สำหรับวันนี้ก็เป็นอีกวันที่อากาศร้อนเช่นเคยนะคะ แต่ในที่สุดก็ได้รับการติดต่อกลับมาจากSupervisorแล้วค่ะ เย้! 

เหมือนว่าทางนั้นจะพึ่งอ่านWeekly reportของสัปดาห์ที่แล้วเสร็จ สงสัยคงจะงานยุ่งมากจริงๆ

เค้ามีคำถามนิดหน่อยเกี่ยวกับการEvaluate model ว่าจะรู้ได้ยังไงว่าโมเดลนี้ใช้ได้ดีจริง

แต่ด้วยความที่ว่า Kmeans clustering ที่มิ่งใช้มันเป็นUnsupervised learningคือไม่มีการบอกก่อนว่าอันไหนที่ผิดปกติ โมเดลต้องหาเอาเอง อ้างอิงจากแต่ละตัวแปรที่ใส่เข้าไป ไม่สามารถหาค่าF1เพื่อดูPrecisionหรือrecallอะไรพวกนั้นได้เหมือนการClassificationปกติ

ซึ่งตัวที่นิยมใช้สำหรับการEvaluate KMeans มักจะเป็นค่าของจำนวนClusterหรือจำนวนกลุ่มที่ควรจะใช้ในการจำแนกข้อมูลที่เรียกว่าค่าKค่ะ วิธีนี้ชื่อว่าElbow method ใช้สำหรับหาค่าKที่ไม่ทำให้costลดลงไปมากกว่านี้แล้ว 

อีกอันนึงคือSilhouetteค่ะ ใช้สำหรับการะยะทางแบบEuclidean distance จากพิกัดของข้อมูล ณ กลุ่มที่มันอยู่ไปยังพิกัดข้อมูลของอีกกลุ่ม ถ้าหากเข้าใกล้+1แปลว่าอยู่ห่างกัน สามารถจัดแบ่งและคัดแยกได้อย่างชัดเจน ถ้าหากเข้าใกล้0แปลว่าเส้นแบ่งระหว่างสองกลุ่มค่อนข้างจะคลุมเครือ อาจจะมีแนวโน้มถูกจัดให้อยู่ผิดกลุ่มได้ ส่วนถ้าเข้าใกล้-1แปลว่าข้อมูลอาจจะถูกจัดให้อยู่ผิดกลุ่มได้ สรุปก็คือยิ่งค่ามากเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ ตอนนี้Modelของมิ่งค่าก็จะอยู่ที่ประมาณ0.5-0.6ประมาณนี้ค่ะ

วันนี้เป็นวันที่ได้รับการติดต่อกลับมาเยอะมากค่ะ

แล้วก็ได้รับเมลแจ้งจากorganizerของSummer student poster session อีก จริงๆมิ่งได้ลงทะเบียนPresentแบบposterเอาไว้ แต่ว่าลงไม่ทัน จึงได้ลงเป็นแบบWaiting listเอาไว้ค่ะ ไม่คิดว่ามันจะมาถึงคิวตัวเองจริงๆ555 วันนี้วันศุกร์ ส่วนวันPresentเป็นเย็นวันพุธหน้า

ก็คือมีเวลาไม่กี่วันเพื่อจะเตรียมPosterและเอาไปปริ้นท์คะ ค่อนข้างจะอยู่ในระยะเผาขนอยู่

แต่มิ่งก็ อ่ะ! ไหนๆก็มาถึงCERNนี่แล้ว ถ้าได้ลองนำเสนอผลงานตัวเองก็อาจจะได้แง่มุมใหม่ๆหรือความคิดเห็นจากคนที่ทำงานในสายงานคล้ายๆกัน มาพัฒนางานของเราต่อก็ได้ งั้นตอบตกลง! ไปพรีเซนต์ดูหน่อยละกัน 

จริงๆเคยมีประสบการณ์พรีเซนต์แบบPosterอยู่บ้างค่ะ ตอนงานนิทรรศของคณะสมัยอยู่ปี1 ตอนนั้นก็ได้แรงบันดาลใจหลายๆอย่างเลย ที่จริงก็ไม่ใช่เพราะว่าได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับใครนะคะ แต่เป็นเพราะได้เสนอสิ่งที่ตัวเองทำมา ได้แง่มุมใหม่ๆขณะที่เรานำเสนอเพราะว่าเราได้ลองมาทบทวนสิ่งที่ทำลงไปนี่แหละ ว่าเออ! มันมีประโยชน์เหมือนกันนะ555 การเรียบเรียงคำพูดให้คนทั่วไปเข้าใจ อินกับงานของเราไปด้วย สำหรับมิ่ง คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกและท้าทายมากค่ะ

เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจย้ายจากภาคNanoมาอยู่ภาคICEเลยก็ว่าได้

ก็ลองมาดูกันว่าการนำเสนอครั้งนี้จะให้อะไรกับเราได้บ้าง

พอตอบตกลงไปแล้วก็รู้สึกได้ถึงความเดือดที่กำลังจะมาเยือน อย่างไรก็ตามเย็นวันนี้ก็ขออนุญาติไปสูดหายใจเตรียมรับศึกหนักอาทิตย์หน้าก่อนโดยการเข้าไปนั่งเล่นที่เจนีวาซักนิดแล้วกันนะคะ

ที่จริงแผนนี้Senadเพื่อนบอสเนียเป็นคนชวนไปค่ะ มีแค่มิ่งกับพี่ป.โทไปแจม ส่วนเพื่อนนักฟิสิกส์อีกคนของเรา -ฟิล์ม-ไม่ได้ไปด้วยเพราะเย็นวันนี้เค้ามีแผนบินไปเยอรมัน(มิวนิค)กับอาจารย์พัดค่ะ ส่วนเพื่อนวิศวะของเราอีกคน-ผา-หมดสัญญาวันนี้แล้วค่ะ เลยกลับไปเตรียมเที่ยวยาวทิ้งท้ายก่อนกลับไทย 

วันเสาร์อาทิตย์นี้เห็นว่าฝนจะตก มิ่งก็เลยไม่ได้มีแผนไปไหนเป็นพิเศษ เข้าล็อคกับช่วงที่งานเดือดพอดีเลย เยี่ยมๆ จะได้มีเวลาปั่นงาน

เรานั่งรถรางเข้าไปในเมืองพร้อมกับเพื่อนของSenadอีกคนที่ชื่อMessas(หากสะกดผิดก็ขออภัย) เขาพึ่งมาถึงเลยยังไม่เคยได้มาเจนีวาเลยค่ะ พวกเราจึงได้รับหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวไปโดยปริยาย

แวะซื้อเบอร์เกอร์มานั่งกินริมทะเลสาบชิลๆ ดูหงส์ว่ายน้ำ รับลมเย็น กินเสร็จก็ อ้ะ! นั่นชิงช้าสวรรค์ 

...ต้องจัดซะแล้วล่ะ...สะดุดตามานาน

เลยขึ้นไปนั่งกัน4คนค่ะ โรแมนติกเนอะ

ตัวชิงช้าสวรรค์ที่นี่เป็นแบบOpen airค่ะ ไม่มีกระจกกั้นใดๆ ก็ได้รับลมกับอากาศอันสดชื่นไปเต็มๆ เสียคนละประมาณ7CHFแต่นั่งวนได้ประมาณ4รอบค่ะ ก็คุ้มอยู่นะคะ เพราะวิวดีมาก พระอาทิตย์ใกล้จะตกพอดีเลย

เมื่อลงมาเสร็จได้ยินว่าที่เจนีวานี้มีชายหาดอยู่ พวกเราเลยเดินไปกันค่ะ คราวที่แล้วพี่ป.โทมากับSenadแต่เดินไปไม่ถึงเพราะไกลมาก มาคราวนี้ พวกเราเดินถึงค่ะ

ฟิตสุดๆ พยายามจะเผาผลาญแคลจากเบอร์เกอร์ชิ้นเมื่อซักครู่

ปล.ขวาSenad ซ้ายMessas

แล้วคือมันชิลดีมากค่ะทุกคน มิ่งเห็นน้ำแล้วก็อดเอาเท้าไปจุ่มแช่ไม่ได้ เย็นสบายสุดๆ อากาศก็กำลังดี มีลมเย็นๆพัดมาตลอด บวกกับบรรยากาศsunsetนี้อีก

เรานั่งคุยกันริมหาดจนถึงเกือบมืดแหนะค่ะ พอฝนเริ่มตั้งเค้านั่นแหละถึงจะยอมกลับกัน

แต่ก็ยังมิวายแวะเจิมเจลาโต้ขอวงMovenpickอีกนะคะ5555 จะชิลไปไหน