7กรกฎาคม
มิ่งไม่คิดมาก่อนว่าสวิสเซอร์แลนด์จะร้อนได้ขนาดนี้
เมื่อคืนคืออากาศร้อนมากค่ะ สำหรับLocarno
เหงื่อท่วมตัวเลย
ยิ่งกว่่าตอนที่นอนที่โรงแรมCernอีก ตื่นมาเลยรีบไปอาบน้ำเย็นอย่างไว จู่ๆก็คิดถึงอากาศเย็นขึ้นซะงั้นค่ะ
วันนี้โปรแกรมไม่หนักมาก(ตอนแรกวางไว้แบบนั้นนะ555) ตื่นเช้ามากินบุฟเฟ่ห์อาหารเช้าของโรงแรมตอน7โมง รอcheckoutตอน8โมง ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วออกไปเที่ยวในLocarnoกัน
ตอนแรกวันนี้มิ่งว่าจะไปLuganoค่ะ แต่ว่ากลัวจะกระชั้นชิดไปสำหรับการไปกลับอย่างละชั่วโมง เราต้องกลับเจนีวารอบเที่ยง ไม่งั้นเราจะไปถึงโรงแรมดึกเกินไป(ตอนแรกก็คิดงั้นนะ555) เลยจัดLuganoไปตั้งแต่เมื่อวานอย่างที่ทุกท่านทราบจากตอนที่แล้ว
วันนี้เลยได้มาเที่ยวแพลนที่ดั้งเดิมเคยเตรียมไว้สำหรับเมื่อวาน นั้นคือMadonna del sassoค่ะ เป็นโบสถ์บนเนินเขาของเมืองLocarno เราต้องนั่งรถรางไต่เขาขึ้นไป ใช้Swisspassลดราคาได้(วันนี้ใช้ได้เป็นวันสุดท้ายแล้วอิๆ) เหลือ5.4CHFไป-กลับค่ะ
ตัวสถานีรถรางขึ้นเขาอยู่ไม่ไกลจากสถานีหลักของLocarnoมากนัก ถือว่าไปได้สะดวกมากค่ะ แต่! พอขึ้นไปถึงเราจะต้องเดินลงบันไดหลายขดอยู่นะคะ
เน้นว่า
-เดินลง-
ในเมื่อมีคำว่าเดินลง มันก็ต้องมีคำว่า
-เดินขึ้น-
... ใช่มั้ยล่ะคะ มันเป็นสัจธรรม
อา พอจะนึกภาพตัวเองตอนขากลับได้เลย
//ที่จริงเหมือนจะมีสถานีรถรางอยู่ตรงทางออกโบสถ์นะ แต่ไม่แน่ใจว่าเปิดช่วงเช้าที่มิ่งไปรึเปล่า เห็นแปะป้ายว่าเปิด9ครึ่งสำหรับบางเดือน ใครที่จะไปก็ลองศึกษาตรงนี้ดูนะ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดเหนื่อยอย่างเรา5555
ตัวโบสถ์หากดูจากภายนอกแล้ว จะให้ความรู้สึกคล้ายกับปราสาทนอยชวานสไตน์ของเยอรมันในรูปแบบย่อส่วนรวบรัด
ภายในมีจัดแสดงรูปปั้นฉากสำคัญต่างๆในชีวประวัติของพระเยซู ทั้งฉากThe last supper และอีกมากมาย
พอเดินสำรวจภายในไปเรื่อยๆก็เจอจะมุมมหาชน สามารถเห็นวิวพานอราม่าของทะเลสาบMaggioreกับเมืองLocarnoได้ งดงามไปอีกแบบค่ะ มีลมโกรกเย็นสบายมาก โชคดีที่ขึ้นไปตอนฟ้ายังเปิดอยู่ เพราะหลังจากลงมาเดินเล่นริมทะเลสาบได้ไม่นาน ฝนก็ตก
เราก็ เออะ! ตกเช่นนี้คงเดินเล่นแถวในเมืองไม่สนุกหรอก กลับดีกว่า
Highlightเด็ดๆก็เก็บหมดแล้วสำหรับทริปนี้
ทั้งLugano Ascona Locarno แล้วจะอยู่ต่อไปไย
แหม แต่พอคิดอย่างนั้นก็แอบเสียดายที่อุตส่าห์รีบมาแต่คืนวันศุกร์ ประจวบเหมาะกับที่คนทางบ้านส่งรูปZermattมายั่วค่ะ
ที่จริงทริปZermattนี่มิ่งก็ยังลังเลอยู่ว่าจะจัดดีมั้ย เพราะว่าที่พักช่างหาได้ยากเย็น ทั้งยังแพงอีก แต่วิวของMatterhornที่สะท้อนกับน้ำมันก็ช่างงดงามเกินจะห้ามใจ
ถ้าจัดทีนึง ต้องเปลืองมากแน่ๆทั้งค่าเดินทางที่ค่อนข้างไกลเอย ทั้งค่าที่พักเอย
พ่อ: อยู่ระหว่างทางกลับพอดีเลยนะ
ราวกับเสียงสวรรค์ส่งมา
นี่แหละ! คำนี้ที่รอคอย
นี่มันคือเสียงอนุญาติมารที่ร่ำร้องในใจมิ่งตั้งแต่แรกเริ่มที่จัดทริปLocarno
โอ้ Locarnoนี่มีZermattเป็นทางผ่านพอดีเลยนะ ขากลับเราแวะไปเลยดีมั้ยนะ
เคยมีเสียงๆนี้ดังอยู่ตอนมิ่งจัดทริปLocarnoค่ะ แต่ก็จางหายไปเมื่อค้นพบว่า เวลาไม่น่าจะพอ
แม่: พ่ออย่ายุ~ มันไปไม่ทัน เอาไว้ทริปหน้านะลูก
.. มันได้สายไปแล้วค่ะ...
ทุกอย่างมันเป็นใจให้แก่แผนการของมิ่งแล้ว
แม้ว่านั้นจะทำให้เราถึงโรงแรมเกือบ5ทุ่มครึ่งก็ตาม ผิดกับแผนที่วางไว้เมื่อเช้าราวฟ้ากับเหว5555 แต่ก็เอาเถอะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของSwisspassแล้ว ใช้โควต้าให้คุ้มค่าจนถึงเที่ยงคืนกันไปเลย!
เรามุ่งหน้าไปยังBrigเพื่อเปลี่ยนสายไปZermatt
เอ.. มิ่งเคยเล่าไปรึยังนะคะ ว่ามันมีบางอย่างแปลกๆกับสถานีนี้
คือมันทำตัวเป็นเด็กวัยต่อต้านน่ะค่ะ
ในแอพบอกว่าเป็นอย่างไหน ของจริงหน้างานที่สถานีนี้ จะเปลี่ยนมันทุกอย่างเลยค่ะ
คราวที่แล้วมีการเปลี่ยนชานชาลาเกิดขึ้นแบบไม่บอกล่วงหน้า
คราวนี้ยิ่งกว่าเปลี่ยนชานชาลาอีกค่ะ คือเปลี่ยนไปนั่งรถบัสเลย
ว้าว...
ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ตะโกนทักท้วงคนที่ไปรอที่ชานชาลา คงได้รอเก้อกันเป็นแถบแล้ว
ดีที่พอเปลี่ยนกันมานั่งรถบัสแล้ว แม้จะออกเลท แต่รถไฟที่จะออกไปยังZermattที่เมืองVispก็ยังคงรอเราอยู่ราวกับมีการประสานงานกันแล้ว
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ กลายเป็นประสบการณ์น่าตื่นเต้นไปเลยสำหรับสถานีBrigแห่งนี้
..แต่ถ้าเป็นไปได้ก็เลี่ยงๆอย่ามาอีกก็ดีนะ เหอๆ
นั่งรถไฟสายGlacier expressมา1ชม.(ใช้Swisspassได้เช่นเคย)เราก็ถึงเมืองZermattแล้วค่ะ ทีนี้ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งของสถานีเพื่อไปขึ้นรถไฟขึ้นเขา Gornergratค่ะ ไม่ได้ขึ้นMatterhornนะคะ เพราะอยากถ่ายรูปที่เห็นยอด ไม่ใช่ไปอยู่บนยอด ฮาาา
สถานีที่เป็นจุดหมายของเราวันนี้คือRotenbodenค่ะ เป็นสถานีเกือบรองสุดท้ายก่อนถึงยอดพอดี ถ้าขึ้นตอนบ่ายแล้วแวะสถานีนี้สถานีเดียว จะได้ลดราคาด้วยล่ะค่ะ รู้สึกจะ50%นะคะอันนี้ไม่แน่ใจ
ตอนที่ขึ้นไปใหม่ๆโชคดีที่ฟ้าเปิดพอดี เลยได้เห็นฟ้าสีฟ้าใส ชิงโอกาสนี้เก็บภาพมาทันที
Riffelseeคือชื่อของแอ่งน้ำกลางหุบเขาแห่งนี้ค่ะ
เราจะสามารถเห็นเงาสะท้อนของZermattบนผิวน้ำได้เลย แต่พอมีลม เงาสะท้อนนั้นก็จะอันตรธานหายไปทันที การมาเที่ยวที่นี่จึงขึ้นอยู่กับจังหวะและโชคมากๆค่ะ เพราะเมฆบางทีก็มาเป็นระยะๆเดาใจไม่ถูกกันเลยทีเดียว
พูดถึงเมฆ หลังจากเดินชิลๆมองดูวิวไม่นานเมฆก็เริ่มมาค่ะ
การเก็บภาพที่Riffelseeแห่งนี้เรียกว่าทรหดไม่ต่างจากMadonna Del Sassoเมื่อเช้าเลยค่ะ การเดินทางไปกลับจากสถานีรถไฟคือการลงเนินชันและการปีนขึ้นเนินชัน
ที่หลังนี่อาจจะสภาพแย่กว่าหน่อยเพราะใช้พลังงานไปแล้วกับเมื่อเช้า บวกกับยิ่งสูงก็ยิ่งO2น้อย กว่าจะปีนกลับมาที่สถานีได้นี่ก็เล่นเอาหอบแฮกไปเลยค่ะ
อย่่างไรก็ตาม พอได้เจออากาศเย็นแล้วก็สดชื่นนนน ลืมความร้อนจากเมื่อคืนไปสิ้น
เราลงรถไฟรอบ17.23กลับมายังพื้นดิน ซื้อข้าวเย็นกลับไปกินบนรถไฟพอเป็นพิธี หิ้วTobleroneที่ดูแล้วก็หาได้ทั่วไปในไทยกลับมาพอเป็นพิธีให้ได้ชื่อว่าซื้อจากZermattอันเป็นInstpirationบนกล่อง แล้วก็เข้าสู่การเดินทางอันยาวนานกลับไปGenevaค่ะ
เฮ้อ
ประหยัดงบไปได้หลายร้อยCHFอยู่สำหรับทริปนี้ แต่ก็ถึกที่สุดเท่าที่เคยไปมาแล้วค่ะ5555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in