ผมไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่หัว ... 
ตอนที่เงยหน้ามองเส้นสีขาวจากเครื่องบินไอพ่นที่ลากผ่านท้องฟ้าสีคราม ... 
เธอร้องไห้ออกมา 
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ต้นไม้ ใบหญ้าสีเขียวร่มรื่น ทะเลสาบกว้างเย็นสบาย คู่รักที่มาปิคนิค ครอบครัวที่พาลูกสาวมาหัดเดิน กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังแตะบอลด้วยเท้าเปล่า
ในวันที่อากาศสดใสและพวกเรายืนอยู่ข้างกัน เธอมองท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่เครื่องบินไอพ่นบินผ่านทิ้งคราบสีขาวจางไว้บนแผ่นผ้าใบสีฟ้า ..  
เธอร้องไห้ออกมา 
ผมเคยเรียนมาว่าเส้นสายสีขาวๆบนท้องฟ้าเกิดจากอุณหภูมิที่ต่างกันระหว่างก๊าซ - ความอบอุ่นที่แตกต่าง - นั่นคือสาเหตุที่เรามองก๊าซที่จับตัวกันเส้นบนท้องฟ้า 
ถ้าไม่คิดให้เป็นวิทยาศาสตร์มากเกินไป เครื่องบินไอพ่นบนท้องฟ้ามักทำให้ผมสบายใจ
ไม่มีเหตุผลว่าทำไม มันก็เหมือนพลูที่ถูกจุดในตอนกลางวัน เส้นสายพวกนั้นเป็นเครื่องหมายของวันดีๆและการเฉลิมฉลอง 
ผมยิ้มกว้าง สูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ รู้สึกโล่งใจจนตัวเบาโหวง 
แต่ในวินาทีเดียวกัน 
เธอร้องไห้ออกมา 
เขาบอกว่าการเติบโตเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราต้องอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวทั้งๆที่ยังเดินสวนกับเพื่อนร่วมงานหน้าตึกทุกวันและโทรศัพท์กลับบ้านทุกอาทิตย์ 
ด้วยความเจ็บปวดพวกนั้น บางครั้งเราก็ต้องโตขึ้นมาพร้อมกับหนาม 
เพื่อปกป้องตัวเอง ? เพื่อทำร้ายคนอื่น ? 
เปล่าเลย 
ก็แค่ตอนที่กอดตัวเองไว้  เลือดจะได้ไหลออกมาตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสกับหนาม 
ความเจ็บปวด ความไม่สบายตัว ความอึดอัด 
พวกมันจะเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้ว่างเปล่า ... 
จริงๆแล้วเรา ยังมีตัวตน และยังอยู่ตรงนี้ 
เธอไม่ได้ถามผมว่าผมพูดถึงรื่องพวกนี้ขึ้นมาทำไม ... เธอทำเพียงมองท้องฟ้ากว้างที่เส้นขาวๆจากไอพ่นเริ่มจาง
เธอร้องไห้ออกมา 
โลกทั้งใบก็เหมือนโรงพยาบาลบ้า 
พยายามจะรีดพวกเราออกมาให้แบบราบเรียบ ไร้รอยยับ 
ชอบเพศเดียวกัน ใช่ คุณบ้า 
ชอบคนต่างเพศ ใช่ คุณบ้าเช่นกัน 
ชอบอยู่เดียว ใช่ คุณบ้า 
อยู่คนเดียวไม่เป็น ใช่ คุณก็บ้า 
เป็นตัวของตัวเอง  - นั่นแหละที่บ้าที่สุด 
ผมเคยตะโกนถามโลกใบนี้ว่าแบบไหนกันที่เรียกว่าปกติ แบบไหนกันที่โลกใบนี้จะพอใจ 
ตอนนั้นโลกทั้งใบหยุดนิ่ง 
ทุกคนหันมามอง
นิ้วของพวกมาที่ผมพร้อมออกคำสั่งประหาร 
ใช่  ผมมันบ้า 
เส้นสายสีขาวจากก๊าซเริ่มกระจายตัว สีฟ้าอันกว้างใหญ่กำลังจะดูดกลืนมันเข้าไป 
เธอยังเอาแต่เฝ้ามองท้องฟ้า นิ่งเงียบ รอดูจุดจบอย่างสงบเยือกเย็น  
ดวงตาสีฟ้าเข้มของเธอสะท้อนสีของท้องฟ้า มันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ทำให้จิตใจของผมสั่นกลัว 
ความปรารถนาที่จะหายวับไปและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้บนโลก ความปรารถนาสุดลึกล้ำที่จะได้กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้า กลับไปสู่บ้านหลังเก่าที่เธอเคยจากมา 
'ร้องไห้ทำไม ?'
ผมถามเธอหลังจากเครื่อบินไอพ่นบินจากเราไปได้หลายชั่วโมง
"ก็มันสวย ....  ท้องฟ้าสีฟ้ากับเครื่องบินไอพ่น ก๊าซสีขาวเป็นเส้น ... เหมือนพลุ เหมือนการฉลอง มันสวยจนฉันอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา" 
ตอนนั้นผมมองไปที่เธอ หยุดนิ่ง 
เธอมองมาที่ผม คราบน้ำตายังทิ้งร่องรอยไว้ข้างแก้ม 
มันเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธอร้องไห้ 
เพราะหลังจากวันนั้นดวงตาของเธอไม่สามารถสะท้อนอะไรได้อีก แม้กระทั่งสีฟ้าใสของท้องฟ้า ... 
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ต้นไม้ ใบหญ้าสีเขียวร่มรื่น สระน้ำเย็นสบาย คู่รักที่มาปิคนิค ครอบครัวที่พาลูกสาวมาหัดเดิน กลุ่มวัยรุ่นที่มาเล่นแตะบอลด้วยเท้าเปล่า
วันที่อากาศสดใส ท้องฟ้ากว้างใหญ่มีเครื่องบินไอพ่นบินผ่าน 
ผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่ร่างของเธอถูกฝังกลบ 
ฤดูร้อนเวียนกลับมา และผมยืนมองเส้นสีขาวที่สวยงามเหมือนพลุในเวลากลางวัน 
ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่ในหัว 
โลกที่มีวันสบายๆ มีสวนสวยๆ
โลกที่ทำให้คนเราต้องงอกหนามออกมา 
โลกที่เปรียบเสมือนโรงพยาบาลบ้า 
ผมเคยคิดว่าโลกพวกนั้นมันน่าขยะแขยง 
แต่เป็นวันนี้  เป็นวินาทีนี้ 
ท้องฟ้าสีฟ้ากับเส้นสีขาวของไอพ่นไม่ได้สวยงามมากไปกว่าวันเธอยังอยู่ข้างๆผม 
โลกที่ไร้เงาของเธอต่างหากที่ทำให้ท้องฟ้ากับเส้นสีขาวของไอพ่นมันช่างสวยงามจับใจ 
โลกของเธอในวันนั้น ... วันที่เธอร้องไห้ .... โลกของเธอจะมืดมัวขนาดไหน เธอถึงได้ชื่นชมความงดงามเพียงเล็กน้อยบนท้องฟ้าจนถึงขั้นหลั่งน้ำตา ... 
ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ไม่กลัวจะทำชุดสูทราคาแพงต้องเปรอะเปื้อน จิตใจผมดำดิ่ง เฝ้าคิดถึงเพียงดวงตาของเธอในวันนั้น 
 ตอนที่เงยหน้ามองเส้นสีขาวจากเครื่องบินไอพ่นที่ลากผ่านท้องฟ้าสีคราม 
ใช่ …
 ผมเองก็ .... ร้องไห้ออกมา 
Inspiration - Contrail by MoonMoon 
ไม่เข้าใจว่าคนแต่งเพลงนี่ต้องเศร้าขั้นไหน มองท้องฟ้าสดใสแล้วยังเขียนเพลงเศร้าออกมาได้ ต้องขอบคุณจองกุกที่ทำให้รู้จักเพลงดีๆแบบนี้ :)  
				 
			
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in