เกรดออกปุ๊บก็ใจร้อน อยากรีวิวละเอียดๆบ้าง ซึ่งละเอียดในที่นี้ก็ไม่ได้ละเอียดหรอก (อ้าว) เหมือนจะแนะนำตัววิชาปนๆกับระบายความรู้สึกมากกว่า ฟีลลิ่งของเด็กปีหนึ่งเพิ่งได้เกรดในรั้วมหาวิทยาลัยครั้งแรกมันคุกรุ่น เขียนไปเขียนมาสัมผัสได้ถึงความขี้เกียจของตัวเอง ไม่แปลกใจเลย orz ส่วนที่บอกว่ามันเมา ก็เพราะลงมือเขียนจริงๆตอนเที่ยงคืนยาวจนตีหนึ่ง มาอีดิทตอนเช้า แบบอะไรวะเนี่ย มีแต่บ่นไร้สาระ /ทรุด เริ่มจากวิชาที่ไม่ชอบไปสู่วิชาที่ชอบแล้วกันเนอะ
1) Res Com Skills
· วิชาที่เด็กปีหนึ่งบ่นกันมากว่า น่าเบื่อ วิชาผีอะไรวะ ง่วง วันดีคืนดีเพื่อนก็ชวนโดดวิชานี้จริงๆเพิ่งเพิ่มเข้ามาในหลักสูตรบังคับปีนี้เลย ผสมระหว่างวิชา Repo เขียนรายงานกับวิชา Computer เรียนเกี่ยวกับการเขียนโครงเรื่อง ใช้เว็บ Search Engine ใช้โปรแกรม Word,Power point,Excel แบบแอดวานซ์ และการเขียนอ้างอิง เขียนบรรณานุกรม ซึ่ง! เชื่อ! เถอะ! ว่า! ไม่ต้อง! เข้าเรียน! ก็ยังได้! ๕๕๕๕ อาจารย์ให้เนื้อหาทั้งหมดที่สอนมาในเว็บ Blackboard หน้าที่เราก็คืออ่านก่อนสอบวันสองวันพอ เอาเวลาไปอ่านวิชาอื่น ข้อเสนอแนะคือ อย่าซีเรียสกับวิชานี้มาก (อ่าว)
· เกลียดความที่วิชานี้เนื้อหาเยอะ แบบฝึกหัดเยอะ แถมตรวจยิบย่อย หัก 0.5 คะแนนทีละจุดๆ สมกับเป็นวิชาของภาคสารนิเทศ ส่วนงานใหญ่ยักษ์อย่างการทำ Power point มานำเสนอ โอ้โหหหหหห แทบจะอดนอนทำ แต่คะแนนเยอะกว่าแบบฝึกหัดนิดเดียว /ปาดน้ำตา แต่เรายังโชคดี เรียนเซค 7 อ.ดวงเนตร คืออาจารย์ใจดี แจกคะแนน ช่วยติวข้อสอบ มีคอมพิวเตอร์ใช้เรียนอยู่เซคเดียวอะ
· โดยรวม เป็นวิชาที่น่าเบื่ออยู่ดี เรียน 3 ชั่วโมงด้วยหลับยาวๆ ข้อสอบไฟนอล What the fuck มาก
2) Use Thai Lang
· มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวิชาการใช้ภาษาไทย บอกได้คำเดียวว่าแม่งโคตรยากกกกกกก สำหรับเด็กปกติอย่างเราอะนะ แต่คนอื่นก็ฟาด A กันเป็นว่าเล่น ฮืออออ ทั้งที่เราก็คลุกคลีกับการขีดๆเขียนๆ แต่วิชานี้ได้ฆ่าเราตายสนิท เนื้อหาเยอะมาก ราชาศัพท์ แก้ประโยค ย่อความ สรุปความ ใช้ภาษาทางการ ตีความกลอนเรื่องสั้น บลาๆๆๆ แต่ว่ามีทั้งสอบและงาน เราเลยไปทำคะแนนกับงาน พอมาโปะๆกันได้อยู่
· เคยชอบเรียนภาษาไทย แต่นี่มันภาษาไทยผสมทักษะที่เราว่าควบคุมยาก ฝึกกันยาก ทำงานส่งไป สอบให้จบ แล้วเราได้ฝึกอะไรบ้าง? เพราะสุดท้ายสิ่งที่ได้กลับมามีแค่คะแนนกับคอมเม้นท์สั้นๆของอาจารย์ที่ก็ไม่ได้ทำให้เราอ่านจับใจความได้ดีขึ้นหรืออะไร ส่วนตัวคิดว่าบุญเก่าเท่านั้น พลังของการแถ โดยเฉพาะพวกตีความ สนุกนะตอนเรียน แต่มันจะมีความ ‘เห้ย ตีความได้ขนาดนี้เลยหรอวะ ล้ำเกินเข้าถึง’ บางอย่าง ที่บางคนก็ไม่ชอบไปเลย หรือบางบทความ เราก็สงสัยว่าอาจารย์สามารถมั่นใจใน Intention คนเขียนชัวร์ขนาดนั้นได้ยังไง? วิชานี้คือตีกับ Reasoning หนักมาก Reasoning สอนให้เราไม่ตีความไปเอง แต่ไทยแลงสอนเราตีความให้ถึงแก่น แม้จะมีสิ่งที่เรียกว่ากรอบอิสระให้เราอยู่บ้าง แต่คีย์เฉลยคือละเอียดยิบเหมือนเป็นคนเขียนกลอนหรือบทความเอง เราก็เลยแอบตงิดใจเล็กๆ ส่วนพาร์ที่โปรดปรานของเรา พาร์ทเขียนล้วนๆ พวกเรียงความ เขียนความจากหัวข้อ คิดว่าตัวเองทำได้ดีอะ คะแนนสูงแค่แบบฝึกหัดพวกนี้ ตอนสอบนี่ย่ำแย่เลยโดยเฉพาะมิดเทอม แต่ก็ยังพอไถๆไปได้มั้ง
· โดยรวม อาจารย์สอนน่าเบื่อ 3 ชั่วโมงนี้มีหลับ แบ่งเรียนห้องรวมบ้าง ห้องเล็กแยกแต่ละเซคบ้าง สลับกันไป คาบที่สนุกอยู่หลังมิดเทอมค่ะ จะได้อ่านเขียนอย่างจริงจัง อ่านโจทย์แปลกๆ อ่านบทความน่าขบคิดเยอะเลย บันเทิงดีเหมือนกัน
3) East Civ
· วิชาอารยธรรมตะวันออก แบ่งเป็นอารยธรรมอินเดียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และญี่ปุ่น ซึ่งด้วยความที่มันหลากรสมากเราเลยให้เป็นวิชาที่ชอบมากกว่าไทยแลงและเรสคอม (แต่ความกระตือรือร้นในการเรียนเท่ากับศูนย์พอกัน) ไม่ใช่การเรียนอารยธรรมแบบธรรมดาเราได้เรียนแบบลึกซึ้งมาก ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ก่อนกำเนิดไปจนถึงขอบเขตอารยธรรมนั้นๆในปัจจุบัน วิชานี้น่าตื่นเต้นตรงสอบล้วน มิดเทอม 50% ไฟนอล50% นิสิตถึงเข้าห้องเรียนรวมกันเต็ม บรรยากาศการเรียนเข้มข้น ทุกคนมาพร้อมไฮไลท์สิบแท่ง ส่วนมากอ่านหนังสือมาก่อน และอ่านสอบล่วงหน้าราวๆอาทิตย์ (หรือมากกว่านั้น แต่เราหนึ่งอาทิตย์ก็ทรมานพอแล้ว)
· อารยธรรมอินเดีย ข้อสอบตรงกับที่อ่าน ถึงจะเป็นแบบเติมคำแต่ก็ไม่ยากมาก อ่านพวก point สำคัญๆ หลักๆจนจำได้ก็พอแล้ว อารยธรรมตะวันออกเฉียงใต้ แม่งปราบเซียนนนนน เพราะเนื้อหามั่วไปหมดจ้า ยกมาทั้งอาเซียนรวมใจนั่นแหละ เรียนเจาะประวัติศาตร์ของแต่ละประเทศ เต็มไปด้วยชื่อที่จำยากตั้งแต่ภาษาพม่ายันเวียดนาม แถม Slide อ่านไม่รู้เรื่องด้วย อันนิ้มิราเคิลก่อนสอบจริงๆ อารยธรรมจีน หูยยยยยสนุก โคตรมันส์ อาจารย์วาสนาสอนเข้าถึงแก่นและอธิบายละเอียด เห็นภาพหนังสือก็แซ่บพอกันโดยเฉพาะเรื่องการเมือง ข้อสอบไม่ยากมากด้วย เราปลื้ม ส่วนอารยธรรมญี่ปุ่นนั้น เราว่าเข้าถึงยากอะ ต้องอ่านหนังสือไป วิเคราะห์ไป ตั้งใจฟังอาจารย์สอน (ซึ่งเราไม่ เนื่องด้วยไม่ชอบเสียงเค้าเป็นการส่วนตัว๕๕๕๕๕) ข้อสอบคือถ้าไม่อ่านมาละเอียด ตายยยยยยยยยยย
· โดยรวมก็คือ ไม่ชอบเรียนประวัติศาสตร์อยู่แล้ว เลยเรียนไปงั้นเอง แต่ใกล้สอบก็อ่านเป็นผีบ้า (แม้จะอ่านน้อยกว่าปีศาจในคณะทั้งหลาย) นั่งทำสรุปอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยทำ ประสบการณ์(?)
4) Theatre Workshop
· วิชาปฏิบัติงานละครเป็นวิชาที่ต้องเก็บถ้าอยากเรียนเอกหรือโทละคร เราชอบเลยแหละปีนี้เราได้รุ่นพี่จากนิเทศศาตร์ จุฬา มาสอน พี่เค้าใจดีมากเว่ออออ ให้เราได้ลงมือคิด เขียน ทำอะไรหลายอย่าง ในด้านของการ PR โปรโมทแบรนด์สินค้า และละคร ได้เรียนเกี่ยวกับจิตวิทยาการโน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมาย หรือวิเคราะห์ลูกค้าเพื่อทำการตลาดอะไรพวกนี้ด้วยนะ มีประโยชน์สุดๆ
· Anyway งานหลักๆของเราก็คือการ PR ละครของภาคละครคณะอักษรศาตร์ ปีของเราได้เรื่อง ‘หลายชีวิต’ เลยต้องแบ่งกันไปทำงานจะมีทั้งฝ่าย Inner ที่โปรโมทละครภายในมหาวิทยาลัย หาพรีเซนเตอร์ ฝ่าย Media ที่ต้องติดต่อสื่อทำสูจิบัตรอะไรแบบนั้น ส่วนเราอยู่ฝ่าย Digital จะโปรโมทออนไลน์ ติดต่อสื่อออนไลน์ เขียน Content ออนไลน์ลงตามโซเชียลเป็นต้น ชอบที่สุดคือวันที่ละครเล่นจริง เราต้องไปต้อนรับหน้าโรงละคร (และได้แอบแง้มๆดูละครด้วยถ้าทำงานด้านในโรง) อยู่ดึกก็จริงแต่ได้ประสบการณ์เยอะ อ้อ นอกจากนี้เราจะได้รู้จักพี่ๆเอกละครหลายคน ช่วงปิดเทอมก็ไปช่วยเค้าทำแหวกม่านบ้าง ได้ลองเป็น Stage Crew จริงๆ เปลี่ยนฉากจริง ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเช่นกัน
· สรุปก็คือชอบวิชานี้ เราได้ทำงานจริงอะได้เรียนอะไรที่ต่างไปจากความอักษร และได้ประสบการณ์การทำงานร่วมกับคนอื่นๆ การพูดคุยกับสื่อต่างๆ กลับมาด้วย เรา Handle กับปัญหาได้ดีขึ้น มีข้อเสียคืออาจารย์ดุเล็กน้อยถึงปานกลาง เวลาทำงานต้อง Concentrate ค่ะไม่งั้นโดน๕๕๕๕ แต่เป็นวิชาแจก A ที่แท้จริงงงง
5) Italian I
· Ciao! Come va? Mi chiamo Ginevra (อวดชื่ออิตาเลียนแป๊บ) Ho 19 anni. Abito a Bangkok. Sono tailandese. Mi piace andare al cinema…/ เฮ้ย พอ!! เอาเป็นว่าก็เรียนประมาณนี้แหละ Conversation ภาษาอิตาเลียนกับครูชาวอิตาลี (เราได้เรียนกับ Claudio ตลก ใจดี น่ารักมากๆ) ได้เรียนไวยากรณ์เบื้องต้น พวก Verb และ Tense กับครูก้า ได้ฝึกเขียน Compo อิตาเลียน และหนังสืออ่านนอกเวลา 2 เรื่อง นับว่าโหดเหมือนกันสำหรับการเรียนภาษาที่ 3 แบบเริ่มต้นใหม่หมด
· เรามีควิซเกือบทุปสัปดาห์ จำศัพท์เยอะมาก เรียนจาก Textbook 2 เล่มมั้งนะ แล้วก็ต้องอ่านนอกเวลาไปสอบอีก เวลาสอบก็จะแบ่งออกเป็น 3 วัน สอบทีละอย่างๆไป ครูก้าซีเรียสมากนะเธอว์ เห็นเขาสอนสนุกเฮฮาทุกคาบแบบนั้น สอบเป็นสอบ เนื้อหาต้องเป๊ะ ในขณะที่คาบคอนเวอร์บรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง ได้พูดอิตาเลียนจุใจเพราะเค้าจะเรียกออกไปบ้าง ถามตอบบ้าง ต้องสอบบทสนทนาเป็นคู่หรือทริปเปิลด้วยตอนไฟนอล แต่ก็ล้วนผ่านมาด้วยดี สนุกสนาน อย่างน้อยๆทุกคนก็น่าจะไปเที่ยวอิตาลีและพูดได้บ้าง (แต่ฟังออกไหมนี่อีกเรื่อง เค้าพูดรัวโคตรรรร)
· โดยรวม ชอบมากกกกก เป็นภาษาที่ถูกจริต ออกเสียงแล้วมันน่ารักอะ พูดไปพูดมาก็จะติดใจ จนเลิกพูดไม่ได้เอง ถึงแม้จะมีงาน มีควิซ มีสอบเยอะแยะ แต่ไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน แค่ตั้งใจอ่านตั้งใจทบทวน ควิซช่วยปูทางให้เราสอบได้คะแนนดี และใช้ภาษาอิตาเลียนได้ในระดับเบสิค ไปๆมาๆก็หลงรักภาษานี้ไปเลย
6) Eng I
· วิชานี้จะมีความหลากหลายฟีลลิ่งมาก เพราะเซคเปลี่ยน อาจารย์เปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยนเลยจริงๆนะหล่อนนนน อาจารย์แต่ละท่านจะมีวิธีการสอนแตกต่างกันมาก เราจะได้เจอวิชานี้บ่อยสุดในตาราง มีถึงสามวัน เรียนไปเรียนมาก็จะสนิทกับเพื่อนในเซคไปเอง เรียนทุกอย่าง ฟัง พูด อ่าน เขียน สอบเกือบล้วน มีคะแนนงานโปรเจค ความประพฤติ กับพรีเซ้นมาช่วยเท่านั้นเอง ดังนั้นตัวใครตัวมันเลยค่ะ กินบุญเก่า
· สำหรับเรา จริงๆเรียนศิลป์อังกฤษมาเลยผ่านไปได้โดยไม่ซัฟเฟอร์นัก แต่ก็ใช่ว่ามันไม่ยากนะ เป็นภาษาอังกฤษที่มีความแอดวานซ์อยู่อะ โดยเฉพาะ Reading และ Writing ที่เรารู้สึกว่าอีสองตัวนี้ช่างรังควานชีวิต ที่น่ากลัวที่สุดคือวิชานี้แข่งขันสูง แต่ละเซคมีตั้งแต่คะแนนเกือบเต็มไปจนถึงหวิดตก แล้วรู้กันดีว่าภาคอังกฤษไม่ชอบแจก A จึงมีแต่ระดับท็อปแล้วอะที่จะได้ ไปไม่ถึงแต่ไม่เสียใจเลยนะ เราเอนจอยกับอิ๊งวันมาก เราได้ครูดี อาจารย์นิภาพร เซค 2 คือใจดี น่ารัก เป็นกันเอง เขาเปิดโอกาสให้ Discuss คู่บ้างกลุ่มบ้าง ทั้งห้องบ้าง และเล่นเกมบ่อยอะ เป็นคาบที่มีความสุข ตอนเรียนไม่ต้องคิดเรื่องคะแนนจะดีไหม คิดแต่ว่าวันนี้เรียนอะไร ทักษะต่างๆก็ฝึกไปเองตามธรรมชาติ
· สรุป น้องรักวิชานี้ค่า T v T เป็นอะไรที่เรียนแล้วแฮปปี้ จะมีคาบที่เบื่อบ้างง่วงบ้าง วิชานี้เรียนเช้า และต้องเรียน Textbook ที่ก็คงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากใช่ไหมล่ะ แต่อาจารย์นิทำให้เราประทับใจมากๆ เห็นความทุ่มเทในการสอนและห่วงใยนิสิตทุกคนจริงๆ อยากเรียนด้วยอีกจัง อ้อ หนังสืออ่านนอกเวลา! เราชอบ! รออ่านหนังสืออ่านนอกเวลาเทอมสองเลยยยยยยย
7) Intro Drama Arts
· มันยากที่จะตัดสินว่าชอบวิชาไหนมากกว่ากันระหว่างอิ๊งวันกับอินโทรดราม แต่ก็ให้อินโทรดรามมากกว่านิดนึง เพราะส่วนตัวชอบเรียนอะไรด้านนี้ ประเภทละคร วิจารณ์ละครภาพยนตร์ แนวทางการนำเสนอละคร การละครเอเชีย แสงสีเสียง การกำกับ ฯลฯ ในคาบอาจารย์จะเปิดละครและหนังให้ดูแบบจุใจ เสร็จแล้วก็มาวิเคราะห์หรือคุยกันในสิ่งที่ดูไปและยังกำหนดละครหรือหนังให้ไปดูมาเขียนตอบในข้อสอบ ซึ่งบอกตรงๆว่าชอบ แนวถนัดมากกกกกกกกกกก
· บรรยากาศการเรียนดีที่สุดในบรรดาวิชาเรียนรวม อาจารย์เอกละครสอนสนุกมากเลย ประทับใจ สอนสนุกทุกคนจริงๆ ครูบูม ครูป้อม ครูจารุณี ฯลฯ แม้แต่ครูหนิงที่ขึ้นชื่อว่าโหดตัวแม่ ก็สอนเก่งอะ สัมผัสได้ถึงออร่าความรู้ลึก รู้จริง ลงมือทำจริงของอาจารย์ทุกท่าน เวลาเรียนคาบนี้หลุดเข้าไปประหนึ่งมี Fourth Wall ขวางกั้น ฮืออออออ ความดีงามยังไม่จบ ข้อสอบแม้จะยากโคตรพ่อโคตรแม่ในตอนมิดเทอม แต่ไฟนอลข้อสอบโคตรเพลินนนนน เขียนกันจนหมดเวลา อาจารย์จะชอบยกสถานการณ์สมมุติมาออกสอบ ให้จับคู่บ้าง เขียนตอบความหมายของคำบ้าง เขียนวิเคราะห์บ้าง สลับกันไปในแต่ละพาร์ท สนุกดีส่วนมิดเทอมข้อสอบจะยากในส่วนของต้องอ่านเยอะจำเยอะกว่า โดยเฉพาะขั้นตอนการกำกับละคร 44 ขั้นตอน ที่ต้องจำแบบ literally จำอะ ไม่จำเป๊ะๆทำไม่ได้นะ orz
· วิชานี้เรียนผ่อนคลาย เหมาะกับบ่ายวันศุกร์จริงๆ อยากให้มีอีกทุกเทอมเลยแต่เป็นไปไม่ได้ ฮ่อลลล และได้เปลี่ยนการดูหนังดูละครของเราไปตลอดกาล จะคิดลึกคิดล้ำราวกำลังดูละคร Absurd ไปอีก แต่เชื่อเถอะว่าคุ้ม
8) Reasoning
· แค่เขียนชื่อวิชานี้ก็ขนลุกไปหมดแล้วค่ะ orz ขอออกปากก่อนว่าวิชานี้แล้วแต่เซค และเซคเราก็เรียนทรหดมากๆ (เซค 1 อาจารย์วศิน) แต่ก็ยังอุตส่าห์เป็นวิชาที่ชอบที่สุดซะได้ อย่าว่าแต่เพื่อนงง นี่ก็งง แต่ยังยืนยันคำเดิมว่าพีคกับวิชานี้ม้ากมาก ทั้งๆที่เด็กอักษรหลายคนบอกเลยว่าวิชาการใช้เหตุผลน่ะหรอ? เกลียดมานนน วิชานี้ตามชื่อเลย เหมือนเรียนวิเคราะห์การอ้างเหตุผลทั่วๆไป ทั้งแบบ Deductive และ Inductive สำหรับเซคเราน่ะนะ จะมีวิธีการหาว่าเหตุผลพวกนี้ Valid หรือ Invalid ส่วนไฟนอลเราจะดูเนื้อหาของการอ้างเหตุผลเป็นส่วนใหญ่ว่ามีน้ำหนักมากหรือน้อย และส่วนที่สนุกที่สุดก็คือเหตุผลวิบัติหรือ fallacy ที่จะแบ่งเป็นหลายประเภท หน้าที่เราคือแยกให้ออกว่าการอ้างเหตุผลนี้ผิดพลาดตามตรรกะอย่างไร มีให้เขียนเรียงความแนว Argumentative สำหรับประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงในสังคมด้วย
· ในส่วนของการเรียนการสอนในเซคนั้น… เซคนี้เรียนโหดเหี้ยมมาก ควิซ(ยังดีไม่เก็บคะแนน) ทุกอาทิตย์ เขียน reflective learning journal ส่งทุกสัปดาห์ (ประมาณว่าการเรียนวีคนี้พัฒนาเรายังไงมีข้อบกพร่องตรงไหนบลาๆๆ) มีวีดิโอให้ไปดู แต่ละหัวข้อความยาวคลิปนึงชั่วโมงสองชั่วโมงทั้งนั้น ไม่ดูก็ได้นะ อาจารย์ชอบบอก แต่ดูเถอะ ถ้ากลัว F ;_; ในคาบเราเน้น Discuss ส่วนเนื้อหาที่เรียนก็จะเยอะกว่าเซคอื่น อันนี้ฟันธง 1000% เราจะต้องเรียนจาก Textbook ภาษาอังกฤษล้วน ชื่อ An introduction to logic สอบเป็นช้อยส์ ซึ่งก็ยากมาก orz เพราะข้อสอบอาจารย์วศินเน้นให้สถานการณ์ในชีวิตจริงมา ซึ่งรวมไปถึงภาษากวนประสาทแบบเฟสบุ๊ค แม้แต่มุกควายๆ Buffalo gang เราก็ต้องวิเคราะห์ว่า Valid มั้ย orz ข้อสอบเน้นการหลอกซ้ำหลอกซ้อนจนเรางงในงง หลังสอบเอาข้อสอบมาค้านเค้าได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาหรอก ๕๕๕๕ พอคะแนนเซคต่ำ อาจารย์ก็จะแก้ปัญหา (เรียกว่าช่วยเรามั้ง?) โดยการโยนงานมาเพิ่ม เช่น เฉลยข้อสอบแบบละเอียด อ่าน Text แยก hypothesis วิเคราะห์ Fallacy ใน Facebook และปิดท้ายด้วยเรียงความ อาจารย์ตรวจงานโหดอยู่นะ คือต้องเข้าใขว่าอาจารย์อยากได้อะไร อยากได้แบบ well-organized ก็เขียนๆให้เค้าไป เค้ามีตัวอย่างให้อ่าน มีไฟล์สอนเขียนเรียงความอยู่แหละ
· ดังนั้นมันเป็นเรื่องจริงที่รีซันนิ่งเซคอาจารย์วศิน โหด งานเยอะ สอบยาก ถ้ามาแบบจะคว้า A เปลี่ยนเซคเถอะ จะได้ไม่ทรมาน (ถ้าเซคอื่นไม่เต็มน่ะนะ เพราะเซคนี้มีแต่คนย้ายหนี๕๕๕) แต่! แต่ในบรรดานิสิตที่ซัฟเฟอร์ ก็จะมีแบบเราอยู่นะ ที่ชอบการเรียนกับเค้ามากๆ เรียกได้ว่ามากกว่าอาจารย์ทั้งหมดเลยสำหรับเรา อาจารย์วศินสอนสนุกเว่ย สนุกมากกกกกก เค้าจะมีมุกแป้กๆเล่นแล้วเด็กไม่เคยขำมาอวดด้วยความภูมิใจ มีความติสท์ มีความตรง มีความคิดอะไรเป็นตรรกะไปเสียหมด ที่เรามองว่า ตลกดี ฮือ เรียนแล้วขำทุกคาบเลย๕๕๕๕๕๕๕ เห็นโหดงี้เค้าก็ใจดีในแบบของเค้า ให้คะแนนตามจริง ทำดีก็ได้ดี (ที่ไม่ใช่ D) เห็นคะแนนน้อยก็หาคะแนนมาเพิ่มให้ ที่สำคัญ เค้าเป็นตัวอย่างการเรียนการสอนแบบต่างประเทศเลยนะ คือเปิดกว้างรับทุกความคิด แล้วเน้นให้เราต่อยอดเอง ประยุกต์เอง หาคำตอบให้ตัวเองมากกว่าเชื่อสิ่งที่สอนตามๆกันมา หรือแม้แต่ที่เค้าสอน จะเห็นความทุ่มเทขยันทำงาน ต่างๆของอาจารย์ได้เลย แต่ว่าก็ทำให้งานออกมาช้า เลทเกินเดดไลน์ที่คุยกันไว้ทุกที (แซะอ่อน)
· สรุปแล้วคือเราถูกชะตากับการเรียนกับเค้า ได้อะไรเยอะมากๆ เหมือนได้หันมองการใช้เหตุผลของตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น มองโลกในมุมที่กว้างขึ้น เราได้ฝึกตัวเองทั้งในแง่วิชาและในแง่ของความคิดอ่าน และรู้สึกว่าเป็นการเรียนที่สัมฤทธิ์ผล และเราก็มี Passion กับมันจริงๆตอนเรียน คือไม่คิดว่าเรียนนานเลย 3 ชั่วโมงเท่ากับอีสซิฟเรสคอมไทยแลงเนี่ย มีความมั่นใจในการเถียงใครมากขึ้น แต่ก็ยังต้องศึกษากันต่อไป เพราะเดี๋ยว fallacy เองแล้วจะอายเอง แงงงงง แนะนำให้เรียนเซคนี้อยู่นะ ถึงจะด่าทุกอาทิตย์ แต่ก็รักวิชานี้ รักเซคนี้ ยืนยันมาก ไม่แคร์เสียงต่อต้านของสังคม ปล.อาจารย์โคตรเปย์ เป็นเซคอยู่ดีกินดี กะจะลงเจนฟิลอสกับอาจารย์ ได้เรียนเซคในตำนานถึง 2 ครั้งนับว่าชีวิตอักษรคอมพลีท
ชีวิตการเรียนเทอมแรกก็ผ่านไปอย่างสาหัสเอาควร แต่พอไฟนอลนี่เทมากกว่าอ่านนะ คิดว่าเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว เอาจริงวิชาที่อักษรคือสนุกสนาน ถูกจริตเรามาก แต่แค่เกณฑ์ต่างๆโหด เพื่อนในคณะก็เหี้ยม ถ้าไม่กระตุ้นตัวเองให้มากขึ้น มีหวังตกมีน ติดเอฟ บลาๆๆๆๆ ทุกวันนี้ก็จะเกาะชายขอบไปเรื่อยๆ T v T สู้ๆละกันทุกคน
- ilysm.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in