Artist: Declan McKenna
Album: What Do You Think About the Car? (2017)
Declan Benedict McKenna หนุ่มน้อยวัย 19 มากความสามารถจากอังกฤษ เจ้าของผลงานเพลง Brazil ผลงานเปิดตัวเพลงแรกของหนุ่มเดคแลนในวัย 15 ปีที่ถูกปล่อยออกมาเมืื่อ 2015 ที่ผ่านมา เนื้อหาในเพลงพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์งาน FIFA World Cup ที่จัดขึ้นที่บราซิลในปี 2014 โดยเจ้าตัวให้เหตุผลที่เขียนเพลงนี้ว่าตัวเองสนใจเรื่องการเมืองอยู่แล้ว จึงอยากเขียนเพลงที่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง และเป็นปัญหาจริงในสังคม ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะอายุน้อยแต่จากผลงานที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้มีมุมมองความคิดพร้อมของดีที่ยังไม่งัดมาใช้อีกมาก มั่นใจว่าผลงานคุณภาพที่น้องสร้างสรรค์ออกมาจะส่งผลให้น้องประสบความสำเร็จทางด้านดนตรีไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน
Paracetamol อีกผลงานหนึ่งในอัลบั้มเปิดตัวของเดคแลนอย่าง What Do You Think About the Car? ที่ปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เนื้อหาในเพลงนี้เดคแลนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของวัยรุ่นสาวข้ามเพศ
Leelah Alcorn ที่เป็นที่รู้จักกันในกลุ่ม
LGBT+ ออนไลน์หลาย ๆ คนจากการแชร์จดหมายฉบับสุดท้ายไว้บน Tumblr ของเธอเองก่อนจบชีวิตลงในวันเดียวกัน ลีลาห์เป็นชายโดยกำเนิด ในวัย 14 เธอตัดสินใจบอกพ่อแม่ของเธอเรื่องเพศของเธออย่างชัดเจน แต่ทว่าพ่อแม่ของเธอไม่ได้ยอมรับ รวมถึงยังปฏิเสธคำขอที่เธอจะไปผ่าตัดเปลี่ยนเพศ มิหนำซ้ำยังส่งเธอไป
Conversion Therapy หรือที่รู้จักกันในชื่อ
การแก้วิธีทางเพศบำบัด เพื่อที่จะเปลี่ยนให้เธอกลับมาเป็นผู้ชายแบบเดิมตามเพศสภาพ ด้วยเหตุผลเหล่านี้จากพ่อแม่ของเธอที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ โดดเดี่ยว และไม่เป็นที่ยอมรับ รวมถึงความยุติธรรมต่อกลุ่มคนข้ามเพศที่ไม่มีอยู่ในสังคมเพียงพอเท่าบุคคลอื่น ทำให้ลีลาห์ตัดสินใจจบชีวิตลงในวัยเพียง 16 ปี เดคแลนให้สัมภาษณ์กับ
Wonderland Magazine ว่า
Paracetamol ในเพลงนี้เป็นคำที่ใช้เปรียบเปรยถึง
Conversion Theraphy โดยให้เหตุผลว่าการบำบัดนี้เป็นสิ่งที่คนคิดว่าจะแก้ไขและเปลี่ยนแปลงตัวเราได้ ซึ่งไม่ยุติธรรมกับกลุ่มคนข้ามเพศที่ต้องฝืนตัวเองเพราะสังคมไม่ยอมรับ
"มันเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยง ไม่เพียงแต่จะเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวของลีลาห์ในตอนนั้น แต่การที่ได้รู้ว่าเคสของเธอไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เคยเกิดขึ้นมันมันน่าสะพรึงกลัวมากเลยสำหรับผม ด้วยเหตุนี้ผมจึงเขียนเพลงนี้ที่ชื่อว่า Paracetamol โดยในเพลงนี้ไม่ได้พูดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเรื่องราวของลีลาห์อย่างเดียว แต่เป็นการพูดถึงการถูกนำเสนอของกลุ่ม LGBT+ โดยสื่อต่าง ๆ ที่เราได้เห็นในปัจจุบันด้วย ในบางโอกาส ที่พวกเขาถูกนำเสนอออกไป พวกสื่อมักจะพูดถึงในทางไม่ค่อยดี โดยนั่นก็ส่งผลกระทบสะสมไปยังกลุ่มคนที่อ่านบทความของพวกเขา" - เดคแลน จากบทสัมภาษณ์ของ
The Guardian เมื่อปี 2014
LYRICS & TRANSLATION
There's a boy, fifteen, with a gun in his hand
And the people with no audience say should be hanged
They ask for his motive but they don't understand
Why they love like they do, like they do
There's a girl, fifteen, with her head in a noose
Because she's damned to live, well she's damned to choose
And the animals walked in twos by twos
Showing love like they do, like they do
There's a girl, fifteen, although she isn't sure
Well how the hell could you want anything more
Beautiful, perfect, immaculate whore
I'm in love, love with you, love with you
มีเด็กชายคนหนึ่ง เขาอายุเพียง 15 ในมือเขาถือปืน
และกลุ่มคนที่ไม่มีใครสนใจบอกว่าเขาควรถูกแขวนคอ
พวกเขาขอรู้เหตุผลที่พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ
ทำไมพวกเขาจึงรักแบบที่พวกเขารัก แบบที่เขารัก
มีเด็กหญิงคนนึง เธออายุ 15 กับบ่วงเชือกล้อมคอของเธอ
เพราะเธอเบื่อที่จะอยู่ต่อไป ใช่ เธอเบื่อที่ต้องเลือก
และพวกสัตว์ที่เดินเข้าหากันเป็นคู่ ๆ
แสดงความรักแบบที่พวกเขาทำ แบบที่พวกเขาทำ
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธออายุ 15 ถึงแม้ว่าเธอไม่แน่ใจ
แล้วคุณจะยังต้องการอย่างอื่นได้ยังไง
ความสวยงาม ความสมบูรณ์แบบ ความบริสุทธิ์
ผมมีความรัก ผมตกหลุมรักคุณ ตกหลุมรักคุณ
- "And the people with no audience say should be hanged" เดคแลนพูดถึงคนที่เอาแต่พูดและแสดงความคิดเห็นโดยไม่ได้มีใครขอร้อง กลุ่มวัยรุ่นข้ามเพศที่ไม่เพียงแต่ต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ยังต้องมารับฟังความคิดเห็นจากคนพวกนี้ที่ไม่เข้าใจพวกเขากันสักนิด
- "Because she's damned to live, well she's damned to choose" ท่อนนี้จะสื่อถึงการที่ต้องเลือกที่จะเป็นแค่แบบที่คนอื่นต้องการอย่างเช่นเพศที่มีแค่ชายและหญิง เดคแลนยกตัวอย่างขึ้นมาให้เห็นว่าถ้าต้องเลือกสิ่งที่ใครสักคนไม่ได้เป็น พวกเขาก็คงไม่ได้อยากจะอยู่ต่อเหมือนกัน
- "And the animals walked in twos by twos" จากเรื่องเรือโนอาห์ (Noah's Ark) จากพระคัมภีร์ไบเบิลที่มีสัตว์หลากหลายสายพันธ์เป็นคู่ ๆ มีเพศผู้และเพศเมีย ที่ถูกส่งขึ้นไปบนเรือเพื่อเหตุผลที่จะใช้ในการสืบพันธ์ต่อไป เดคแลนยกตัวอย่างนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะนำเสนอเหตุผลที่ว่า แค่เหล่าสัตว์บนเรือโนอาห์ที่มีแค่เพศผู้และเพศเมีย ก็ไม่ได้หมายความว่าการที่พวกเดินเข้าหากันเพื่อสืบพันธ์สร้างลูกหลานไม่ได้แปลว่ามันคือความรักที่เหมาะสมสักนิด (x/x)
- "Well how the hell could you want anything more" เสียงของสังคมต่อกลุ่มวัยรุ่นข้ามเพศที่ไม่ใยดีที่จะเข้าใจพวกเขา กลับตั้งคำถามว่าทำไมไม่พอใจ สอนให้เขาพอใจในสิ่งประเสริฐที่พระเจ้ามอบให้ และควรพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น โดยไม่สนใจสิ่งที่เด็กต้องการจริง ๆ
Oh won't you let me finish
You drive me insane
The world will keep on turning
Even if we're not the same
Don't come on to me, come on to me
โอ้ นี่คุณจะไม่ให้ผมพูดให้จบหรือไง
คุณทำให้ผมเป็นบ้า
โลกก็ยังหมุนต่ออยู่ดี
ถึงแม้ว่าเราจะต่างกัน
อย่ามาคุยกับผมเลย อย่าเข้ามา
There's a boy, fifteen, turning into a man
Well tell me one other thing that he can
While you forced a smile through a jealous hand
Showing love like you do, like you do
There's a boy, fifteen, and he's attempted to sue
Cause he's definitely sure that it's true
What kind of man, kind of man are you
Showing love like you do, like you do
มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาอายุ 15 กำลังจะกลายเป็นหนุ่ม
บอกผมมาอีกอย่างหนึ่งสิว่าเขาเป็นอะไรได้อีก
เมื่อคุณต้องฝืนยิ้มให้กับคนที่คุณไม่ได้ชอบ
แสดงความรักแบบที่คุณทำ แบบที่คุณทำ
มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาอายุ 15 และเขาได้พยายามฆ่าตัวตาย
เพราะเขาแน่ใจแล้วว่ามันเป็นความจริง
ผู้ชายประเภทไหนกัน ประเภทแบบเดียวกับคุณ
แสดงความรักแบบที่คุณทำอยู่ แบบที่คุณทำ
- "There's a boy, fifteen, turning into a man. Well tell me one other thing that he can" ท่อนนี้แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนกลุ่ม LGBT+ ของหนุ่มเดคแลน one other thing that he can ก็คือการเป็นผู้หญิง หรือเป็นอะไรก็ได้ที่เด็กชายคนนั้นต้องการไม่จำเป็นต้องโตเป็นผู้ชายอย่างเดียว (x)
- "What kind of man, kind of man are you" การตั้งคำถามต่อกลุ่มผู้ใหญ่หรืออาจจะเป็นผู้ปกครองของเด็กกลุ่มนั้นที่ต้องเป็น"ผู้ชาย"ประเภทไหนกันที่ต้องทำให้ลูกหลานตัวเองเจ็บปวดแค่เพราะการตัดสินใจของเขาเกี่ยวกับชีวิตของเขาเอง
Oh won't you let me finish
You drive me insane
The world will keep on turning
Even if we're not the same
Don't come on to me, come on to me
โอ้ นี่คุณจะไม่ให้ผมพูดให้จบหรือไง
คุณทำให้ผมเป็นบ้า
โลกก็ยังหมุนต่ออยู่ดี
ถึงแม้ว่าเราจะต่างกัน
อย่ามาคุยกับผม อย่าเข้ามา
So tell me what's in your mind, so tell me what's in your mind
And don't forget your paracetamol smile
So tell me what's in your mind, so tell me what's in your mind
And don't forget your paracetamol smile
So tell me what's in your mind, so tell me what's in your mind
And don't forget your paracetamol smile
So tell me what's in your mind, so tell me what's in your mind
You're emotionally challenged
Why do you waste your talent
The world around you's manic
Do you have no shame
Come on to me, come on to me
งั้นบอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ บอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่
แล้วอย่าลืมรอยยิ้มขมขื่นนั้นของคุณ
งั้นบอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ บอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่
แล้วอย่าลืมรอยยิ้มขมขื่นนั้นของคุณ
งั้นบอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ บอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่
แล้วอย่าลืมรอยยิ้มขมขื่นนั้นของคุณ
งั้นบอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ บอกผมมาว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่
ความรู้สึกของคุณมันยากจะอธิบาย
ทำไมคุณไม่ใช้ความสามารถที่มี
โลกรอบ ๆ ตัวคุณมันบ้าไปหมด
คุณไม่ว่าคนอื่นแล้วใช่ไหม
งั้นมาคุยกับผม เข้ามาได้เลย
- "So tell me what's in your mind, so tell me what's in your mind" เดคแลนพูดเปรียบเปรยถึงเวลาที่ต้องเขารับการบำบัดหรือพบจิตแพทย์ ที่มักจะพบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในใจที่ต้องเล่าออกไป (x)
- "And don't forget your paracetamol smile" รอยยิ้มขมขื่น หรือรอยยิ้มแบบพาราเซตามอล มีที่มาจากที่เดคแลนใช้ยาพาราเซตามองเป็นคำเปรียบเปรยถึง Conversion Therapy หรือการทำเพศบำบัด ก็คือการใช้รอยยิ้มฝืน ๆ เหมือนกับการบำบัดที่ใช้เปลี่ยนแปลงตัวตนของพวกเขาไม่ได้ รอยยิ้มกลบเกลื่อนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกข้างในของพวกเขาได้เหมือนกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in