เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Number One Teacher ; #ครูอี้เองค้าบnarzissuz
(2) ครูอี้และชีสเค้ก
  • Number One Teacher

    Tag ; #ครูอี้เองค้าบ




    (2)
    ครูอี้และชีสเค้ก



                    “พี่พีทตื่นค้าบ”

     

                    ผมคิดว่าผมชูนิ้วให้น้องดูห้านิ้วแค่คิดนะ แต่จำไม่ได้หรอกว่าทำอะไรลงไป ง่วง

     

                    “ไม่ห้านาทีค้าบ จาไปโรงเรียน” เราขับรถไปลู๊กกกไม่ได้นั่งเกวียนไป ขอพี่อีกห้านาทีเถ้ออออ “จาเล่นกับครูอี้”

     

                    “....”

     

                    “ครูอี้”

     

                    “ครับๆ พี่ตื่นแล้วก็ได้” ผมดันตัวเองขึ้นจากเตียงนุ่มๆ หอมๆ ชูห้านิ้วเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเป็นสองมือเพื่อแสดงว่าพี่ยอมแล้วค้าบบบบ ผมขยี้หัวตัวเองอีกสองสามทีได้ยินเสียงฉีพูดว่า “รังนกๆ” ซ้ำไปมาแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ผมหยิบโทรศัพท์ข้างเตียงมาดูเวลา...05.15

     

                    “ฉีค้าบบนี่มันเพิ่งตีห้าเอ้งงงงงง” เสียงสูงจนจะกลายเป็นเอ๋งแล้วครับ

     

                    “ฉีจะหาครูอี้”

     

                    “เช้าขนาดนี้ครูอี้ยังไม่มาที่โรงเรียนหรอกครับ” ผมขยี้หัวตัวเองอีกครั้ง ด้วยความอยากนอน ไม่ใช่ความหงุดหงิดน้องแต่อย่างใด “ต่อให้ครูอี้เอาข้าวเช้ามากินที่โรงเรียน เราก็น่าจะไปถึงเช้าเกินไปอยู่ดี”

     

                    “กินข้าวกับครูอี้ๆ” มือผมที่กำลังขยี้หัวตัวเองอยู่โดนมือป้อมๆจับเขย่าเหมือนเป็นปีโป้เชคทันทีที่ผมพูดกับตัวเองจบ ครับ ไอ้เรื่องข้าวเช้ากับครูอี้นั่นแหละ ถ้าจะพูดกับน้องจริง ผมไม่ใช้รูปประโยคซับซ้อนขนาดนั้นแน่ๆ  “กินข้าวๆ ครูอี้ๆ” แต่เหมือนน้องจะเข้าใจว่าเราจะไปกินข้าวกับครูอี้จริงๆ ซะแล้วสิ...

     

                    “กินที่บ้านไม่ได้หรอครับ”

     

                    “ครูอี้” ฉียืนยันกร้าวขึ้นมานิดทั้งแววตา ทั้งน้ำเสียง ร้อยวันพันปีน้องถึงจะเป็นแบบนี้ซักทีล่าสุดที่เห็นคือตอนดูไลอ้อนคิงแล้วสการ์ผลักมูฟาซาตกหน้าผา “ฉีไปอาบน้ำนะคับ”

     

                    ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาอีกที 05.30 แล้ว อีก 30 นาทีผมคงแต่งตัวเสร็จบวกเวลาให้พี่น้ำเอาของกินใส่กล่องให้เราพี่น้องเอาไปกินที่โรงเรียนอีก 15 นาทีผมกับเจ้าโมจิก็จะได้ออกจากบ้านประมาณ 06.15 ไปถึงโรงเรียนอาจจะราวๆ เจ็ดโมง... ครูอี้น่าจะถึงโรงเรียนแล้วล่ะ ถ้ายังไม่ถึงก็ค่อยไปแก้ตัวกับฉีหน้างานละกัน บอกว่าครูอี้ตื่นสายเพราะเหนื่อยดูแลเด็กๆ อะไรก็ว่าไป

     

                    ผมหย่อนขาลงจากเตียง

     

                    เหตุผลที่ผมยอมไปเพราะกลัวฉีจะผลักผมตกเตียงเหมือนที่ในการ์ตูนผลักกันตกหน้าผาเพราะผิดสัญญาเท่านั้นแหละ แค่คิดยังเจ็บปวดเลย ถ้าเกิดขึ้นจริงก็ไม่ต้องไปฝึกงานที่โรงแรมแล้ว นอนเลียแผลใจอยู่ที่บ้านแทน รับผิดชอบในหน้าที่ห่วงฝึกงานขนาดนี้ ยืนยันได้เลยว่าทายาทของตระกูลตัวจริงคือนายานา นายานา

     

                    (ผมไม่ได้ดู Produce 101 หรอกนะครับ พี่น้ำเปิด แล้วผมผ่านไปเห็นบ้างบางทีต่างหาก)

     

    *

     

                    ผมถึงโรงเรียนช้ากว่าที่คาดไว้นิดหน่อยไม่ใช่เพราะรถติด แต่เพราะชูครีมที่ผมซื้อเองเมื่อวานแล้วพี่น้ำเอาใส่กล่องมาให้ผมกินกับกาแฟวันนี้ต่างหาก มันทำให้ผมคิดได้ว่าผมตั้งใจจะซื้อชีสเค้กไปฝากครูอี้เพื่อขอบคุณที่เขารบกับคุณขวัญให้ผม จริงๆ ก็อยากจะซื้อชีสเค้กหรูๆ ดีๆ ไปให้อยู่ (ไม่มีอะไรที่แพงไป ถ้ามันจะทำให้คนรักฉีของผมเพิ่มมากขึ้น) ติดที่ว่าร้านพวกนั้นมันยังไม่เปิด ผมก็เลยได้แค่ชีสเค้กร้านกาแฟมาแทน

     

                    “มาเช้าจังเลยครับ น้องฉี” เสียงจากซุ้มมานั่งหินอ่อนที่อยู่เลยประตูโรงเรียนเข้ามาหน่อยเรียกให้ผมที่มือนึงอุ้มฉีมือนึงถืออาหารเช้าหันไปมอง ครูอี้ที่ตรงหน้ามีกล่องข้าวเหมือนกันโบกมือหย็อยๆให้เราสองคน ฉีดิ้นเบาๆ เป็นเชิงให้ผมปล่อย พอผมทำตามเท่านั้นล่ะเจ้าตัวเล็กก็วิ่งเร็วจี๋จนกระเป๋าสะพายขยับขึ้นลงไปหาครูทันที “อย่าวิ่งสิครับหกล้มขึ้--- ฉี!

     

                    กล่องข้าวของครูอี้เป็นม่ายส่วนกล่องข้าวของผมกับฉีก็ลงไปกองกับพื้น เมื่อเราทั้งคู่พุ่งตัวออกไปหาก้อนกลมๆที่ฟุบอยู่บนพื้นปูนขัดเรียบ ผมที่ไปถึงตัวน้องก่อนรีบพยุงน้องขึ้นมาทันที “ฉีครับเจ็บมากไหม...”

     

                    “เจ็บ”

     

                    “เพี้ยงๆ นะครับ พื้นนิสัยไม่ดีทำฉีล้ม เดี๋ยวพี่พีทตีพ---“ ไม่ทันที่ผมจะได้ทำอย่างปากพูด มือของคนเป็นครูก็เปลี่ยนจากปัดเนื้อปัดตัวให้ฉีมาคว้ามือผมที่เงื้อค้างไว้กลางอากาศ ผมเปลี่ยนโฟกัสไปมองตาโตๆ นั้นอย่างงงๆ ครูอี้เองก็ดูตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำแต่ก็ยังมีแก่ใจอธิบาย (ด้วยเสียงปกติ) ว่า

     

                    “เดี๋ยวผมอธิบายทีหลังนะครับแต่อย่าโทษพื้น หรือตีพื้นให้ตัวเองเจ็บมือเล่นเลย” แล้วเขาก็หันไปสนใจเจ้าโมจิ “ไหน ให้ครูดูหน่อย... แค่ถลอกนิดหน่อยเอง ไม่มีเลือด เพราะงั้นเดินเองไหวใช่ไหมครับ”

     

                    ฉีเม้มปาก ดูลังเลนิดหน่อยแต่ในที่สุดก็พยักหน้า ครูอี้เลยยิ้มหวานให้อีกที –ตอนนี้ผมคิดแล้วว่าถ้าไม่เป็นครูอนุบาลครูเขาน่าจะเป็นเจ้าของสวนผึ้ง— “งั้นไปกินข้าวกันเถอะครับเดี๋ยวครูต้องไปรับเพื่อนๆ คนอื่นแล้ว”

     

                    ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบรวบกล่องข้าวที่แอ้งแม้งอยู่บนพื้นแล้วเดินตามคุณครูกับนักเรียนไป ดูท่าครูอี้จะมาถึงก่อนพวกเราได้ไม่นาน เพราะแฮมกับไข่คนในกล่องข้าวพร่องไปนิดเดียวเท่านั้น “ฉีเอาอะไรมากินครับ”

     

                    “ทูน่า ส้ม โอวันติน” จริงๆมันคือแซนด์วิชไส้ทูน่ากับส้มที่ปอกมาแล้วเรียบร้อย พร้อมโอวัลตินกล่องเล็กๆ ฉีฉวยกล่องข้าวไปจากมือผมแล้วเปิดโชว์คุณครูตัวผอมที่ทำหน้าตื่นเต้น “ครูอี้กินกับฉีได้นะคับ”

     

                    “ขอบคุณฉีมากเลยครับแต่ครูมีของครูแล้ว แล้วพี่พีทเอาอะไรมากินครับ”

     

                    ผมอ้าปากจะตอบแล้วก็ต้องหุบปากฉับเมื่อฉีพูดแจ้วๆ ขึ้นมาแทน เออ... จริงๆครูอี้เขาก็คุยกับฉีอยู่นี่เนอะ อะไรทำให้ผมคิดว่าเขาถามผมวะ... “ชูคีม...” เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วดูท่าจะคิดไม่ออกว่าอีกอย่างที่ผมหยิบติดมือมาด้วยคืออะไร ครูอี้เหล่มองผมผมเลยขยับปากบอกโดยไร้เสียงว่ากาแฟเอสเปรสโซ่ เขาพยักหน้านิดนึงเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันไปสนใจฉีอีกครั้ง “...แฟโซ่”

     

                    ผมกำลังจะหัวเราะแล้วถ้าครูอี้ไม่เหล่มองผมเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ต่างจากหนแรกด้วยเพราะมันเป็นการเหล่มองแบบดุๆ  ซึ่งผมก็คงจะกลัวนิดนึงถ้าไม่เคยเห็นครูเขาในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพู “กาแฟใช่ไหมครับ”

     

                    “คับ! กาแฟๆ นี่...” มือเล็กปล่อยกล่องข้าวตัวเองแล้วเอื้อมมาฉวยอีกอย่างไปจากมือผม “...ให้ครูอี้พี่พีทให้ เค้ก”

     

                    ผมตอบสายตางงๆ ด้วยการเกาหัวคิดว่าถ้ารวมการเกาและขยี้หัวของผมในวันนี้เข้าด้วยกันน่าเท่ากับจำนวนแขกที่เข้าโรงแรมในวันนี้แล้ว “ซื้อมาขอบคุณที่เมื่อวานครูอี้จัดการเรื่องบัตรให้น่ะครับอาจจะหน้าตาไม่สวยเพราะเมื่อกี้ผมทำตก...”

     

                    “...ผมมั่นใจว่ามันน่าจะอร่อยเหมือนเดิม ขอบคุณมากๆ นะครับ แต่ทีหลังไม่ต้องก็ได้ผมช่วยนักเรียนของผมด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว”  ปิดท้ายด้วยยิ้มเจ้าของสวนผึ้ง “ผมขอเก็บไว้กินทีหลังละกันครับ เพราะตอนนี้แค่กินแฮมกับไข่ให้หมดยังอาจจะไม่ทันรับนักเรียนคนถัดไปที่มาเลย จริงๆ ก็ควรจะเลิกกินตั้งแต่น้องฉีมาแล้ว เพราะควรจะดูแลนักเรียนให้เต็มที่ แต่นี่เพราะคุณพีทมาด้วย... ผมหิวน่ะครับ แหะๆ”

     

                    “ตามสบายเลยครับ ผม... หมายถึงฉีเขาตั้งใจมากินข้าวกับครูอยู่แล้ว เนอะ” ฉีพยักหน้าก่อนจะหยิบแซนด์วิชมากัดด้วยสีหน้ามีความสุขผิดจากทุกวัน แค่เพราะได้มากินข้าวกับครูอี้เนี่ยนะ?

     

                    ถ้าเราไม่ได้รู้จักกันแค่สองวันผมชวนครูอี้ไปอยู่บ้านแล้ว

     

                    ครูอี้กินเกือบจะหมดแล้วตอนที่นักเรียนคนที่สองโผล่มา ทันทีที่เห็นเด็กที่ตัวสูงกว่าเด็กอนุบาล 1 คนอื่นๆ เดินเข้ารั้วโรงเรียนมา ครูอี้ก็รีบปิดกล่องข้าว ยัดกลับใส่ถุงผ้าลดโลกร้อน แล้วหันมาพูดกับผม “ถ้ากินเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พาน้องไปส่งที่ห้องได้เลยนะครับ ผมต้องไปรับนักเรียนคนอื่นแล้วขอบคุณสำหรับเค้กอีกทีนะครับ”

     

                    “ครับ” ผมรับคำก่อนจะมองตามครูอี้ที่เข้าไปทักทายแม่ของเด็กยักษ์คนนั้น ดีไปที่เด็กคนนั้นยอมเดินเอง ถ้าครูอี้ต้องอุ้ม ผมว่าพรุ่งนี้ผมคงได้ซื้อ Counterpain มาฝากแทนที่จะเป็นของกินอร่อยๆ “กินเสร็จหรือยังครับ พี่จะได้ไปทำงาน... ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ จะให้ครูอี้อยู่ด้วยหรอ”

     

                    “....”

     

                    “ครูอี้ต้องไปทำงานนะครับ ถ้าอยากไปอยู่กับครูอี้ก็รีบกิน---“

     

                    “ฉีไม่ชอบเก๊า”

     

                    “ห้ะ?”

     

                    “เก๊า” ฉีชี้มือตามครูอี้กับเด็กยักษ์คนนั้น ก่อนจะหยิบโอวัลตินมาดูดทั้งๆ ที่หน้ายังบอกบุญไม่รับ ผมใช้เวลาคิดอยู่พักนึงถึงจำได้ว่าครูอี้พูดไว้เมื่อวานว่าเด็กในห้องมีชื่อมาเก๊าด้วย “ฉีอิ่มแล้วคับ”

     

                    ผมก็เลยต้องจูงน้องไปส่งที่ห้อง โดยที่ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมฉีถึงไม่ชอบน้องมาเก๊า แถมครูอี้ยังไม่ว่างมาอธิบายว่าทำไมผมถึงไม่ควรโทษและตีพื้น เพราะตอนที่ผมไปถึง ครูอี้ก็กำลังหัวหมุนกับเด็กอีก 7-8 คนที่มาถึงห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว รวมถึงน้องมาเก๊าด้วย  เอาไว้ถามทีหลังทั้งสองเรื่องก็ไม่น่าจะช้าไปหรอกมั้ง

     

                    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมหวังว่าครูอี้จะไม่ยุ่งไม่หัวหมุนเกินไป จนไม่มีเวลากินชีสเค้กของผมนะครับ

     

    *

     

                    ผมไม่เจอครูอี้ตอนไปรับฉีตอนเย็น คนที่พาฉีออกจากโซนสนามเด็กเล่นมาส่งให้ผมคือคุณขวัญ (ที่ไม่ระแวงผมแล้วหลังจากผมพาฉีกลับมาเรียนได้อย่างปลอดภัย) พอถามคุณขวัญว่าครูอี้ไปไหนเธอก็ตอบกลับมาว่าวันนี้ผู้ปกครองของนักเรียนห้อง อ.1/1 ส่วนใหญ่มารับนักเรียนไปหมดแล้ว ครูอี้เลยขอตัวกลับไปก่อน ซึ่งหมายความว่าครูอี้น่าจะมีธุระเพราะปกติแล้ว ต่อให้เหลือนักเรียนอยู่แค่คนเดียว ครูอี้ก็จะรออยู่เป็นเพื่อนนานน๊านนนนนน (เธอลากเสียงประมาณนี้จริงๆ) ครูอี้ถึงจะกลับก่อนแต่กลับก่อนที่ว่าก็คือต้องมีนักเรียนเหลืออยู่แค่ 3-4 คนเท่านั้น

     

                    ได้ยินแบบนี้แล้วก็ชื่นใจแถมยังรู้สึกว่าโชคดีมากๆ ที่ท่ามกลางสังคมที่ครูมัธยมฯ บางคนเรียกร้องให้ปรับเกณฑ์คะแนน TOEIC ให้ต่ำลง ฉีของผมก็ได้ครูคนแรกเป็นครูที่ช่างเอาใจใส่ ถ้าจะซื้อขนมไปฝากครูอี้คราวหน้าผมก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับว่ามันจะไม่เป็นไปเพื่อติดสินบนให้ครูเขารักฉีมากกว่าเด็กคนอื่นๆเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นไปเพื่อให้กำลังใจคนดีด้วย

     

                    ที่ใช้คำว่าช่างเอาใจใส่นี่ไม่เกินจริงนะครับยืนยันได้จากเสียงไลน์ที่ดังขึ้นตอนใกล้ๆ สี่ทุ่มเลย...

     

                    ครูอี้ส่งสติ๊กเกอร์หมี Brown พื้นฐานของไลน์มา ตามด้วยข้อความ

     

                    09.49pm ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าติดคำอธิบายคุณพีทเรื่องทำไมถึงไม่ให้ตีพื้น

                    09.50pm แล้วก็ติดคำขอโทษที่ผมไปทำหน้าดุใส่คุณด้วย

     

                    หมายถึงที่ผมจะขำตอนฉีพูดว่าแฟโซ่อะนะ?

     

                    09.52pm ที่ผมไม่ให้ตีพื้น หรือว่าพื้นเวลาน้องล้มน่ะครับ

                    09.54pm เพราะมันจะเป็นการปลูกฝังให้น้องโทษคนอื่น ทั้งๆ ที่จริงๆแล้วน้องล้มก็เพราะตัวน้องเอง

                    09.57pm ผมเคยอ่านเจอด้วยนะครับว่าการตกใจเกินไปเวลาเกิดเรื่องแบบนี้ก็ไม่ค่อยดี เพราะมันจะทำให้การล้มดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งๆที่ความจริงมันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว

                    09.58pm แต่ตอนนั้นผมตกใจจนลืมคิดไปน่ะครับ

     

                    ผมกลัวครูอี้จะคิดมาก ถ้าผมอ่านไม่ตอบก็เลยส่งสติ๊กเกอร์หมี Brown โอเคขยับได้ไป พร้อมกับโน้ตไว้ในหัวตัวเองว่าต่อจากนี้จะไม่ตีปูน ตีหญ้า หรือตีโซฟาอีกแล้ว และจะพยายามไม่ตกใจเกินเบอร์ด้วย

     

                    09.59pm ส่วนเรื่องที่มองดุๆ นั่น ถ้าคุณพีทหัวเราะ น้องฉีอาจจะไม่กล้าพูดคำศัพท์ใหม่ๆ

                    10.00pm แต่จะให้ดุคุณพีทต่อหน้าน้องฉี ผมก็กลัวน้องฉีจะเกลียดเอา 55555 เลยขอมองแทน

                   

                    10.00pm ฉีไม่เกลียดครูอี้หรอกครับ

                    10.01pm วันนี้ยังเล่าให้ผมฟังอยู่เลยว่าครูอี้สอนร้องเพลงหนูมาลี

                    10.01pm แถมยังเล่นเปียโนให้ตอนเด็กๆ ร้องด้วย

     

                    10.03pm ดีนะครับที่เล่าเรื่องวันนี้ให้ฟัง ไม่ใช่เรื่องเมื่อวาน

                    10.04pm เพราะเมื่อวานผมเต้นเบบี้ชาร์คกับเด็กๆ ตลกมาก 555555

     

                    ผมหลุดหัวเราะ แล้วก็ต้องงับปากตัวเองเพราะกลัวว่าก้อนกลมๆ ที่ซุกอยู่ในผ้าห่มลาย Ben10 จะตื่นเอา

     

                    ฉีไม่ได้เล่าแต่ตัวครูดันมาเล่าให้ผมฟังเองซะงั้น แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ สงสัยมัวแต่จดจ่อกับการพิมพ์จนสติอยู่ไม่ครบแน่ๆ น่าสงสารและน่าเอ็นดูคนโลว์เทคไปพร้อมๆ กันเลย

     

                    10.06pm แต่ยังไงก็ต้องขอโทษอยู่ดีแหละครับ

     

                    10.06pm ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ติดใจอะไร

                    10.07pm ถ้าครูอี้ไม่พูดถึง ผมก็จำไม่ได้ซะด้วยซ้ำ หมายถึงเรื่องมองผมนะครับส่วนเรื่องตีพื้นนั่นผมจะจำไว้แล้วก็จะพยายามไม่ทำแบบนั้นอีก

                    10.07pm #ปลาทอง2018

     

                    10.08pm 55555

                    10.09pm ไม่กวนคุณพีทแล้วครับ เผื่อพรุ่งนี้มีเรียนเช้า

                    10.09pm ทั้งเรียนทั้งดูแลน้อง เหนื่อยมากแน่ๆ พักผ่อนเยอะๆ นะครับ

                    10.10pm ชีสเค้กอร่อยมากครับ ช่วยผมประหยัดค่าข้าวเย็นด้วย

     

                    ผมพิมพ์ตอบกลับไปไม่ทันครูอี้ที่ส่งสติ๊กเกอร์ GoodNight มาหลังข้อความเกี่ยวกับชีสเค้กไม่ใช่ว่าผมพิมพ์คำว่าฝันดีช้ากว่าครูอี้ผู้โลว์เทคหาสติ๊กเกอร์นะครับ ผมแค่สองจิตสองใจ ไม่รู้ว่าจะส่งฝันดีหรือราตรีสวัสดิ์ไปต่างหาก ราตรีสวัสดิ์ก็ดู basic ไป แต่ฝันดีก็ดูสนิทไปอีก ช่างเหอะ ถ้าเขาส่งสติ๊กเกอร์ Good Night มาแล้ว อ่านไม่ตอบก็คงไม่เป็นไร ถือว่าไม่กวนเขาที่นอนไปแล้วละกัน

     

                    ก่อนผมจะกลับไปทำงานต่อ ผมก็โน้ตไว้อีก 3 อย่างในใจต่อท้ายเรื่องที่จะไม่ตีพื้นอีกถ้าเจ้าโมจิหกล้ม นั่นก็คือ หนึ่ง ถ้าไม่ให้ผมตีพื้นเวลาน้องล้ม ผมควรจะทำอะไร สอง ฉีบอกว่าฉีไม่ชอบน้องมาเก๊าครูอี้พอจะทราบไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น ผมอยากแก้ปัญหาก่อนมันจะลุกลามและทำให้น้องผมไม่อยากไปโรงเรียน และสาม ทำไมครูอี้ถึงกินชีสเค้กเป็นข้าวเย็น มันใช่เรื่องไหมน่ะ แล้วสามอย่างที่ผมเพิ่งโน้ตนี่ผมก็ต้องการคำตอบด้วย เพราะงั้นพรุ่งนี้ผมคงต้องชวนฉีไปกินข้าวเช้ากับครูอี้อีกสินะ น้องคงดีใจน่าดู

     

                    อ่อ แล้วก็ควรซื้ออย่างอื่นที่หนักท้องกว่าชีสเค้กชิ้นเดียวไปฝากด้วยเผื่อครูอี้จะกินมันแทนข้าวเย็นอีก 





    Talk.
    รู้สึกเหมือนเรื่องจะเดินไปช๊า ช้า... แต่ก็อย่างว่า นี่มันเรื่องของผู้ปกครองมือใหม่กับครูอนุบาล จะเดินชึ้บชั้บๆ เหมือนรักในวัยเรียนก็ไม่ได้ ถ้าใครรู้สึกว่ามันช้าไปก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ /โค้ง แต่ยังไงก็หวังว่าคนอ่านจะเพลินไปกับเนื้อเรื่องอยู่น้า
    มีอะไรอยากบอกก็ทิ้งไว้ในแท็ก #ครูอี้เองค้าบ นะคะ เราจะแอบไปส่อง ฮิ
    เจอกันตอนหน้า (ที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเกี่ยวกับขนมอะไร) ค่าาาา

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in