ถ้าออเจ้าถามข้าว่าตั้งแต่ข้าบินมา ข้าได้ไปเยอรมันมากี่ครั้งกี่คราแล้ว ข้าจักตอบว่า ข้าไปแค่ Frankfurt 2 รอบ แค่นั้นเลยจ่ะออเจ้า ถ้าไปถามแอร์คนอื่น เขาคงบอกว่าตารางข้าแปลกมากหนา ทำไมมิได้ไปเยอรมันเลย เพราะข้ามัวแต่บินวนเอเชียกับอเมริกาไงเจ้าคะ
เหตุผลที่แท้จริงคือ เรามีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่บนไฟลท์เยอรมันทั้ง 2 ครั้ง ทั้งที่มันควรจะ smooth as silk เหมือนที่เค้าว่ากัน มันไม่ใช่เลย เราก็เลยบอกตัวเองว่าและบอกทุกคนว่าเราจะไม่ไปอีกจ้า
สุดท้ายมี Munich โผล่มาจากไหนไม่รู้ปลายเดือนมกราคม แลกก็ไม่ออก ไปก็ไป
และทุกครั้งที่ไม่อยากไปไหน ไม่ชอบที่ไหน มันมักจะออกมาเป็นทริปที่ดีเสมอ
บอกไว้ก่อนว่า ทริปนี้มันตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมแหละ ก็ยังมีความโค้ทกันอยู่ หนาวจริงๆค่ะ ยอม
*quality รูปโดนดรอปไปนิดนึงไม่รู้ด้วยว่าสาเหตุอันใด อาจจะชัดไม่ชัดบ้าง ขออภัยนะค้าา
บอกตามตรงว่าครั้งนี้ไม่ได้ทำอะไรเยอะมาก เพราะง่วงมาก ตารางบินบอบช้ำสุด นอนไม่พอ ขนาดตอนเข้าเมืองยังติดรถลูกเรือเยอรมันไปด้วยเลย คุณพ่อเค้ามารับพอดี เค้าก็เลยบอกให้เรานั่งรถเค้าไป เด๋วเค้าไปส่ง ใจดีไปอี๊กกก
มิวนิคก็เหมือนกับเมืองในยุโรปทั่วๆไป คือเค้าจะมี city centre อยู่ที่เดียว (หรือไม่กี่ที่) ย่าน shopping และที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็จะกระจุกอยู่ตรงนั้น บริเวณที่แน็ตไปวันนี้เรียกว่า Marienplatz ออกเสียงยังไม่ถูกเหมือนกัน
อย่างที่เห็นในรูปด้านบนก็คือ city hall ตรงที่หมุดปักเลยค่ะ แถวนั้นก็มีร้านอาหาร zara, birkenstock ลานเบียร์ ร้านรวงเยอะแยะไปหมด (ใครหา birkenstock ไม่เจอ ถามหลังไมค์มาได้เลยค่ะ) เสมือนจุดนัดพบของนักท่องเที่ยว เดินขึ้นไปหน่อยก็คือ Residenz Munchen หรือ Munich Residence ซึ่งไม่มีสติเดินไปค่ะวันนั้น บวกกับออนนี่ของเราไม่อยากไปด้วย เราตามใจเค้าค่ะ เราไม่มีแรง (ช่วงสิ้นเดือนมีนาไปมิวนิคอีกรอบแน็ตเลยตั้งใจไปที่นั่นเลย คอยติดตามบลอคตอนต่อไปเนอะ สวยมากๆๆๆๆๆจริงๆ เหมือนยืนอยู่ในฉากซี่รี่ย์ The Crown
credit: Google Maps
จากแพลนที่จะไป museum อะไรไม่รู้ เราก็จบแค่ Marienplatz กับออนนี่ชาวเกาหลีนี่แหละค่ะ ไม่ขอบรรยายอะไรมาก เพราะไม่ค่อยได้ทำอะไรเหมือนกัน ถ่ายรูปอย่างเดียวเลย
เราขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ด้วยนะ แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่มีลิฟต์ บันไดโอนลี่ แล้วของจริงสูงมากกกก
มาถึงงานเบียร์บ้างดีกว่า ...
ออกตัวก่อนว่าแน็ตไม่ดื่มเบียร์ ด้วยความเชื่อที่ว่ามันจะลงพุง แต่ออนนี่ที่ไปด้วยเค้าชอบเบียร์มาก เราก็เลยตามเค้าไปนั่งลานเบียร์ชิวๆด้วย เค้าก็สอนนะว่าเบียร์มีกี่แบบ ทำจากอะไร นั่นนี่ ตอนนี้ลืมหมดแล้ว ไม่เคยจำ
ลานเบียร์ที่เยอรมันกับลานเบียร์ที่ไทยก็ต่างกันมากกกกกกกก เค้าไม่มีดนตรีสด ของเค้าเป็นเหมือน outdoor market มีที่นั่งเยอะๆ เหมือนโต๊ะแคนทีนในมหาลัยล้อมรอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายของร้านดอกไม้ ร้านขายไส้กรอก ร้านผลไม้
ตอนขากลับก็เกิดความหลงทางนิดหน่อย เราลงไปซื้อตั๋วที่คิดว่าเป็นตั๋ว subway กลับโรงแรมที่ Isarator Station ก็พยายามเสียบบัตรเข้าไปนานมากกก เออไม่เข้าอ่ะ มันใหญ่กว่าช่องรับ ตามรูปด้านล่าง ยับยู่ยี่มาก เราก็เลยตัดสินใจเดินลงไปเลย โชคดีว่าพอลงไป ก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาถามว่าช่วยมั้ยจะไปไหน ค่อยยังชั่ว นางสปี๊คอิงลิช ! (ไม่ใช่ทุกคนที่พูดอังกฤษจ้า) นางบอกว่าตั๋วที่เราซื้อคือตั๋ว tram หรือ รถรางนั่นเอง แน็ตก็ "เฮ้ย ที่นี่มีรถรางด้วยอ่อ?" เค้าก็บอกว่ามีนะ เดินขึ้นไปกลับหลังหัน คือตอนนั้นพระอาทิตย์ตกแล้ว หนาวมากกกกก เท้าก็เริ่มชาแล้ว เพราะ เส้นเอ็นข้อเท้าเริ่มตึงจริงจัง ออนนี่ยังคงสู้ต่อไปที่จะไม่เรียก อูเบอร์ เราก็เออไงก็ได้ แต่จะเดินช้าหน่อยนะ วิ่งก็ไม่ได้ ปวดร้าว
สุดท้ายก็เจอรถรางตามที่เค้าบอกจริงๆค่ะ ในที่สุดก็ได้กลับ
แน็ตไม่มีโมเม้นท์หลงทางกับรถไฟมาซักพักแล้วเพราะตั้งแต่ขาเจ็บมา ไปไหนก็เรียก uber ตลอดเลยจนเสียนิสัย จริงๆแล้วถ้าไม่เจ็บขาก็ยังชอบการขึ้นรถไฟโหนรถเมล์เพราะมันถูกและเราก็ได้เห็นการใช้ชีวิตของคนที่นั่นจริงๆด้วย
โพสหน้าแน็ตจะพาไปเที่ยว MUNICH RESIDENZ ค่ะ สวยมากจริงๆ รับประกัน ใครชอบดูซีรี่ย์ฝรั่งแนวพีเรียดต้องกรี๊ดมากแน่ๆ
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ จะพยายามเขียนให้เยอะขึ้น
ว่างๆก็แวะไปดูเพจเราได้เนอะ
IG: ppakti
สุดท้ายก็เจอรถรางตามที่เค้าบอกจริงๆค่ะ ในที่สุดก็ได้กลับ 
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in