It's only 5 days into the new year and I already fucked up my 2018
ยังไม่พ้นหนึ่งอาทิตย์เลย เพิ่งวันที่ 5 ของศักราชใหม่เอง เราก็ทำปีนี้แย่ซะแล้ว
เราเป็นคนคิดมาก ไม่ใช่แค่มากธรรมดา มาก ๆ เลยแหละ แล้วเราก็รู้ด้วยว่ามันทำให้ชีวิตเราแย่แค่ไหน แต่ก็แปลกที่ว่าถึงแม้เราจะเป็นคนแบบนั้น แต่เราก็พยายามที่จะทำความเข้าใจกับทุกอย่างบนโลกนี้อยู่เหมือนกันว่ามันมีเหตุผลรองรับ ทุก ๆ คนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง ทุก ๆ เหตุการณ์มีที่มาและที่ไปของมัน
แต่ที่แย่ก็คือ คนใจร้ายคนหนึ่ง — คนที่ทำให้ปีนี้ของเราแย่ตั้งแต่วันที่หนึ่งมาจนถึงวันนี้ — เขาบอกกับเราว่า ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปเข้าใจโลกเลย สนใจแค่รอบข้างตัวเองก็พอแล้ว ซึ่งเราก็เห็นด้วยกับความคิดเขานะ แต่ติดตรงที่ว่า โลกที่เราหมายถึงมันรวมถึงตัวเขาด้วยนี่ล่ะสิ
เราเคยคิดว่าเราเข้าใจเขาในระดับหนึ่ง แต่พอถึงวันนี้แล้ว เราก็ได้รู้ว่าไม่ใช่เลย มุมนี้ของเขา ด้านนี้ของเขา ไม่ใช่อะไรที่เราจะทำความเข้าใจได้เลย
เราไม่ชอบคนงี่เง่า เราไม่เคยเข้าใจพวกคนประเภทที่ทำตัวงี่เง่า จนกระทั่งการกระทำของคนใจร้ายคนนี้มันทำให้เราอยากงี่เง่าซะเอง เราอยากเรียกร้อง เราอยากวอแว เราอยากให้เขาทำให้เรามั่นใจมากกว่านี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเราสำคัญมากกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละนะ มันยิ่งทำให้เราสมเพชตัวเองเข้าไปทุกที
นี่เราต้องมาเรียกร้องความรักจากคนที่สมควรจะมอบความรักให้เราด้วยเหรอ?
ต่อให้เขาหายไปทั้งวัน แล้วกลับมาบอกว่านอน เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เขามีเหตุผลไง เขาไปนอน เราก็รู้แล้วว่าเขาไปทำอะไรมา เขาหายไปไหนมา ตื่นแล้วค่อยมาคุยกันก็ได้ หรือถ้าบอกว่าจะไปเล่นเกม แล้วหายไปครึ่งวัน เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เรารู้เหตุผลที่หายไปแล้วไง
แต่ ณ วันนี้มันไม่ใช่
เราว่าเราไม่ได้เรียกร้องอะไรมากนะกับความสัมพันธ์นี้ เราไม่ใช่ฝ่ายที่จะเรียกร้องอะไรมากมายอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ใช่คนอย่างนั้นด้วย ถ้าเขาน่ารักกับเรา วันนั้นก็จะเป็นวันที่เรามีความสุขมากหน่อย แต่ถ้าวันไหนมันเฉย ๆ เราก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ ไม่ใช่ว่าต้องบอกรักหรือบอกคิดถึงทุกวัน แต่อย่างน้อยเราก็แค่อยากรู้ว่าในวันวันนึงคุณเป็นยังไงบ้าง ได้เจออะไรดี ๆ บ้างไหม หรือมีเรื่องอะไรแย่ ๆ รึเปล่า มีอะไรอยากเล่าไหม หรือหายไปไหนมา
เราคิดถึง
เราเป็นห่วง
เรารู้แล้วแหละว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ความสัมพันธ์นี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่เราก็พยายามที่จะประคับประคองมันนะ เราพยายามจะรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด แต่เราเหนื่อย มันเหมือนเราพยายามอยู่ฝ่ายเดียว
หลายอย่างที่เขาเคยบอก หรือเคยพูด เขาเองจำมันได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เรานึกถึงได้อยู่ตลอดนะ
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเขิน อาย หรือสมเพชต่อตัวเอง ที่แต่ก่อนเคยรู้สึกเหนือกว่าใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนเก่า ๆ ของเขา คิดว่าเราจะไม่เป็นแบบนั้น เราจะไม่จบลงแบบนั้น แต่ดูวันนี้สิ น่าสมน้ำหน้าตัวเองที่เคยทำตัวผยอง
อันที่จริงเขาก็รู้นะ เขารู้ว่าเราจะรู้สึกยังไง เขารู้ว่าเราไม่โอเค แล้วเราก็บอกไปแล้ว ถามไปแล้ว แต่เขาก็ยังทำตัวแบบเดิม คิดว่าต่อให้ทำตัวแย่แค่ไหน เราก็ยังอยู่ตรงนี้
ก็ใช่
ถ้าเป็นเมื่อก่อน
เราไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรมากมายนะ ไม่อยากงี่เง่าด้วย แต่ถ้าถึงขนาดนี้ก็ไม่ใช่แล้วล่ะ ทำไมความรักถึงต้องอดทน ต้องพยายามขนาดนี้ด้วยล่ะ มันไม่ใช่สักหน่อย มันต้องไม่ใช่แบบนี้
เราไม่เคยนึกภาพที่ตัวเองเป็นฝ่ายเดินออกจากชีวิตของเขาออกเลย ไม่เลยสักนิด พอไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ถามเรากลับมาว่า มันต้องแย่แค่ไหนถึงทำให้คนที่ไม่เคยคิดจบความสัมพันธ์กลับมาคิดเรื่องนี้ได้ และประโยคที่ว่า เออ นั่นสิ ก็ผุดขึ้นมาในหัวเป็นการตอบคำถาม
เราบอกเพื่อนด้วยซ้ำว่าถ้าความสัมพันธ์นี้ต้องยุติลง มันไม่ใช่เพราะเราซึ่งเป็นฝ่ายเดินออกมาเลย เราพยายามจะพูดคุยแล้ว พยายามลองปรับแล้ว อดทนจนไม่รู้จะทนยังไง ตอนแรกเราก็คิดนะ ว่าหรือเราจะรอให้เขาโตกว่านี้ รอจนเขาตระหนักได้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังทำร้ายคนที่รักเขาอยู่ แต่กว่าจะถึงวันนั้น เราคิดว่าเราอาจจะไม่ไหว
วันที่ 31 ธันวาคม — วันสิ้นปี — เราบอกกับตัวเองว่าเราจะไม่คิดมากแล้ว เราบอกกับตัวเองว่าเขาคงมีเหตุผลของเขาที่ทำตัวแบบนี้ แต่ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวว่า ถ้าเขารักเราจริง เขาต้องไม่ทำอย่างนี้สิ เขาต้องไม่ทำให้เราเสียใจทั้ง ๆ ที่รู้แบบนี้สิ เขาต้องใส่ใจความรู้สึกเรามากกว่านี้สิ อะไรก็ได้ รับผิดชอบต่อหัวใจที่เรายกให้หน่อย แต่ก็ไม่เลย เขาไม่ได้ทำแบบนั้น
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่เราก็อดทนต่อนะ เราบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก หาอะไรทำให้ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นอย่างนี้ทุกวันจนเหมือนจะเป็นบ้า ร้องไห้ เล่นเกม ร้องไห้ ฟังเพลง ร้องไห้ ดูซีรีส์ ร้องไห้ คุยกับเพื่อน จนกระทั่งวันนี้ — วันที่ 5 — วันที่ความคิดที่ว่าเราอยากจะเดินออกจากชีวิตของเขามันผุดขึ้นมาในหัว เราโทรหาเพื่อนหลายคนมากเพื่อที่จะปรึกษา (จริง ๆ เราโทรปรึกษาเพื่อนเรื่องการกระทำของเขามาเรื่อย ๆ ตั้งแต่วันคริสต์มาสแล้ว เพราะเราเครียดมากจริง ๆ แค่ความคิดนี้มันยังไม่เกิดขึ้นมา) เราเล่าทุกอย่างที่เราเจอและที่เราคิดให้เพื่อนฟัง ปรึกษาว่าจะเอายังไงต่อไปดี จนกระทั่งเพื่อนคนนึงเตือนสติเราว่า
ตอนจะคบกันไม่เห็นต้องถามใครเลย ตอนจะเลิกกันทำไมถึงเอาแต่ถามจากคนอื่นล่ะ
ซึ่งนั่นก็ถูกของเพื่อน แต่เพราะอันที่จริงแล้วเราไม่อยากเลิกไง ทั้งความทรงจำ ทั้งอนาคตที่เคยคิดว่าจะทำอะไรด้วยกัน แม้กระทั่งถ้ามีบ้านสักหลัง เราก็ยังคิดเลยว่าต้องมีเขาอยู่กับเราข้าง ๆ กัน แล้วเราจะทำใจตัดจบความสัมพันธ์นี้ลงได้ยังไง
จนถึงตอนนี้ เวลานี้ เวลาที่เรากำลังพิมพ์เรื่องราวทั้งหมดนี้อยู่ เราก็ยังไม่มีความกล้าที่จะทำแบบนั้น เรายังทำใจทำไม่ได้ แต่ทุก ๆ อย่างก็ยังอยู่ในหัวนะ เราแค่ยังไม่ได้ทำมันออกไป และไม่คิดว่าจะทำได้ในเร็ว ๆ นี้ด้วย
สุดท้ายแล้ว วันนี้เราบอกกับตัวเองว่า ระหว่างที่กำลังอดทนนี้ เราจะไม่ใส่ใจว่าเขาจะทำอะไร เราจะหาอะไรทำอย่างเดิม ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ ซึ่งวันนี้เราก็ได้ทดลองทำแล้วด้วย เราพยายามสนุกไปกับสิ่งที่ทำอยู่แบบจริงจัง ไม่ใช่แค่ทำเพื่อจะได้ไม่ต้องนึกถึงเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ร้องไห้เลยหรอก เราก็ยังเป็นคนที่อ่อนแอคนเดิมนั่นแหละ แต่มันก็โอเคนะ เพียงแค่มันจะโอเคสักกี่วันล่ะ?
ให้ตายเถอะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว คุณมันใจร้าย
ทำร้ายเข้าไปเถอะความรู้สึกเราน่ะ เราจะทนได้เท่าที่จะทนนั่นแหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in