เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก่อนตะวันรอนngamdokbua
นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน ตอนที่ 11 : เต้ยเกี้ยวสาว
  • นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน

    ตอนที่ 11 : เต้ย เกี้ยวสาว

    งานแต่งงานของหนุ่มสาวสองคู่ผ่านพ้นไปด้วยดี สาวต้อยลูกตาคำและยายก่ำหลังแต่งงานก็ได้ย้ายไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวที่ตัวอำเภอ เพราะทางฝั่งพ่อแม่เจ้าบ่าวตั้งใจอยากให้สาวต้อยไปดูแลยามแก่เฒ่า ส่วนอุปกรณ์ที่ผู้เฒ่าผู้แก่เตรียมไว้ทำตูบต่อเล้าให้สาวต้อย ตาคำกับยายก่ำก็ยกให้บ่าวเหลี่ยมกับสาวสายบัว เพื่อเอาไปทำตูบต่อเล้าที่บ้านตาน้อยแทน เนื่องจากบ่าวเหลี่ยมและสาวสายบัวต้องมาแต่งงานกะทันหัน เพราะทำผิดผีปู่ย่าตายาย อีกทั้งสองคนก็เป็นลูกหลานชาวบ้านดอนผักหวานเหมือนกัน อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะทำตูบต่อเล้า ก็ได้แรงจากพ่อแม่พี่น้องในหมู่บ้านนี่แหละที่ช่วยกันหามาไว้ บ่าวเหลี่ยมเองก็มีส่วนช่วยในการเลื่อยไม้ และสานไพหญ้าอยู่หลายตับพอสมควร

    ณ ลานหน้าบ้านตาน้อยกับยายมา

    “คือห่าวแท้น้อเขยใหม่ตาน้อยหนิ บ่ฮ้อนบ่อ้าวบ่น้อ? ” ผู้ใหญ่บ้านคงร้องขึ้นไปแซวบ่าวเหลี่ยมที่กำลังง่วนกับการมุงหลังคาตูบต่อเล้า ซึ่งจะใช้เป็นบ้านในการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเขาและสายบัวเมียรัก

    บ่าวเหลี่ยมหัวเราะพอใจกับคำพูดขอผู้ใหญ่บ้านคง

    “คาแต่หัวเต๋อหัวเติ่นอยู่หนั่น ฟ่าวมุง! ตูบมึงบ่แล้วเด้แลงหนิ" บ่าวเชิดออกปากติงเขยใหม่ของครอบครัว

    เมื่อก่อนนั้นบ่าวเชิดเรียกบ่าวเหลี่ยมว่าอ้าย ด้วยความนับถือในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่หลังจากที่บ่าวเหลี่ยมทำผิดผีกับสายบัว บ่าวเชิดก็พูดมึงกูด้วยตลอด

    “ลงมากินน้ำก่อนอ้ายเหลี่ยมอ้ายเชิด” สายบัวเรียกบ่าวเหลี่ยมผัวรักและบ่าวเชิดลูกพี่ลูกน้อง ที่ขึ้นไปมุงหลังคาตูบ

    “ลงมาหมอเดี๋ยวเฮาสิขึ้นไปเปี่ยน" บ่าวเขื่อนที่กำลังเดินหอบไพหญ้ามาสมทบ ร้องบอกเพื่อนให้ลงมา ตนจะได้ขึ้นไปมุงหลังคาแทน

    บ่าวเชิดกับบ่าวเหลี่ยมค่อย ๆ ปีนบันไดลิงที่เกยขื่อหลังคาลงมา จนถึงพื้นตูบที่ทำจากไม้แดงสีสวยงดงาม

    บ่าวเหลี่ยมและสายบัวยังรู้สึกขอบคุณ และซึ้งในน้ำใจตาคำที่เอาอุปกรณ์มาให้ทำตูบเรือนหอของตัวเอง

    สายบัวยื่นกระบวยน้ำฝนที่ตักจากในตุ่มน้ำดื่มให้ผัวรักดื่มก่อน เพราะเห็นว่าบ่าวเชิดยังคุยโม้กับบ่าวเขื่อนยังไม่เสร็จ

    “เมื่อยบ่อ้ายเหลี่ยม? ” สายบัวยิ้มหวานถามบ่าวเหลี่ยม มือก็ใช้ผ้าแพรเช็ดเหงื่อให้

    “โอ้ย! กูละหน่ายสองคนนี่นิ สิหวานออกหน้าออก ตาอิหยังกะดักกะด้อ” บ่าวเชิดพูดเหน็บ

    “นกเค้าท้วงตาแมว ฮ่า.. ฮ่า..” บ่าวเขื่อนแซวเพื่อนรัก

    “เอ้า! เฮาเว้าผิดหม่องได๋หมอ เบิ่งดู๋นั้น!” บ่าวเชิดยังแถไปเรื่อย

    “เออบ่ผิดดอก แต่อย่าให้เห็นเด้อว่าอยู่กับสาวขาวปานตังเมคือสองคนนั้น ฮ่า..ฮ่า..” บ่าวเขื่อนมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าที่เป็นต่อ

    ส่วนบ่าวเชิดไม่ว่าอะไร ได้แต่ยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนรัก แล้วก็หัวเราะร่าด้วยความพอใจ

    “เออหมอเฮายืมม้วนเทปของแจ้แน ว่าสิเอาไปจีบสาวต้อย” บ่าวเขื่อนยิ้มแป้นทำหน้ามีความหวัง

    “ฮ่า...ฮ่า...อ่อนแท้ ๆ วะเสี่ยวกูหนิได้ใช้เพลง ไปจีบอีก โอ้ยกูหล่ะงึดหล่ะง้อมึงนิ เอาจังสิมื้อแลงเดี๋ยวกูสิจัดให้ งานขึ้นตูบน้อยบักเหลี่ยมนี้หล่ะ” บ่าวเชิดยิ้มมุมปากกับแผนการของตัวเอง ที่จะช่วยให้บ่าวเขื่อนเพื่อนรักจีบสาวต้อยได้ง่ายขึ้น

    “กูเชื่อมึงได้แมนบ่หมอ ฮ่า..ฮ่า..” บ่าวเขื่อนถามเพื่อนแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

    “เอาหน่ะ! ฟ่าวไปมุงหลังคาหนั่น! ลุงสีเพิ่นขึ้นไปแตโดนแล้ว ส่วนเรื่องแผนจีบสาวต้อยเดี๋ยวเฮาจัดการเอง” บ่าวเชิดตบไหล่เพื่อนเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเดินไปดื่มน้ำจากกระบวยที่สายบัวตักไว้รอ

    “เว้าหยังกันก็โดนแท้อ้ายเชิด ข่อยหล่ะถ้าอยู่ตั้งโดน” สาวสายบัวบ่นอุบ

    “ตามประสามูพวกกะมีแนหล่ะ ถ้าอ้ายมีหยังอยู่บ่”

    บ่าวเชิดถามสายบัว ขณะที่รับกระบวยน้ำฝนมาดื่ม

    “อ้ายเหลี่ยมเลาบอกว่าสิไปเอาเป็ดอยู่เฮือนเลามาลาบจักสองสามโต เจ้าไปซ่อยเลาแน ผู้เฒ่ากะคาสานกระแต๋ไว้แอ้มตูบ ที่เอามาแต่เฮือนลุงคำมันบ่พอ ขาดอยู่หน่อยนึง” สายบัวอธิบายกึ่งขอร้องบ่าวเชิด

    “ได้ ๆ พอดีหล่ะอ้ายสองคนสิพากันเฮ็ดแนวกินเด้อ โตกะไปเก็บผักอยู่สระหลวงมาไว้กินกับลาบ แวไปเอิ้นสาวขาวกับสาวต้อยนำแนเด้อ” บ่าวเชิดรับคำจะไปช่วยทำลาบ และขอร้องให้สายบัวชวนสาวขาวและสาวต้อยมาร่วมงานค่ำนี้ด้วย

    สายบัวไม่รอช้าหลังจากจัดแจงหน้าที่กับบ่าวเชิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบไปหยิบตะกร้าและไม้คานที่เขวียนอยู่ท้ายเรือน หาบตรงไปยังบ้านสาวต้อยทันที

    “ต้อย! อยู่เฮือนบ่ มาไปเก็บผักอยู่สระหลวงเป็นหมู่เฮาแน ว่าสิไปชวนสาวขาวนำ จั๊กว่างบ่ว่างดอกเพิ่นนั่น หว่างบ่ายเห็นไปนากับสาวแดง สงสัยสิไปซ่อยแม่ต้มเกีย” สายบัวเอ่ยชวนต้อยให้ไปเก็บผักเป็นเพื่อน

    “ไปติ๊หล่ะเฮาว่างพอดี ไปชวนสาวขาวนำกะดีคือกัน สิได้แล้วเร็ว ๆ เลาอยู่เฮือนอยู่ดอก เห็นกลับมาแต่โดนแล้ว” สาวต้อยเต็มใจที่จะไปช่วยสาวสายบัวเก็บผัก

    ทางด้านบ่าวเชิดในระหว่างที่เดินทางไปช่วยบ่าวเหลี่ยมจับเป็ดที่บ้าน เพื่อมาทำเป็นอาหารเลี้ยงพี่เลี้ยงน้องช่วงค่ำ ก็ถือโอกาสแวะไปที่บ้านพ่อเฒ่าก้อนหมอแคนและหมอลำประจำหมู่บ้านด้วย เพื่อขอยืมอุปกรณ์ที่จะมาช่วยเพื่อนรักจีบสาวในค่ำคืนนี้

    “ลุงก้อน! ลุงก้อนอยู่เฮือนบ่ครับ? ” บ่าวเชิดร้องเรียกหาเจ้าของบ้าน

    “ทางพี้หล่า! ลุงอยู่ฮ่มบักขามหลังเฮือน หย่างเข้ามาโลด บักด่างบ่กัดดอก” พ่อเฒ่าก้อนร้องเรียกบ่าวเชิดก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาสานแหต่อ

    “ว่าจังได๋หล่า คือได้ยินข่าวว่าพากันเฮ็ดตูบต่อเล้าให้บักเหลี่ยมกับอีนางสายบัวบ่" พ่อใหญ่ก้อนเอ่ยปากถาม เมื่อบ่าวเชิดเดินเข้าไปถึงบริเวณต้นมะขาม

    “แมนครับพ่อลุง ใกล้สิแล้วแหล่วหล่ะ ข่อยกับบัก เหลี่ยมกำลังสิเมือเฮ็ดแนวกินแลง พ่อลุงบ่มีธุระ ปะปังทางได๋กะไปกินข้าวแลงนำกันเด้อ" บ่าวเชิดเอ่ยชวนพ่อเฒ่าก้อน

    “เดี๋ยวเบิ่งก่อน แม่อีนางบ่ทันได้มาแต่นายุ ว่าแต่มึงมาฮอดนี้มีธุระหยังบ่? ” พ่อเฒ่าก้อนถามด้วยความสงสัย เพราะปรกติบ่าวเชิดไม่ค่อยได้แวะมะที่นี่เลย

    “ข่อยว่าสิมายืมแคนเจ้าไปเป่ามื้อแลงนี้หล่ะ" บ่าวเชิดส่งยิ้มให้กับพ่อเฒ่าก้อนด้วยแววตามีความหวัง

    “เอาไปงันตูบต่อเล้าบักเหลี่ยมบ่" พ่อเฒ่าก้อนถามบ่าวเชิด ก่อนที่จะวางมือจากแหแล้วเปลี่ยนเป็นหยิบห่อถุงยาสูบมาแทน

    “เอ้า! มวนยาสูบให้ลุงแน เดี๋ยวลุงสิขึ้นไปหยิบแคนมาให้” พ่อเฒ่าก้อนโยนถุงยาสูบให้บ่าวเชิด ก่อนที่เดินขึ้นเรือนไป

    “แมนครับพ่อลุง ใกล้สิแล้วแหล่วหล่ะ ข่อยกับบัก เหลี่ยมกำลังสิเมือเฮ็ดแนวกินแลง พ่อลุงบ่มีธุระ ปะปังทางได๋กะไปกินข้าวแลงนำกันเด้อ"

    บ่าวเชิดเอ่ยชวนพ่อเฒ่าก้อน

    “เดี๋ยวเบิ่งก่อน แม่อีนางบ่ทันได้มาแต่นายุ ว่าแต่มึงมาฮอดนี้มีธุระหยังบ่? ” พ่อเฒ่าก้อนถามด้วยความสงสัย เพราะปรกติบ่าวเชิดไม่ค่อยได้แวะมาที่นี่เลย

    “ข่อยว่าสิมายืมแคนเจ้าไปเป่ามื้อแลงนี้หล่ะ" บ่าวเชิดส่งยิ้มให้กับพ่อเฒ่าก้อนด้วยแววตามีความหวัง

    “เอาไปงันตูบต่อเล้าบักเหลี่ยมบ่" พ่อเฒ่าก้อนถามบ่าวเชิด ก่อนที่จะวางมือจากแหแล้วเปลี่ยนเป็นหยิบห่อถุงยาสูบมาแทน

    “เอ้า! มวนยาสูบให้ลุงแน เดี๋ยวลุงสิขึ้นไปหยิบแคนมาให้” พ่อเฒ่าก้อนโยนถุงยาสูบให้บ่าวเชิด ก่อนที่จะเดินขึ้นเรือน เพื่อไปหยิบแคนมาให้บ่าวเชิดตามคำขอ

    ในระหว่างที่รอบ่าวเชิดก็จัดการมวนสูบไว้ให้พ่อเฒ่าก้อนอย่างชำนาญ โดยไม่ลืมที่จะมวนให้ตัวเองด้วย

    บ่าวเหลี่ยมแบกกระสอบที่บรรจุเป็ดไว้บนบ่า เดินผ่านมาหน้าบ้านพ่อเฒ่าก้อน เห็นบ่าวเชิดนั่งมวนยาสูบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว แทนที่จะกลับบ้านไปช่วยกันทำกับข้าว ด้วยความสงสัยเลยเดินเข้าไปหากะจะถามเอาความสักหน่อย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก บ่าวเชิดชิงพูดก่อน

    “เหลี่ยมมึงล่วงหน้าไปก่อนเลยเด้อ กูถ้าเอาของดีกับลุงก้อนก่อน เดี๋ยวนำก้นไป" บ่าวเชิดร้องบอกบ่าวเหลี่ยม

    “ฟ่าวมาเด้อ เดี๋ยวสิเฮ็ดแนวกินบ่แล้วง่ายเด้" บ่าวเหลี่ยมสงสัยของดีอะไร แต่ก็ไม่กล้าถาม

    “มึงกะตั๋วมันไปทั่วทีบทั่วแดนน้อบักเชิด บอกมันว่าถ้าเอาแคนกะแล้วแล้ว สูหนิเนาะ” พ่อเฒ่าก้อนส่ายหน้า พลางยื่นแคนให้กับบ่าวเชิด

    “ข่อยกะล้อมันเล่นเอาม่วนซื่อ ๆ หนิหล่ะพ่อลุง บ่ได้เคียดได้ขมมันหยังดอก จังได๋กะได้มาเป็นดอง กันแล้ว แต่สิให้เสย ๆ เลย ๆ บ่รับน้องรับนุงกะ บ่แมนเชิดหล่ะขอรับ ฮ่า ฮ่า" บ่าวเชิดรับแคน พร้อมยักคิ้วหลิ่วตา พอใจกับคำพูดของตน

    “เอ้า ๆ ฟ่าวไป! เดี๋ยวแนวอยากแนวกินสิบ่มีใส่พาข้าวให้แขกให้คน" พ่อเฒ่าก้อนส่ายหัวทั้งขำทั้ง ระอากับบ่าวเชิด

    เมื่อบ่าวเชิดมาถึงบ้านตาน้อย ก็ปรี่เข้าไปหาบ่าว เขื่อนเพื่อนเกลอทันที

    “หมอ! หมอ!” บ่าวเชิดป้องปากเรียกบ่าวเขื่อน กลัวสาว ๆ แถวนั้นจะได้ยิน แต่บ่าวเขื่อนก็ยังไม่รู้ตัวว่าเพื่อนเกลอกำลังเรียกอยู่

    ป๊อก!

    “โอ๊ย! มันแมนไผกล้าดีมาแคงขี้หินขึ้นมาเทิงนี้วะ? ” บ่าวเขื่อนลูบหัว บริเวณที่โดนก้อนหินตกใส่

    “ทางพี้หมอ! เห็นบ่หนิ? ” บ่าวเชิดยกแคนให้บ่าวเขื่อนดู

    เมื่อเห็นแคนบ่าวเขื่อนก็ทำตาโตด้วยความดีใจ เพราะรู้ทันบ่าวเชิดเพื่อนเกลอ ว่าจะใช้เพื่อช่วยตนจีบสาวต้อยอีกแรง แต่บ่าวเขื่อนก็ยังไม่มั่นใจเพราะ ไม่เคยเห็นเพื่อนรักเป่าแคนเลย ได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้ ในใจก็คิดว่างานนี้คงเหลวอีกตามเคย

    พอตกค่ำตูบต่อเล้าที่จะใช้เป็นเรือนหอของบ่าวเหลี่ยมกับสายบัวก็แล้วเสร็จ รวมถึงลาบเป็ดกับต้มเป็ด รสแซ่บจากฝีมือบ่าวเหลี่ยมและบ่าวเชิดด้วย

    “มา ๆ ลูกมา เอาถ้วยเอาจานมาหย่ายออกไป ติ๊บข่งติ๊บข้าวพอกันบ่? บ่พอกะจกข้าวใส่จานมา ช้อนบ่วงพอบ่? ผักนางอ่างหญ้ามุหนั่น พากันเบิ่งดู้ลูกหล่า" นางมาร้องเรียกสาว ๆ ให้เข้าไปดูแลความเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟสำรับกับข้าวให้พี่น้องได้กินพร้อมหน้ากัน

    “ห่วย คือทรงฟ่าวแท้? บ่ถ้าแขกถ้าคนเลยเนาะ? ” พ่อเฒ่าก้อนร้องแซว ขณะที่กำลังเดินนำคณะหมอลำตรงมาที่หน้าตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมกับสายบัว

    “มา ๆ ไปจังได๋มาจังได๋ คึได้มาเหมิดวงหมอลำแท้? ” พ่อเฒ่าน้อยกวักมือเรียก พลางขยับที่นั่งให้พ่อเฒ่าก้อนด้วย

    “กะว่าสิมาซ่อยงานหนิหล่ะ บ่ได้มามุงตูบซ่อยกะสิมาลำฉลองตูบให้คู่บ่าวสาวตั้ว" พ่อเฒ่าก้อนตอบอย่างอารมณ์ดี

    “บ๊ะ! มาดีคักแท้น้อ มื้อแลงนี้สิมีฮอดหมอลำพ่อคำก้อนจากดอนผักหวานมาลำให้พวกเฮาฟังนำ" พ่อเฒ่าน้อยตีเข่าผางด้วยความดีอกดีใจ

    “เอ๊า! พ่อลุงสิมาลำคึบ่บอกข่อย ปล่อยให้ข่อยไปเอาแคนมาหัดเป่าจนพอแฮง" บ่าวเชิดบ่น

    “กูกะลองเบิ่งอยู่หนิหล่ะ เผื่อได้หมอแคนใหม่มาใส่วง แต่เบิ่งแล้วบ่เป็นก้าวหว่ะ ฮ่า...ฮ่า..” พ่อเฒ่าก้อนหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างพอใจ หลังจากร้องตอบบ่าวเชิด

    ทุกคนหัวเราะชอบใจและมีความสุข ที่ค่ำคืนนี้หมู่บ้านดอนผักหวานจะถูกขับกล่อมอีกครั้ง จากกลอนลำของ พ่อเฒ่าก้อนและชาวคณะ โดยเฉพาะลำเต้ยเกี้ยวสาว ที่ขึ้นชื่อลือชาที่พ่อเฒ่าก้อนแห่งดอนผักหวานชอบร้อง

    ทางด้านข้างตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมและสาวสายบัว เป็นวงพาข้าวเล็ก ๆ สามสี่วงของพวกเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน กลุ่มของเดอลาและเพื่อน ๆ ก็กำลังนั่งกินลาบเป็ดอย่างเอร็ดอร่อย ไม่แพ้วงพาข้าวของผู้ใหญ่เลย

    ฝีมือการทำลาบของบ่าวเหลี่ยมและบ่าวเชิดเอร็ดอร่อยไม่แพ้ผู้ใดในละแวกนี้เลย เพราะได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จะบอกว่าผู้คนในพื้นที่อีสานกินอาหารรสชาติเดียวกันก็ไม่ผิดนัก คงจะเหมือนบ้านเมืองอื่น เพราะวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในอาหาร ก็หาได้จากท้องถิ่นนั้น ๆ ด้วยความสดใหม่ของวัตถุดิบที่บ่าวเหลี่ยมกับบ่าวเชิดใช้ทำลาบ จึงทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

    “หญิง! ฉันได้ยินว่าพ่อเฒ่าก้อนเพิ่นพาคณะมาลำงันตูบใหม่เอื้อยสายบัว” กรีนนี่พูดหน้าตาตื่น ขณะที่หย่อนก้นนั่งเบียดระหว่างเดอลากับนกแก้ว

    “อีหลีบ่หญิง? ” นกแก้วรีบถามกรีนนี่เพื่อความแน่ใจ น้ำเสียงตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะนกแก้วชอบร้องหมอลำเอามาก ๆ นกแก้วฝันว่าวันนึงจะไปขอสมัครเข้าเป็นหมอลำในวง “คำก้อนดอนผักหวาน" ให้ได้

    “ฉันสิตั๋วเฮ็ดหยังคะ มืนตาเบิ่งแนเห็นบ่นั่น!“ กรีนนี่ทำสีหน้ารำคาญนกแก้ว

    “เฮือนเธออยู่ใกล้ ไปเอาสาดมาปูหน้าฮ้านเลยหญิง!” เดอลารีบบอกให้ม่านฟ้าไปเอาเสื่อมาปูจองที่นั่ง

    “ได้เลย แต่เธอพาฉันไปเด้อ ฉันบ่ไปพุเดียวเด้ ฉันย้านผี" ม่านฟ้าขอร้องเดอลาให้ไปเป็นเพื่อน

    “ไปเหมิดหมู่หนิหล่ะ มันค่อยบ่เอาเปรียบกัน" เดอลาบอกกับเพื่อน ๆ

    ในระหว่างที่แก๊งสาวส่านัดแนะกันไปเอาเสื่อที่บ้านม่านฟ้า ก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งกินข้าวอยู่วงข้าง ๆ พวกเธอ โดยมีแสง กบและแห้ง เด็กชายทั้งสามคนนี้ค่อนข้างซน ไม่ค่อยถูกกับกลุ่มสาวส่าเท่าไหร่ เจอกันเมื่อไหร่จะชอบแกล้งกันตลอด

    และในขณะที่นั่งกินข้าวอยู่นั้น ก็แอบได้ยินเดอลาและเพื่อน ๆ นัดแนะกันจะไปเอาเสื่อที่บ้านของม่านฟ้า หนทางค่อนข้างมืด แสง กบและแห้งได้ยินอย่างนั้น ก็ไม่รีรอที่จะแอบตามไปหลอกผี กลุ่มสาวส่าทันทีเลย

    “บังแห้งมึงจ่อยก่อนหมู่ มึงปีนขึ้นไปเทิงกกบักขี้ซ้างข้างทางฮอมหน้าเฮือนอีฟ้าเด้อ" แสงออกคำสั่งเหมือนเช่นทุกครั้ง

    "กูอีกแล้วบ่ สูนั่นตั้วน่าสิขึ้นไป กูจ่อย ๆ สิหลอกหยังได้ เสียงกะบ่เป็นตะย้านคือสู" แห้งบ่นแต่ก็ยอมปีนขึ้นไปแต่โดยดี

    “ฟ่าวปีนขึ้นไป! เดี๋ยวซุมแม่หญิงสิมาฮอดก่อน" แสงเร่ง ในขณะที่มือก็ช่วยกบดันก้นแห้งให้ขึ้นไปยังต้นพลับพลา ก่อนที่จะถอยมาหลบอยู่ใต้ต้นพร้อมกับกบ

    “ถ้าฉันแน! เงิกคันไดจักบึ๊ดก่อน" ม่านฟ้าร้องบอกเพื่อน ๆ เพราะเห็นว่าแต่ละคนเริ่มเดินออกไปจากลานหน้าบ้านเธอแล้ว โดยเฉพาะกรีนนี่กับนกแก้ว ที่เดินนำไปไกลแล้ว เห็นสองคนนี้กัดกันบ่อย ๆ แต่พองานบันเทิงเข้ามา ก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทุกทีเลย

    “ฟ่าวมาหญิงฟ้า เดี๋ยวพ่อเฒ่าก้อนเพิ่นสิเต้ยก่อนเด้” เดอลาเร่งม่านฟ้า แต่สายตาไม่ยอมละจากกรีนนี่และนกแก้ว ที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

    บรู๊ว! บร๊ว!

    “หญิง! เธอได้ยินเสียงหยังบ่? ” ด้วยความหวาดกลัว กรีนนี่รีบคว้าแขนของนกแก้วเข้ามากอด

    “ดะ ดะ ได้ ได้ยินอยู่ แต่โตอย่ากำแขนเฮาแฮงหลาย เฮาเจ็บ" นกแก้วถึงจะเจ็บแขน แต่ก็ขยับตัวเข้าไปชิดกับกรีนนี่ ตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว

    บรู๊ว! บรู๊ว!

    “กรี้ด!!!” นกแก้วและกรีนนี่ร้องตกใจเสียงหลงกอดกันกลมจนลืมความเจ็บไปแล้ว

    ฮ่า..! ฮ่า..!

    แสง แห้งและกบหัวเราะจนตัวงอ ที่หลอกผีสาว ๆ ได้สำเร็จ

    “บักแสง! บักห่าขั่วมึง! ไผบอกพวกสูมาเฮ็ดผีหลอกพวกกู แน่จริงมึงมาโตต่อโตกับกูหนิ” กรีนนี่ถลกแขนเสื้อขึ้น พร้อมจะแลกหมัดกับแสงเต็มที่

    “กูมาสิย้านมึงบักเขียว!” แสงท้าตีกรีนนี่ต่อ



    “บักกบบักแห้งสูสองคนเข้ามาเลย หมู่กูบ่ย้านพวกสูดอก" กรีนนี่ประกาศก้อง พลางหันหน้าไปหานกแก้วเพื่อขอกำลังสริม แต่ทว่านกแก้ววิ่งแจ้นหนีไปก่อนแล้ว

    “อีนกแก้ว! อีห่ามึง! หนีคึบ่บอกกู!!!” กรีนนี่ร้องเหวอใจแป้วไปเยอะ

    ป้าบ!

    “โอ้ย! ไผวะมาตีหัวกู" กบลูบหัวด้วยความเจ็บ

    “กูเองบักกบ มึงกล้าดีจังได๋มาเฮ็ดผีหลอกหมู่กู” เดอลายกรองเท้าแตะดาวแท้ของเธอกำลังจะฟาดกบอีกรอบ

    “หยุดเดี๋ยวนี้อีหล่า เป็นแม่ย่าแม่หญิง มึงสู้พวกกูบ่ได้ดอก" แสงขู่ฟ่อ

    “กะลองติ๊หล่ะ สงสัยมึงจำจรเข้ฟาดหางกูบ่ได้แมนบ่ มาเข้ามาถ้าอยากกินอีก" เดอลาตั้งการ์ดมั่น

    “มันแมนบ่หล่ะหญิง ฉันตีนำบ่เป็นเด้อ" ม่านฟ้าที่กำลังหอบเสื่ออยู่ขยับเข้ามากระซิบถามเดอลา

    “เออหน่ะ! มึงเชื่อกูโลด พวกนี้มันเก่งแต่ปาก" เดอลาตอบด้วยความมั่นใจ

    ในขณะที่เด็ก ๆ กำลังจะเข้าประจันหน้ากันอยู่นั้น

    “แมนสูเป็นหยังกันเดียวหนิ ห๊ะ! อยู่นำกันเมาะ ๆ แมะ ๆ บ่ได้บ่? ” เสียงผู้ใหญ่บ้านคงร้องขู่เด็ก ๆ มาแต่ไกล

    “พ่อใหญ่คง!” เด็ก ๆ ร้องเสียงหลงพร้อมกัน เพราะรู้ดีว่าพ่อผู้ใหญ่ โหดและเข้มงวดขนาดไหนสำหรับเด็ก ๆ

    “เออ! กูเอง บอกสอนจังได๋กะบ่ฮู้จักหลาบจักจำพวกสูหนิ มา! นำก้นกูมา" ผู้ใหญ่บ้านคงเสียงเข้ม

    “เป็นนำสูเลยบักแสง บักกบ บักแห้ง” กรีนนี่ต่อว่า

    “สูคือกันนั่นหล่ะ สาสำนี้กะเอาไปบอกผู้ใหญ่บ้าน" กบบ่นพลางก้มหน้าเดินตามก้นเพื่อน ๆ ไป

    “ฉันกะนึกว่าเธอสิแลนหนีไปซื่อ ๆ ติ๊หญิง ตกใจเหมิด" กรีนนี่เดินมากระซิบนกแก้วทำเสียงอ่อย

    “ไผสิแลนหนีคะ เห็นฉันสวยจังสิฉันกะบ่ถิ่มหมู่ถิ่มพวกเด้อค่ะเด้อ" นกแก้วตอบด้วยความภูมิใจ

    “เด้อนางเด้อ เด๋อ เด๋อ นางเดอ ตึ้ง ตึ้ง! ตึ้ง ตึ้ง! ฮ่า ฮ่า” เด็ก ๆ แก๊งสาวส่าหัวเราะร่า ฮำเพลงขึ้นพร้อมกัน

    เมื่อผู้ใหญ่บ้านคงพาเด็ก ๆ มาถึงหน้าตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมและสายบัว ก็ร้องหาพ่อเฒ่าก้อนหมอลำที่จะมาลำเต้ยค่ำคืนนี้

    “เฒ่าก้อนมื่อนี้มีพนักงานเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟไนให้แล้วเด้อ อยากได้หยังกะเอิ้นใช้เอาโลดเด้อ" ผู้ใหญ่บ้านคงร้องบอกพ่อเฒ่าก้อนและคณะ

    “ฮ่า..ฮ่า.. หมอลำน้อย ๆ ข่อหล่อแข่แหล่หลายแท้น้อมื้อหนิ มา ๆ เข้ามา หาเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน ผู้เฒ่าเพิ่นจังบ่ได้เว้ายากปากเปียก" พ่อเฒ่าก้อนเรียกเด็ก ๆ ให้เข้าไปช่วยงาน ส่วนมากก็ช่วยล้างถ้วยล้างจาน หาน้ำมาเสิร์ฟให้คณะหมอลำนั่นเอง

    ทางฝั่งบ่าวเชิดเมื่อเห็นว่าพ่อเฒ่าก้อนพาคณะมาลำเต้ยให้ขนาดนี้ก็เลยคิดแผนสองต่อ ด้วยการชวนบ่าวเขื่อนไปขอร้องพ่อเฒ่าก้อนลำเต้ยเกี้ยวสาวให้

    “ฝากแนเด้อลุงก้อน เห็นหมกเห็นใจบักเขื่อนมันแน อย่าลืมเด้อลุง บอกว่ากลอนนี้จากผู้บ่าวคุ้มส่างหลวงมอบให้ผู้สาวคุ้มวัด” บ่าวเชิดขอร้องพ่อเฒ่าก้อนแทนเพื่อนเกลอที่ยืนเกาหัวแกรก ๆ ด้วยความเขินอายอยู่ด้านข้าง

    “ฮ่า..ฮ่า..ลูกหลานบ้านดอนผักหวานมันคือบ่ได้เลือดกูแนวะ เล่นสาวมันยากป่านนั้นบ่หำ ฮ่า..ฮ่า.. เอ้า ๆ เดี๋ยวลุงจัดให้” พ่อเฒ่าก้อนรับคำจะลำเต้ยเกี้ยวสาวให้

    “ขอบคุณหลาย ๆ ครับพ่อลุง” สองหนุ่มยิ้มแป้นยกมือไหว้ขอบคุณพ่อเฒ่าก้อน

    หลังจากที่ทุกคนกินข้าวปลาอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกผู้ชายก็เริ่มติดคบเพลิงรอบ ๆ ลานบ้านของตาน้อย ส่วนผู้หญิงก็ปูสื่อบริเวณลานหน้าบ้าน โดยมีตูบต่อเล้าของบ่าวเหลี่ยมกับสาวสายบัวเป็นฉากการแสดงลำเต้ยในค่ำคืนนี้

    “ป้านางหย่ำในบักขามขั่วบ่? ” บ่าวเขื่อนยื่นห่อเม็ดมะขามคั่วให้กับนางแม่ของเดอลา

    “โอ้ย! ป้าแข่วบ่ดี เอาไปให้ผู้แส่ผู้สาว ผู้เขาแข่วดีหย่ำพุ้น" นางแม่ของเดอลารู้ทันบ่าวเขื่อน ว่าอยากจะมานั่งดูลำเต้ยกับน้องสาวตน จึงโบ้ยให้ไปนั่งด้วยกัน ถึงแม้จะเป็นเวลากลางค่ำกลางคืน แต่ทั้งสองก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด

    “สอย ๆ สาวสำน้อยบ่ฮู้จักอ้ายเชิด บาดพอถึกเขาเปิดกระโปรง โอ้ อ้ายเชิดแห่งดอนผักหวาน อันนี้กะสอย …” บ่าวเชิดพูดสอยขึ้นมากลางวงของสาวต้อยสาวแดง และสาวขาวผู้หญิงที่ตัวเองรัก

    “โอ้ย!!! สอยจังสิกะอยากสอยนำคะเจ้าอยู่หวาอ้ายเชิด หล่ะงึดหล่ะง้อเนาะ คนหยังมะหลงโตเองกะดักกะด้อแท้" สาวแดงดักคอบ่าวเชิด

    “หึย! โตกะว่าบาปอ้ายคักน้อแดง อนาคตเขยเฮือนโตเด้หนิ แมนบ่ขาวน้องหล่า ฮ่า..ฮ่า..? ” บ่าวเชิดแทรกตัวลงนั่งบนเสื่อข้าง ๆ สาวขาว ที่ยิ้มหน้าบานรออยู่แล้ว

    “อ้ายเขื่อนผู้จบผู้งามป่านนี้เลายังบ่หลงโตเองคือเจ้าเลยเด้ออ้ายเชิด ลดควมมั่นใจลงจักหน่อยแน เจ้าสิหล่อเลยหล่ะ" สาวแดงยังพูดกระแนะกระแหนเชิดไม่ยอมหยุด

    “สรุปกูหล่อรึกูขี้ฮ้ายวะหมอ ฮ่า...ฮ่า..” บ่าวเชิดหันไปถามบ่าวเขื่อนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง

    “มาอ้ายเขื่อนมานั่งทางนี้ ข่อยไปเบิ่งอีแม่จักบึ๋ดก่อน ฝากไอ้ต้อยกับไอ้ขาวแนเด้อ” สาวแดงขยับลุกขึ้นเพื่อให้บ่าวเขื่อนมานั่งแทนที่

    “อ้าว! คึปล่อยกันถิ่มจังสิหล่ะแดง? ” สาวต้อยร้องตามสาวแดง แต่ไม่ทันเสียแล้ว

    "นั่งนำแนเด้อ..” บ่าวเขื่อนขยับตัวไปนั่งข้าง ๆ สาวต้อย

    “นั่งแล้วกะยังมีหน้ามาขออีก หึ๋ย!” สาวต้อยทำทีเบ้ปากประชดประชัน

    “โดนแล้วเนาะเฮาบ่ได้มานั่งเบิ่งหมอลำนำกันจังสิ” บ่าวเขื่อนเอ่ยปากถาม ส่วนมือก็เลื่อนไปกุมมือสาวต้อยไว้

    “อ้ายเขื่อน!” สาวต้อยอุทานตกใจ ที่จู่ ๆ ก็ถูกบ่าว เขื่อนกุมมือโดยไม่ทันตั้งตัว

    “อยู่ซื่อ ๆ เดี๋ยวผู้เฒ่าเห็น” บ่าวเขื่อนกระซิบ

    สาวต้อยไม่ตอบอะไร ในหัวตื้อไปหมด หมอลำพ่อเฒ่าก้อนเริ่มขึ้นแล้ว แต่สาวต้อยไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากหัวใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ มันอื้ออึงไปหมด นานแล้วจริง ๆ ที่ตนไม่ได้มีโอกาสมาใกล้ชิดกับบ่าวเขื่อน โดยเฉพาะในยามค่ำคืนเช่นนี้ ความรู้สึกอบอุ่น ตื่นเต้นมันปะปนกันไปหมด

    "ต้อย! ได้ยินอ้ายบ่? ” บ่าวเขื่อนกุมมือสาวต้อยแน่น เพื่อสะกิดให้ต้อยตอบคำถาม

    “แมนหยังก็ ข่อยบ่ได้ยิน? ” สาวต้อยถามบ่าวเขื่อนหลังจากตื่นจากภวังค์

    “โอ้ย! โตกะปล่อยให้อ้ายเว้าผู้เดียวกะเป็นเนาะ" บ่าวเขื่อนตัดพ้อ

    “หัวกะบ่ล้าน เฮ็ดคือหลาย อ้ายถามว่าอิหยังก็? ” สาวต้อยเอ่ยถาม เพราะไม่รู้ว่าบ่าวเขื่อนถามอะไร

    “อ้ายบอกว่าถ้าฟังกลอนเต้ยพ่อลุงก้อนดี ๆ เด้อ" บ่าวเขื่อนยิ้มเห็นฟันขาว

    “บ่ต้องบอกกะฟังอยู่แล้วหล่ะ ลุงก้อนเพิ่นลำม่วนขนาดนี้ ไผสิบ่ตั้งใจฟังกะเป็นบ้าแล้ว" สาวต้อยตอบ ในใจก็แอบสงสัยว่าจะมีอะไรพิเศษหรือไม่

    “เถอะหน่ะ! ตั้งใจฟังเบิ่ง นั่น! เต้ยกลอนนี้หล่ะ เพิ่นกำลังสิลำแล้ว ฟัง ๆ ” บ่าวเขื่อนบอก มือก็กำมือสาวต้อยแน่นขึ้นอีก เหมือนกลัวว่ามือน้อย ๆ ของสาวเจ้าจะหลุดหนีจากการเกาะกุมของเขา

    บ่าวเขื่อนขยับเข้าไปใกล้สาวต้อยมากขึ้น มากพอที่จะได้กลิ่นกายสาวเจ้า ที่ได้จากการประพรมแป้งหอมจนกลายเป็นกลิ่นประจำเธอไปแล้ว

    กลอนลำเต้ยของพ่อเฒ่าก้อนในค่ำคืนนี้สนุกสนาน  และมีความหมายเป็นพิเศษสำหรับบ่าวเขื่อน เพราะเขาได้ไปไหว้วานให้พ่อเฒ่าก้อนลำมอบให้สาวต้อยโดยเฉพาะ แทนความในใจของชายหนุ่มที่มีต่อสาวเจ้า  ความรักที่เริ่มงอกงามของสองหนุ่มสาวเหมือนต้นกล้าที่กำลังจะได้ฝนในเร็ว ๆ นี้แล้ว 

    ----- จบตอน -----

    แล้วพ้อกันใหม่เด้อจ้า

    ด้วยฮัก  งามดอกบัว


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in