'สะบายดี'
พนักงานสาวกล่าวทักทายเป็นภาษาถิ่น เธอเดินมาเก็บตั๋วโดยสาร พร้อมกับบอกเราว่า บนรถมีบริการ Free Wi-Fi ด้วยนะ
ตรงเวลาที่รถเคลื่อนออกจากหน้าอาคารผู้โดยสารไปช้าๆ แต่เสียงร้องภายในใจฉันกลับดังขึ้นเรื่อยๆ จากสายตาที่มองเห็นผู้คน บ้านเรือน รวมไปถึงร้านรวงที่ติดป้ายภาษาลาว เรียงรายอยู่ฝั่งถนน
มาถึงจริงๆแล้วสินะ...
การเดินทางให้ความรู้สึกเช่นนี้เสมอ
A4 ... Next A5 ... เสียงพนักงานสาวบอกระยะของป้ายให้ผู้โดยสารเตรียมตัวลง
ฝรั่งร่างใหญ่ 2 คนลุกจากที่นั่งฝั่งซ้ายของเรา ไปยืนที่ประตู ฉันได้ยินเสียงพวกเขาพุดคุยกันตลอดทาง มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมองตามเขาก้าวลงจากรถ ทั้งสองโบกมือให้กัน ก่อนจะหันหลังเดินไปคนละทาง
นึกว่าเขามาด้วยกันซะอีก...
ประตูปิดลง รถออกเคลื่อนอีกครั้ง แต่ไม่ทันไร ก็ต้องจอดและเปิดประตูอีกครั้ง
passport !!! passport !!!
เพื่อนร่วมทางสะกิดให้ฉันดูพาสปอตสีน้ำเงินที่นอนอยู่บนเก้าอี้ สัญชาตญาณบอกทันทีว่า ถ้าไม่มีพาสปอร์ต พวกเขาต้องแย่แน่ๆ
เราช่วยกันส่งเสียงบอกพนักงานว่ามีคนลืมพาสปอร์ต เธอสั่งให้คนขับหยุดรถทันที
แล้วพาสปอร์ตเล่มนี้เป็นของใคร ?
ไวกว่าความคิดของฉัน ชายที่มีผ้าพันคออาสาที่จะนำพาสปอร์ตเล่มนี้ไปส่งให้ถึงมือเจ้าของ เขาวิ่งลงไป และเมื่อเขากลับมา เผยให้เห็นรอยยิ้มของทุกคนบนรถ ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก
Next ... A6 เหตุการณ์บนรถกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ฉันหยิบแผนที่เดินรถขึ้นมาดูอีกครั้ง เราจะลงที่ A6 Nam Phu หรือ น้ำพุ ด้วยเหตุผลว่าแถวนี้มีที่พักให้เลือกค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังสะดวกต่อการหารถไปวังเวียงอีกด้วย
เราเดินตาม Google maps หาที่พักตามลิสต์ที่รวบรวมมาจากชาวเน็ต แต่กลับเต็มไปซะก่อน เราเดินวนถามอยู่หลายที่ เจอทั้งที่ราคาดีแต่ไม่ว่าง ที่มีห้องว่างก็กลับราคาสูงเกินงบ
เดินอยู่นานจนท้องเริ่มส่งเสียง ในที่สุดก็ได้เจอกับ Manorom Boutique ในราคา 850 บาท เป็นอันสบายใจว่า คืนแรกมีที่ซุกตัวนอนแล้ว
จ่ายเงิน รับคีย์การ์ด รีีบเก็บข้าวของแล้วออกไปดูเมืองเวียงจันทน์ดีกว่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in