เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกระหว่างทางppaknm
บันทึกระหว่างทาง เวียงจันทน์ - วังเวียง (1) ฉบับ #คนว่างงาน2018
  • ถ้าการเดินทางทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น
    การเขียนคงเป็นการทบทวนความรู้สึกนึกคิด

    หลังจากว่างงาน ฉันไม่ได้เขียนอะไรเป็นจริงเป็นจังมาสักระยะ 
    ทั้งที่ก่อนหน้านี้ การเขียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่จู่ๆ ไม่รู้ว่าเกิดกลัวอะไรขึ้นมา 
    อาจเป็นเพราะ คำถามที่ยังตอบไม่ได้ว่า นี่เป็นสิ่งที่ฉันถนัดจริงๆหรือเปล่า

    สภาวะไร้งาน ไม่ได้ทำให้ภายนอกดูว่างเปล่า มากไปกว่าความรู้สึกบางอย่างที่กัดกิน และก่อขยายขึ้นในใจ 'อยากจะหนีออกไป แค่เพียงไม่กี่วันก็ยังดี'

    อันที่จริงเรื่องเที่ยวไม่ควรอยู่ในหัวฉันด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้
      
    หมุดหมายสำคัญของการไปเยือนลาวครั้งนี้ คือ วังเวียง จะพูดว่าเป็นการไปเที่ยวลาวครั้งแรกเลยก็ได้ หากไม่นับว่าเคยมีโอกาสได้แวะเวียนเพราะงานเมื่อหลายปีก่อน

    เป็นที่มาของการเขียนแบบจริงจังอีกครั้ง กับบันทึกการเดินทาง 5 วัน เวียงจันทน์ - วังเวียง 

    จากดอนเมือง เรามาถึงสนามบินนานาชาติวัตไต ในตอนบ่ายสอง แน่นอนว่าเที่ยวรถตู้ที่จะไปวังเวียงของวันนี้หมดแล้ว เมื่อไม่ต้องรีบ เราจึงเลือกใช้บริการรถ Shuttle Bus จากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองเวียงจันทน์ 

    ค่าโดยสาร Shuttle Bus ราคา 15.000 กีบ

    'สะบายดี'

    พนักงานสาวกล่าวทักทายเป็นภาษาถิ่น เธอเดินมาเก็บตั๋วโดยสาร พร้อมกับบอกเราว่า บนรถมีบริการ Free Wi-Fi ด้วยนะ

    ตรงเวลาที่รถเคลื่อนออกจากหน้าอาคารผู้โดยสารไปช้าๆ แต่เสียงร้องภายในใจฉันกลับดังขึ้นเรื่อยๆ จากสายตาที่มองเห็นผู้คน บ้านเรือน รวมไปถึงร้านรวงที่ติดป้ายภาษาลาว เรียงรายอยู่ฝั่งถนน

    มาถึงจริงๆแล้วสินะ...

    การเดินทางให้ความรู้สึกเช่นนี้เสมอ

    A4 ... Next A5 ... เสียงพนักงานสาวบอกระยะของป้ายให้ผู้โดยสารเตรียมตัวลง 

    ฝรั่งร่างใหญ่ 2 คนลุกจากที่นั่งฝั่งซ้ายของเรา ไปยืนที่ประตู ฉันได้ยินเสียงพวกเขาพุดคุยกันตลอดทาง มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมองตามเขาก้าวลงจากรถ ทั้งสองโบกมือให้กัน ก่อนจะหันหลังเดินไปคนละทาง 

    นึกว่าเขามาด้วยกันซะอีก...

    ประตูปิดลง รถออกเคลื่อนอีกครั้ง แต่ไม่ทันไร ก็ต้องจอดและเปิดประตูอีกครั้ง


    ผู้ร่วมทางบน Shuttle Bus

    passport !!! passport !!! 

    เพื่อนร่วมทางสะกิดให้ฉันดูพาสปอตสีน้ำเงินที่นอนอยู่บนเก้าอี้ สัญชาตญาณบอกทันทีว่า ถ้าไม่มีพาสปอร์ต พวกเขาต้องแย่แน่ๆ 

    เราช่วยกันส่งเสียงบอกพนักงานว่ามีคนลืมพาสปอร์ต เธอสั่งให้คนขับหยุดรถทันที

    แล้วพาสปอร์ตเล่มนี้เป็นของใคร ?

    ไวกว่าความคิดของฉัน ชายที่มีผ้าพันคออาสาที่จะนำพาสปอร์ตเล่มนี้ไปส่งให้ถึงมือเจ้าของ เขาวิ่งลงไป และเมื่อเขากลับมา เผยให้เห็นรอยยิ้มของทุกคนบนรถ ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก 

    Next ... A6 เหตุการณ์บนรถกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง 

    ฉันหยิบแผนที่เดินรถขึ้นมาดูอีกครั้ง เราจะลงที่ A6 Nam Phu หรือ น้ำพุ ด้วยเหตุผลว่าแถวนี้มีที่พักให้เลือกค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังสะดวกต่อการหารถไปวังเวียงอีกด้วย


    บรรยากาศย่านน้ำพุ เราแอบเห็นคาเฟ่ที่อยู่ในลิสต์แล้ว

    เราเดินตาม Google maps หาที่พักตามลิสต์ที่รวบรวมมาจากชาวเน็ต แต่กลับเต็มไปซะก่อน เราเดินวนถามอยู่หลายที่ เจอทั้งที่ราคาดีแต่ไม่ว่าง ที่มีห้องว่างก็กลับราคาสูงเกินงบ

    เดินอยู่นานจนท้องเริ่มส่งเสียง ในที่สุดก็ได้เจอกับ Manorom Boutique ในราคา 850 บาท เป็นอันสบายใจว่า คืนแรกมีที่ซุกตัวนอนแล้ว 

    จ่ายเงิน รับคีย์การ์ด รีีบเก็บข้าวของแล้วออกไปดูเมืองเวียงจันทน์ดีกว่า 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in