เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017fdfeefa
Day 6 น้ำกัดเท้า 06/11/2017
  • Day 6 – น้ำกัดเท้า : 06/11/2017


                   “หยุดกดได้แล้ว!! ลิสคุณจะมาที่นี่อีกทำไม?!!? ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”

                  

    แฟรงค์ส่งเสียงตะโกนใส่คนที่อยู่หน้าบ้านด้วยอาการบ่งบอกอย่างชัดเจนถึงความหัวเสียแล้วจะไม่ให้เขารู้สึกแบบนี้ได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่ปลุกเขาให้ลืมตาตื่นมาเจอเข้ากับเช้าวันใหม่คือเสียงกริ่งที่ดังรัวอยู่ทางหน้าบ้านแถมยังเกิดจากฝีมือของผู้หญิงที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดผู้หญิงที่เขาตราหน้าว่าเป็นคนทำลายความสุขของเขามาตลอดในช่วง 2 – 3 เดือนให้หลังมานี้

                  

    แต่ไม่ว่าเขาจะกลับเข้าไปคลุมโปงด้วยผ้านวมเพื่อนอนต่อยังไงก็ตามเขาก็ไม่สามารถหลับตาลงได้อีกครั้งเพราะเสียงกริ่งนั้นไม่ได้ดังเบาลงแถมยังเพิ่มความถี่ในการกดมาขึ้นอีกด้วยเขาจึงตัดสินใจเลิกหลบหน้าเมื่อความอดทนของเขาสิ้นสุดลง

                  

    “นี่นายเมาเหรอแฟรงค์? กลิ่นเหล้านาย..”

     

    “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม คุณเถอะจะมาที่นี่อีกทำไม?”

     

    “ก็ถ้าฉันไม่มานายจะยอมไปเจอฉันไหมละ?ที่ทำงานนายก็ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปอย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่านายสั่งอะไรไว้กับ รปภ แล้วแบบนี้ฉันจะเหลือทางเลือกอะไรอีกบ้างไหนนายบอกมาสิ?”

                  

    “ก็บอกแล้วไงว่าถ้าผมพร้อมผมจะไปหาคุณเองการที่ผมไม่ได้ไปก็หมายความว่าผมยังไม่พร้อมไงมันยากตรงไหนกับการเข้าใจความหมายว่าไม่พร้อม!!”

                  

    “แล้วเมื่อไหร่นายจะพร้อม ฉันต้องแบกหน้าไว้คนเดียวอีกนานแค่ไหน?!!”

     

    “หน้าของคุณคุณก็แบกเอาเองก็ใครทำให้เรื่องมันยุ่งกันละถ้าวันนั้นไม่มาตั้งแต่แรกเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ไหม?? ถ้าไม่มาผมคงเคลียร์กับคนของผมรู้เรื่องแล้วตอนนี้ก็คงคุยกับคุณรู้เรื่องแล้วกลับไปซะมาพูดตอนนี้มันก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี”

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาและลิสมีการพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ความต้องการของเขาและลิสมันต่างกันมากเกินไปเลยทำให้การพูดคุยที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งมันวนอยู่ในจุดเดิมมันไม่เคยเดินทางไปถึงการแก้ไขของปัญหาได้สักที

     

    “อย่ามาพูดเหมือนฉันผิดอยู่ฝ่ายเดียวนะ ฉันไม่ได้เป็นคนบังคับให้นายมามีอะไรกับฉันสักหน่อยไม่ได้แม้แต่จะมอมเหล้านายด้วยซ้ำวันนั้นที่นายพาฉันเข้าโรงแรมก็เต็มใจแล้วก็มีความสุขดี หรือจะต้องให้ฉันพูดไหมว่านายมีความสุขมากแค่ไหน?ต้องให้ฉันบรรยายถึงเสียงที่ออกมาจากลำคอของนายเองในวันนั้นไหม??!!??”

     

    “แล้วหลังจากที่ทุกอย่างมันจบลงคุณเห็นรึเปล่าว่าสภาพของผมเป็นยังไงเห็นใช่ไหมว่าผมทุกข์แค่ไหนที่เรื่องมันเกิดขึ้นมันไม่มีอะไรที่ผมสามารถเรียกได้ว่าความสุขเลยสักนิด!!! กลับไปซะ!!!”

     

    “เหรอ? แล้วถ้าไม่ได้มีความสุขล้นแบบนั้นน้ำเชื้อมันจะดีจนฉันท้องได้แบบนี้ไหมละ?!!”

     

    ขาที่กำลังจะหมุนตัวเพื่อที่จะก้าวกลับเข้าไปในตัวบ้านของเขาต้องหยุดชะงักลงเมื่อประโยคคำถามนั้นมันซ้อนทับขึ้นมากับประโยคของใครคนนึง

     

    ถ้าไม่ได้ชอบเขาคุณจะทำแบบนั้นลงไปได้ยังไงแฟรงค์?”

     

    “ถ้าคุณไม่ได้ชอบเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาบ้างเขาจะท้องลูกของคุณได้ยังไง?”

     

    “มันก็แค่พลาดไปเท่านั้นแหละมันก็พลาดไปเท่านั้น คุณฟังคำพูดของผมแล้วจำใส่ใจเอาไว้เลยนะว่าเรื่องที่เกิดกับคุณมันก็แค่การผิดพลาดในการตัดสินใจของผมมันพลาดที่ผมพ่ายแพ้ให้กับความมักง่ายของตัวเอง และก็ผิดพลาดจนมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา”

     

    แฟรงค์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประโยคนี้ที่เขาพูดออกไปเขากำลังอยากให้ใครได้ฟังกันแน่ระหว่างผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนี้หรือว่าคนที่ตอนนี้กำลังหนีหน้าหายไปจากเขา

     

    “ต่อให้มันคือการผิดพลาดแต่ความผิดพลาดนี้ก็บ่งบอกแล้วว่านายไม่รักคนของนายอย่างที่นายเคยพร่ำบอกเอาไว้เพราะถ้านายรักเขาจริงไอ้เรื่องผิดพลาดพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น!!”

     

    “ผมรักเขา อย่าพูดอะไรดีกว่าถ้าคุณไม่รู้!!”

     

    “เหอะ รักงั้นเหรอ? อะไรที่นายบ่งบอกว่ารัก?”

     

    “ผมใช้ชีวิตอยู่กับเขาไงนั้นแหละที่พิสูจน์ว่าผมรักและพร้อมจะมีชีวิตอยู่กับเขาแล้วก็ไม่ใช่คุณ”

     

    “เหอะ ถ้ารักเขาจริงทำไมนายถึงไม่เคยพาเขาไปร่วมงานการกุศลที่ไหนเลยละเวลาที่บริษัทนายมีงานแล้วเวลาไปต่างจังหวัดร่วมกับบริษัทอื่นทำไมนายไม่เคยเอาเขาไปเปิดตัวเลยละ หะ? ตอบมาสิทำไมทุกครั้งที่ฉันไปกับเพื่อนของฉันทำไมฉันไม่เคยเจอเขาคนนั้นของนายเลยละ!!”

     

    “...”

     

    “นายเอาแต่เก็บเขาไว้ใกล้ตัว แอบการมีตัวตนของเขาเอาไว้ทำเหมือนว่าเขาเป็นเชื้อราที่ทำให้เกิด ‘โรคน้ำกัดเท้า’ ที่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะรู้ว่ามีมันอยู่แต่ก็อายเลยปกปิดมันเอาไว้ด้วยรองเท้า”

     

    “....”

     

    “นายรักงั้นเหรอ? ฉันว่าแต่นายรักตัวเองมากกว่า เพราะนายกลัวว่าคนอื่นในที่ทำงานจะรับไม่ได้ว่านายมีความรักไม่เหมือนคนอื่นนายกลัวคนอื่นจะต่อต้านกลัวจะหลุดจากว่าที่ผู้จัดการ นายกลัวนายพลาดเพราะไอ้โรคน้ำกัดเท้าของนายใช่ไหมละ?นายเลยต้องทนเก็บงำและซ่อนมันเอาไว้แบบนั้น”

     

    “หุบปาก!!”

     

    “ทำไมแทงใจดำหรือไง?”

     

    “กลับไป ออกไปจากหน้ารั้วบ้านของผมซะ!!”

     

    “ไล่กันนักฉันไปก็ได้แต่ฉันกลับมาอีกแน่!!”

     

    “....”

     

    “อ้อ แต่ก่อนไปขอเตือนไว้อย่างนะว่าไอ้ ‘โรคน้ำกัดเท้า’ ของนายนะเก็บไว้ยังไงมันก็ไม่มิดหรอกสักวันกลิ่นมันก็ต้องโชยออกมาจากร้องเท้าของนายจนคนอื่นได้รับรู้ว่านายเป็นนั้นแหละ”

     

     

    ลิสยอมไปจากหน้าบ้านของเขาแล้วแต่คำพูดของลิสมันเหมือนด้ายที่ตรึงเขาเอาไว้จนเขาไม่สามารถขยับไปไหนได้ไม่จริงเขาไม่เคยคิดว่าทอมคือเชื้อรา ทอมไม่ใช่คนที่เขาต้องซ่อนเอาไว้ มันก็แค่ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกใครต่อใครก็เท่านั้นมันแค่ยังไม่ถึงเวลา

     

    สำหรับเขาถ้าใครสักคนในชีวิตจะเป็นเชื้อราที่เป็นต้นเหตุของ‘โรคน้ำกัดเท้า’ เขาว่าคนๆ นั้นน่าจะเป็นผู้หญิงคนเมื้อกี้ที่กำลังทำลายชีวิตคู่ทำลายความสุขของเขาไม่ใช่ทอม

     

    ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่กำลังทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวดคันอยู่ในหัวใจอย่างทรมาณเพราะไม่สามารถเอื้อมมือเข้าไปเกาเพื่อบรรเทาความทรมาณนี้ได้และมันยังโชว์ถึงความผิดพลาดที่เหม็นโชยเพื่อประจานในความมักง่ายของเขา

     

    ใช่แล้วถ้าเขายังปล่อยเชื้อรานี้ให้มันเจริญเติบโตมันก็จะคอยแต่จะกัดกินเท้าของเขาไปเรื่อยๆจนเป็นโรคน้ำกัดเท้าและฝังอยู่กับตัวเขาไปตลอดถ้าเขาไม่รับรักษาถ้าจะหยุดมันเขาควรที่จะหยุดตั้งแต่ตอนนี้ ใช่แล้ว เขาควรที่จะกำจัดเชื้อรานี้ทิ้งไปโดยเร็วเสียที

                   

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in