โดยในส่วนของทางลุคนั้น ให้สัมภาษณ์กับทาง Apple Music เอาไว้ว่า อัลบั้ม When Facing The Things We Turn Away From ได้เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ ด้วยสถานการณ์โรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ช่วงที่ผ่านมานั้นทั้งโลกหยุดชะงักลง รวมถึงตัวเขาเองที่ได้หยุดทำกิจกรรมต่าง ๆ ลุคบอกว่าช่วงเวลาเหล่านี้แหละที่ทำให้เขาได้ทบทวนอะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น ชีวิตช่วงวัยรุ่นที่ผ่านมา สิ่งที่เขาเป็นในตอนนี้และสิ่งที่เขาเคยเป็น หรือคนที่เขาอยากจะเป็นนั้นเป็นแบบไหนบ้าง โดยวิธีที่เขาจะระบายความรู้สึกและเรื่องราวต่าง ๆ ที่พรั่งพรูระหว่างที่เขาได้ทบทวนนั้นก็คือการเขียนออกมาเป็นเพลง ลุคยังบอกอีกด้วยว่าเขาเองก็อยากจะพัฒนาตัวเองให้เป็นนักแต่งเพลงที่ดีขึ้น นักดนตรีที่ดีขึ้น และเป็นคนที่ดีขึ้นด้วย และเป้าหมายในอัลบั้มนี้ก็คงเป็นข้อความเหล่านี้ที่จะส่งไปถึงคนฟังให้รู้สึกถึงสิ่งที่เขากำลังจมอยู่ด้วยในขณะที่เขียนเพลงนั้น ๆ
แล้ววันนี้เพลงที่เราเลือกมาแนะนำทุกคนก็คือเพลง Place In Me ที่เป็นเพลงโปรดของเราจากอัลบั้มนี้เลย (พยายามอย่างหนักเลยที่จะเลือกมาฝากทุกคน;__;) เหตุผลที่เลือกเอาเพลงนี้มาแนะนำให้ทุกคนได้ฟังก็เพราะว่าเป็นจังหวะชีวิตช่วงนี้เองที่รู้สึกแบบเดียวกับเนื้อหาในเพลงนี้ โดยเพลง Place In Me ก็พูดถึงสิ่งที่ตัวเราเองได้เคยทำผิดพลาดกับคนที่เรารัก คนที่เราแคร์ หรือใครก็ตามที่เราผูกพัน จนทำให้เสียความสัมพันธ์หนึ่ง ๆ นั้นไปโดยไม่รู้ตัว และในตอนนี้ความสัมพันธ์นั้นอาจจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่ว่าในใจของเราจะยังมีที่ให้เขาคนนั้นเสมอ โดยลุคบอกว่าอยากนำเสนอเพลงนี้ให้เป็นเหมือนข้อวามที่ถูกส่งเป็นรูปแบบของการทิ้ง voicemail ไว้ที่ปลายสายอีกคน เพราะไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะยังต้องการความสัมพันธ์นั้นนั่นเอง พูดง่าย ๆ ก็คือทำความสัมพันธ์นั้นพลาดไปเองจนห่างกัน แต่ถึงต้องการเธอกลับมาแค่ไหนใจมันก็ไม่กล้าพอจะกลับไปคุยแล้ว ซึ่งมันเป็นเพลงที่ relatable สำหรับเรามาก หวังว่าทุกคนจะชอบฟังเหมือนกันนะคะ
"Got no legs to stand on, I was just dancing in the dark." ท่อนนี้น่าจะพูดถึงความไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้อีกคนผิดหวัง ประโยคนี้บอกว่ากำลังยืนไม่ไหวแถมอยู่ในที่มืด ก็เลยอาจจะเผลอหยิบจับอะไรพลาดไป แล้วในท่อนต่อไปก็บอกว่า จนได้เห็นเต็มตาว่ายังมีคุณอยู่ตรงหน้ามันก็ดีมากในตอนนั้น
Hold on
I never meant to start a war
I was just dead wrong
I know we've been in this before
Now with my eyes wide open
I tore you right apart
เดี๋ยวก่อนนะ
ผมไม่เคยอยากทะเลาะกับคุณเลยนะ
ผมแค่ทำพลาดไป
ผมรู้ว่าเราเคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้ที่ผมกำลังเบิกตากว้าง
ผมก็ทำผิดกับคุณอีกแล้ว
Call me in the morning, yeah
I'm sorry that I let you down
I'm so apathetic, it's pathetic
But I need you now
โทรหาผมสิเช้านี้
ผมขอโทษนะที่ทำคุณผิดหวัง
ผมเฉยเมยมากไป มันช่างน่าสมเพช
ที่ตอนนี้ผมต้องการคุณเหลือเกิน
"I'm so apathetic, it's pathetic but I need you now" ท่อนนี้น่าจะสรุปทุกอย่างได้ดีเลย เพราะต่อให้เราอยากจะขอโทษอีกคนแต่ก็ยังจะเฉยเมยอยู่แบบนี้ น่าสมเพชที่ไม่กล้าพูดอะไรมากมายกว่านั้นออกไปทั้ง ๆ ที่ต้องการอีกคนกลับมา ซึ่งมันเป็นอะไรที่เราทั่วไปก็น่าจะเข้าใจดีมาก ๆ ความรู้สึกนี้ที่มันก็awkwardเกินกว่าจะกลับไปคุยด้วยและกลับมาเป็นแบบเดิมแล้วถึงจะยังคิดถึงและต้องการกันอยู่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in