ในต้นเดือนกรกฏาคม กลางฤดูร้อนของอิตาลี แดดและลมร้อนพัดมาเป็นระยะจนทำให้อดคิดถึงอากาศประเทศไทยไม่ได้จะต่างกันก็เพียงแค่ ไม่ชื้นจนทำให้เนื้อตัวเหนี่ยวเหนอะหนะเท่านั้น เราลงรถไฟขบวน Frecciarossa
ทุน CALCIF
ทางที่ขับมาจาก Brescia
เมื่อมาถึงแล้ว ก็ได้ฤกษ์เริ่มแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่กันซักที เราพูดคุยแนะนำตัวเองกันเป็น ภาษาอิตาเลี่ยน ด้วยสำเนียงจากนานาชาติ
ชาวคาซัคสถานที่ทักทายกันตั้งแต่ก่อนขึ้นรถบัส เล่าให้ฟังว่า ตัวเธอเพิ่งลงเครื่องมาจาก ประเทศเยอรมณีหลังจากที่ไปสอนภาษาอังกฤษให้กับลุกสาวของเพื่อนชาวเยอรมันแลกกับที่พักฟรีในเมือง Hamburg เเละปัจจุบันเธอกำลังศึกษาภาษาอิตาเลี่ยนควบคู่ไปกับภาษาอาหรับ
ชาวเซอร์เบียลงรถมาพร้อมเสื้อสีเทาหม่น พิมพ์ลายหลังสีขาวว่า Phuket ทำเอาอดเข้าไปแนะนำตัวเอง
ชายชาว รวันดา แนะนำตัวไปพลางเปิดภาพงานของเขาจากโทรศัพท์มือถือให้ดูไปพลาง ภาพเด็กยิ้มแย้ม 5-6 ภาพ
ชายชาวเปรู อายุ 40
ชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลี่ยนมาเพื่อเรียนภาษาของคุณปู่คุณย่า เขาคุ้นเคยกับภาษาท้องถิ่นซีซีเลี่ยนเป็นอย่างดีแต่กลับรู้สึกว่าภาษาอิตาเลี่ยนที่ไม่คุ้นหูนี้ยากเสียเหลือเกิน
หญิงสาวชาวอังกฤษวัยรุ่นราวคราวเดียวกันดูสนใจในความเป็นเอเชี่ยนของเราเป็นพิเศษ เธอเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์การไปbackpack และสอนภาษา ในประเทศแทบภูมิภาคเอเชี่ยหลายประเทศปัจจุบันเธอกำลังเรียนวรรณกรรมอิตาเลี่ยน ในมหาวิทยาลัยในกรุงสก๊อตแลนด์ ตบท้ายด้วยการแนะนำหนังสือภาษาอิตาเลี่ยนน่าอ่านให้เราอีก 2 เล่ม
อาจารย์ที่นั่งมากับรถบัสเป็นคนเดินนำทางเราไปยังที่พัก ทางเข้าเมืองประกอบด้วย โรงแรม 3 ดาว เล็กๆสีเหลืองออ่น ใต้โรงแรมจัดใว้เป็นระเบียงไม้สำหรับร้านอาหารริมน้ำ
อีกฝากถนนเป็นที่ตั้งของซุปเปอร์มาร์เก็ตไซส์กะทัดรัด หน้าร้านวางชั้นพลาสติกตั้งพื้นบรรจุ self tanner และ
ทางเดินเรียบทะเลสาบมีม้านั่งสีเขียวเรียงไว้เป็นระยะ สำหรับนั่งชมวิวทะเลสาบ และโคมไฟเรียงใว้ตลอดทางเพื่อส่องแสงยามค่ำคืน และเสริมภาพความงามของถนนยามช่วงวัน
เราเดินกันมาเรื่อยๆจนถึงที่พัก ที่มีชื่อว่า Palazzo Feltrinelli เป็นวิลล่า 3 ชั้นสีส้มอ่อน ติดทะเลสาบ Garda จากจุดที่เราอยู่ สามารถมองออกไปเห็นทิวทัศน์จวบไปถึงอีกฝากของทะเลสาบ ฝั่งตรงข้ามทะเลถูกล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียวเข้ม
ทางโรงเรียนจัดห้องพักให้เราที่ชั้น3 ร่วมกับเพื่อนชาวอังกฤษที่เดินคุยกันมาระหว่างทาง และเพื่อนสาวชาวรัสเซียที่จะเดินทางมาถึงในตอนเย็น บรรยากาศในห้องนอนเรียบง่าย พื้นและเฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้ ที่นอนคลุมด้วยผ้าปูสะอาดสีขาว
เพียงเดินลงมาหนึ่งชั้นก็จะเจอกับห้องเรียนคาบภาษาอิตาเลี่ยนที่จะจัดสอนกันในช่วงเช้า ของวันจันทร์
เราตื่นนอนกันประมาณ 8.30 เพื่อเรียนภาษาอิตาเลี่ยนตอน
โต๊ะอาหารพาดยาวจากฝั่งตึกออกไปฝั่งทะเลสาบเพื่อรองรับนักเรียนผู้หิวโหย 40
เราใช้เวลาพัก 4-5
ที่นี่ยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในคืนที่เราเกิดนึกมีอารมณ์สุนทรีย์เรามักจะมาเปิดเพลง ดื่มไวน์ และ nightdip กันในน้ำที่กลายเป็นสีดำสนิทยามค่ำคืน
คาบวัฒนธรรมอิตาเลี่ยนเริ่มเรียนที่ 17.00 และจบลงที่ประมาณ20.00 หลังจากนั้นก็เป็นอันให้นักเรียนได้ใช้เวลาที่เหลือแยกย้ายกันไปตามอัธยาสัย
ณ เวลานี้ ร้านบาร์หน้าเมืองที่เราเดินผ่านมาเมื่อตอนกลางวัน ได้เปลี่ยนมาขาย Spritz เครื่องดื่มคอกเทลสีส้ม ที่
หากเดินข้ามฝั่งมาจะพบกับร้านอาหารเล็กๆ ที่มีฟลอร์เต้นรำลับอยู่ที่ชั้นใต้ดิน บันไดทางลงที่เชื่อมไปด้านล่างมีเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ที่นี่เราเจอเพื่อนชาวเปรูที่กำลังครึกครื้นอยู่กับการออกท่วงท่าตามจังหวะเพลง
แต่ทว่าจุดรวมพลของเรา และเพื่อนสนิท ชาวคาซัคสถาน แม๊กซิกัน อังกฤษ กรีก และจอร์แดนนั้น อยู่ไกลจากที่นี่ไปราว 15นาทีนาที ร้านโปรดเราอยู่นอกประตูเมืองเป็นบาร์สีขาวติดชายหาดที่หนาแน่นไปด้วยหนุ่มสาวชาวท้องที่
เราทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆเจ้าของภาษา พร้อมทั้งอวดดีเสนอตัวเองเข้าแข่งขันตอบคำถามในกิจกรรมสันทนาการกลางร้านเหล้าของคืนนั้น เกมเศรษฐีภาษาอิตาเลี่ยนมาพร้อมคำถามที่ไร้ซึ่งความปรานีต่อแขกจากต่างแดน แม้นทีมอินเตอร์เนชั่นแนลของเราแปลคำถามออกทุกข้อ แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าชื่อละครที่ดาราชื่อไม่คุ้นหูแสดงนั้นมีนามว่าอย่างไร
คืนนั้นเราเดินกลับวิลล่ากันมาจวบจะเที่ยงคืนพร้อมเสียงหัวเราะที่สะท้อนไปกับตรอกถนน และตำแหน่งรองบ๋วยที่พวกเราแสนจะภาคภูมิใจ
Ps. เป็นการเล่าจากความทรงจำที่ผ่านมาหลายปีเหมือนกัน อาจจะมีข้อมูลอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ใครสนใจลองดูข้อมูลในลิ้งค์ล่ะกันนะคะ https://www.facebook.com/Calcif.Unimi/
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in