ์จะนั่งอยู่ตรงชั้น1ที่คล้ายปะรำพิธี ส่วนคนธรรมดาสามัญจะนั่งอยู่ชั้นบนๆ
และอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเที่ยวโรมนะคะ ...ขวดน้ำค่ะ...
น้ำดื่ม เอาไปเยอะๆเลย เพราะคอแห้งง่ายมาก ด้วยอากาศที่ร้อนปานนี้ ถ้าไม่ได้น้ำช่วยไว้ต้องเป็นลมแดดชัวร์ ไม่งั้นก็จะเจอแขกขายน้ำ “วอเตรอๆ”อย่างที่เห็นเดินกันว่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวกรุงโรมนี่แหละค่ะ
อีกอย่างคือ อย่าลืมทายากันแดดด้วยนะะ แดดมันแรงจริงจัง ยิ่งมาหน้าร้อนด้วยแล้วเนี่ย...
ชั้นสองมีจัดแสดงนิทรรศการครบรอบโคลอสเซียมอยู่ เลยขึ้นไปดูค่ะ อ่านเกร็ดความรู้เพลินมากเลย ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมหลายๆอย่างจริงๆ
ออ ใครไปที่นี่ให้เริ่มเดินทัวร์จากชั้น2ก่อนนะ เพราะชั้น1จะเป็นชั้นเดียวกับทางออก ถ้าเดินไปเดี๋ยวมันจะอ้อมไปอ้อมมา
วิวจากชั้น2 จะเห็นทั้งประตูชัยและRoman forumเลย
ข้างในมีน้ำให้เติมอยู่ ใครน้ำหมดก็เข้าไปเติมกันในนั้นได้
เดินไปซักชม.นึงก็ออกมาค่ะ
ต่อกันที่Roman Forumที่อยู่ตรงข้ามกัน ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของPalentine hillที่เชื่อกันว่า เป็นจุดกำเนิดของอาณาจักรโรมัน หรือ"The first nucleus of the Roman Empire"ที่เริ่มต้นมาจากสองพี่น้อง โรมูลัสและรีมุสได้ถูกพบและเลี้ยงไว้โดยshe-wolf กระทั่งเติบใหญ่จนสามารถสร้างCommunityขึ้นมาอยู่อาศัยกันแถวๆนี้ค่ะ บริเวณนี้จะประกอบด้วยสถานที่สำคัญๆสมัยก่อนมากมาย ทั้งวิหารศักการะที่สร้างโดยกษัตริย์AugustusกับCeasarผู้เก่งกาจเลื่องชื่อในสมัยก่อน ไปจนถึงหลุมศพของจูเลียส ซีซาร์เอง
จินตนาการดูสิคะว่าสมัยก่อนจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน เหลือแต่ซากยังอลังได้ขนาดนี้ ตอนเดินอยู่ราวกับหลุดเข้าไปในเทพนิยายกรีกโรมันเลยค่ะ ฟินยิ่งนัก
เมื่อเริ่มร้อนจนทนไม่ไหวก็เดินออกมาค่ะ ไปต่อกันที่ Vittoriano อนุเสาวรีย์ของVittorio Emanueleที่3 สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่กษัตริย์องค์แรกของอิตาลี่
ตอนแรกว่าจะดูแค่ผ่านๆค่ะ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้เดินขึ้นบันไดไปซะสูงเลย
ให้ความรู้สึกเหมือนวิหารเทพเจ้าดี
จะมีทางเดินลงร่มๆในอาคารอยู่ทางขวามือนะคะ ไม่ต้องลงทางเดิมก็ได้
ข้างหลังอนุเสาวรีย์นี้จะเป็น Campidoglio ที่ด้านหลังสามารถชมวิวRoman forumจากด้านบนได้ค่ะ
ตอนแรกว่าจะเที่ยวแค่Roman forumกับโคลอสเซียมปิดท้ายด้วยชมพระอาทิตย์ตกที่สะพานPorte Umberto 1แต่มีเวลาเหลือ เลยไปเที่ยวของแพลนวันพรุ่งนี้ต่อ อันได้แก่
Piazza Navonaที่เคยเป็นสถานที่สำหรับการแข่งกีฬากรีฑา มีน้ำพุที่สำคัญ3จุดด้วยกันตรงจตุรัสนี้ค่ะ โบสถ์ตรงกลางสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้นะคะ สวยตะลึงมากๆ
เดินเลยไปอีกก็คือ Pantheon คนต่อแถวเข้ายาวมากกก แบบขดเป็นรอบจตุรัสเลย แต่ว่าแถวไหลไปเร็วมากค่ะ รอแป๊บเดียวก็ได้เข้าแล้ว
ข้างในPantheon จะเป็นOculus เป็นโดมคอนกรีตแบบ Unreinforced ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างตั้งแต่เมื่อสมัย2000ปีที่แล้ว สุดยอด! เก่งจริงๆ มิเคลันเจโล่ยังใช้โดมนี้เป็นReferenceในการออกแบบสถาปัตยกรรมของโดมโบสถ์St.peterแห่งนครวาติกันที่เราจะไปเยี่ยมชมกันในวันพรุ่งนี้ด้วยค่ะ
แล้วเราก็เดินไปที่สะพานข้ามแม่น้ำกันค่ะ พระอาทิตย์ยังไม่ตกเลย จึงเก็บภาพมาทั้งที่ยังสว่าง แต่ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย บัสมาเลทค่ะ เลทจนรอไม่ไหวเดินข้ามไปจัดเพนเน่แซลม่อนกินที่ร้านฝั่งตรงข้าม
อร่อยโฮก เส้นร้อนๆหนึบๆนี่มันดีจริงๆ กินเสร็จก็ตัดสินใจกลับไปที่สะพานอีกรอบ
งู้ยยย ในที่สุดก็ได้วิวเห็นพระอาทิตย์ตก จะเห็นยอดโดมของนครรัฐวาติกันอยู่ลิบๆค่ะ สวยงาม โรแมนติกยิ่งนัก
ในส่วนของโรมแรมคืออยู่ติดกับRoma termini สถานีรถไฟใหญ่เลยค่ะ เป็นหอหญิง อยู่สบาย สภาพดี ราคาถูก Locardo Otello รูมเมทเป็นเพื่อนจากอีก2อารยธรรมโบราณ จีนกับอียิปต์ค่ะ ดีจริงๆเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in