เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#พวมีประโยชน์Aprilz
CHAPTER 3: พืชใบเลี้ยงคู่

  • ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของจอยลดาเรื่อง มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ตอนที่7: เราจะหันมายิ้มให้กัน และ ตอนที่8: พืชผลเจริญงอกงาม อยากอ่าน คลิกได้ที่นี่ แนะนำว่าอ่านก่อนจะดีกว่าค่ะ ♥






















    by ธนกฤต พานิชวิทย์ 







    ไม่รู้จะขอบคุณเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือวัดไหนที่เคยไปทำบุญดี ที่ทำให้ผมยังมีชีวิตรอดในระยะร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงบนท้องถนน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ได้มองนาฬิกาว่าผมใช้เวลาเท่าไหร่จากละแวกนนทบุรีถึงที่นี่ รู้ตัวอีกทีก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวมาจอดอยู่หน้าบ้านเดี่ยวสีขาวครีมคุ้นตา ไฟสว่างจากห้องนั่งเล่นด้านล่างทำให้รู้ว่าเขาคงรอผมอยู่เหมือนกัน


    ผมเลื่อนรั้วเหล็กเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ คุณภพธรกำลังนั่งเล่นกับเจ้านกตัวน้อยชื่อโชคดีสีหน้ายิ้มแย้ม เขาน่ารักจนผมไม่อยากเข้าไปรบกวนเลยด้วยซ้ำ.. 


    "อ้าว ว่าน" เสียงเรียกจากด้านในดังออกมา เขาวางโชคดีไว้ในกรงก่อนเอื้อมเปิดประตูให้ผม "ถึงไวจัง"
    "นั่นน่ะสิ แปลกใจเหมือนกันที่กายหยาบผมยังอยู่" ผมตอบพร้อมเสียงหัวเราะ เหลือบเห็นกล่องเครื่องมือของตัวเองที่มันยังอยู่ที่เดิมเหมือนวันนั้น
    "เหยียบมิดมาเลยสิ นั่งก่อน.. หิวหรือเปล่า?" 
    "ไม่ค่อยฮะ" ผมหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา อีกฝ่ายเดินเข้าไปทำอะไรยุกยิกอยู่ในครัวสักพัก ก่อนจะเดินออกมาพร้อมขนมขบเคี้ยวกับโยเกิร์ตสองถ้วย 


    "อะ ลุย ผมก็หิวเหมือนกัน" ว่าพร้อมเสียงหัวเราะทุ้มๆขัดกับรอยยิ้มหวาน แรงยวบด้านข้างพร้อมร่างโปร่งของคุณภพธรนั่งอยู่ใกล้ๆ เขาเอื้อมมือหยิบรีโมตเปิดทีวีไปพลางตักโยเกิร์ตเข้าปาก ดูท่าจะหิวกว่าผมซะอีก



    ผมนั่งมองเขาอยู่เงียบๆ คุณภพธรในชุดนอนผ้าซาตินสีดำสนิท คอปกกว้างก้มทีคงเห็นลึกลงไปถึงไหนต่อไหน แต่ด้วยความเรียบร้อยของคุณเขา จึงมีเสื้อกล้ามคั่นไว้ กลิ่นหอมของสบู่ประจำตัวทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลงไปเยอะเลยทีเดียว 


    "ไม่กินหรอ?" เขาหันมาถาม ผมส่ายหัวตอบ
    "พี่กินเลย ผมยังไม่ค่อยหิว" คนฟังเบ้ปากเล็กน้อยเหมือนไม่ค่อยเชื่อแล้วกลับไปสนใจถ้วยพลาสติกในมือต่อ 


    "พี่ตู่"
    "อะไร?"

    "หันมานี่หน่อย" ใบหน้าคมหันควับมา ผมหลุดขำเพราะมันมีเนื้อโยเกิร์ตขาวๆเกาะอยู่



    ผมตัดสินใจเลื่อนมือจับคางมนก่อนเริ่มขยับใบหน้าเข้าใกล้ ช่องว่างระหว่างเราแคบลงเรื่อยๆจนเป็นศูนย์ ลมหายใจอุ่นรดผะผ่าวอยู่บนริมฝีปาก ปลายจมูกสัมผัสกันสร้างความรู้สึกวูบวาบคล้ายไฟช็อต ปลายลิ้นชื้นถูกส่งออกไปแตะมุมปากหยัก ฉกฉวยรสหวานอมเปรี้ยวของโยเกิร์ตก่อนที่ผมจะผละออกมา 





    แต่แล้วก็ถูกมือสวยสอดรั้งท้ายทอยไว้ไม่ให้ออกห่าง สายตาคู่ตรงหน้าดูช่างซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองจนผมกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่


    มันกำลังบอกผมว่าเขาชอบผมมากแค่ไหน



    "จะทำอะไร" 
    "เช็ดปากไง"





    "แต่ผมอยากให้คุณจูบ..." คนน่ารักบอกพร้อมพวงแก้มสีระเรื่อ เขาคงจะเคอะเขินอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังไม่ยอมหลบสายตาหนีไปเหมือนทุกทีที่ถูกผมแกล้งให้อาย


    และก้อนเนื้อในอกตอนนี้มันกำลังทำงานหนักยิ่งกว่าตอนคาร์ดิโออีกมั้ง



    "ถ้างั้นใจเราก็ตรงกันเลยสิ" ผมตอบสนองความต้องการของเราด้วยการประกบริมฝีปากลงไป ขมเม้มสลับกับดูดดึงแผ่วเบาเป็นการทักทาย พยายามทำทุกอยากให้เนิบนาบเชื่องช้า และอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ซึ่งมันไม่ใช่วิสัยของผมเลย



    ผมเลื่อนมือจับถ้วยโยเกิร์ตออกจากตักของเขาแล้ววางไว้บนโต๊ะกระจก ค่อยๆดันให้เอนหลังลงไปนอนบนโซฟา ในขณะที่ผมเองก็ขยับตามไปทาบทับ ริมฝีปากหยักเผยอตอบรับจึงสอดเรียวลิ้นเข้าไปช่วงชิงลมหายใจและความหวานที่อยากลิ้มลองมาตลอด 



    คุณภพธรหวานหอมยิ่งกว่าน้ำตาล น้ำผึ้ง หรือสารให้ความใดใดบนโลกใบนี้ 


    ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดดุนดันอย่างชำนาญ แต่เหมือนฝ่ายผมจะได้เปรียบอยู่เล็กน้อย เรียวแขนรอบลำคอกดรั้งให้ผมโถมตัวลงไปมอบจูบลึกยิ่งขึ้น จากประกายไฟเล็กๆเริ่มลุกลามเป็นเปลวเพลิงขนาดย่อม มือสวยขยำกลุ่มผมระบายสัมผัสวาบหวามจนผมรู้สึกตึงๆ เสียงจากกิจกรมตรงหน้าดังเคล้าคลอเป็นระยะเหมือนเป็นเชื้อเพลิงเร่งให้อารมณ์รักโหมกระหน่ำ 

    แต่ผมก็พยายามอย่างมากที่จะยับยั้งชั่งใจ 



    "ฮื่อ.. อือ" แต่ดูเหมือนคุณภพธรจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับความอดทนของผมเท่าไหร่ เสียงครางสั่นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ผมบดคลึงมันลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเริ่มบวมแดง แต่ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของเราทั้งสองได้ 


    ผมแกล้งขบกัดริมฝีปากล่างเบาๆ เขางับปลายจมูกของผมคืน ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ผมดันช่วงชิงคำพวกนั้นกลับไปเสียก่อน รสจูบเร่าร้อนเริ่มแทรกเข้ามาแทนที่ เปลวไฟขนาดเล็กโหมกระหน่ำขึ้นตามแรงอารมณ์ เราต่างเริ่มฉุดอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ เสียงจ๊วบจ๊าบดังรุนแรงกว่าเมื่อครู่ ผมดูดดึงอย่างกระหายอยาก สมองเริ่มขาวโพลนจนเลื่อนลงไปปลดกระดุมเสื้อนอนของเขา คุณภพธรขยับแทรกเข่าเข้าระหว่างขาของผม 


    จุมพิตดุเดือดยังคงดำเนินต่อไปอีกสักพัก ต่างฝ่ายต่างผลัดกันดูดดื่มดึงรั้งไว้ราวกับแม่เหล็ก มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อกล้ามไล้ลูบผิวสีน้ำผึ้งนุ่มมือด้วยความหลงใหล ส่วนเขาก็ยังกระชับแขนโอบลำคอผมไว้ไม่ยอมปล่อย ปลายนิ้วลากผ่านตุ่มไตโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะถูกบดคลึงเย้าแหย่ 

    "อ๊ะ!.. อ อือ" คนใต้ร่างสะดุ้งเฮือกหลุดร้องเสียงดัง สติสัมปชัญญะทั้งหมดของผมไหลกลับเขามาในโสตประสาท เรียวขาของเขาสั่นเกร็ง คิ้วขมวดมุ่นราวกับกำลังจะทนไม่ไหว 

    เห็นดังนั้นจึงยอมถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง หยุดการกระทำทุกอย่างลงก่อนที่มันจะด่ำดิ่งลึกไปมากกว่นี้ คุณภพธรหอบหายใจหนัก ดวงตากลมมองอย่างคาดโทษแต่กลับแฝงความยั่วยวนในนัยน์ตาหวานฉ่ำคลอน้ำใสๆตรงนั้น ผมกดจูบข้างแก้มแผ่วเบา เลื่อนใบหน้าลงไปข้างหู



    "ชอบผมหรอ?" กระซิบถามคำที่อยากได้ยิน คลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ


    "ไม่บอก" 

    "งั้นผมจะจูบ จนกว่าพี่จะพูด" ผมกลับมาเผชิญหน้าเขาตรงๆ คุณภพธรเสสายตาหนีไปทางอื่น "เร็ว" 



    คุณภพธรยังคงเงียบ ผมจึงประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง มือสวยรีบขยับขึ้นมาดันไหล่ให้ถอยออกไป

    "อือ.. ว่าน หยุด" 

    "ก็พี่ไม่ยอมบอกผมอะ" ผมอมยิ้ม เขากลับแยกเขี้ยวใส่เหมือนกำลังโกรธแล้วเงียบไปสักพัก 




    "ผม.."



    "ชอบคุณ" 

    ถึงคำคำนั้นจะแผ่วเบาคล้ายเสียงกระซิบ แต่มันก็ทำให้ผมคลี่ยิ้มกว้างจนตาปิด คงดูน่าหมั่นไส้พอสมควรเลยทีเดียว เพราะขนาดคุณภพธรยังเอื้อมมือมาบิดแก้มจนต้องร้องโอดโอยไปหลายที 
     

    แต่ต่อให้โดนหยิกเป็นร้อยรอบก็ยอม เพราะผมกำลังมีความสุขสุดๆไปเลย :) 





    "ออกไปได้แล้ว" แรงดันบริเวณไหล่ให้ผมหลุดออกจากภวังค์ 
    "จะไปไหน ยังไม่เสร็จเลย" แกล้งบอกแบบนั้นหยั่งเชิงดูว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ 
    "อะไรยังไม่เสร็จ" เรียวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ผมกลั้วหัวเราะแล้วโน้มลงไปตอบชิดริมฝีปากหยัก

    "ยังมีอะไรกันไม่เสร็จเลย" 


    "ใครบอกว่าจะมีอะไรด้วย ออกไปเลย ผมบอกชอบคุณไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมคุณนะ" คุณภพธรบ่นเสียงแข็งกร้าวพร้อมสอดมือปิดปากผมเอาไว้ทันที

    ทำเป็นดุ.. 


    "เหรอ แล้วเมื่อกี้ใครกอดผมซะแน่น แถมจะเอาเข่าม-.. อุ่ก" หมอนอิงใบเล็กถูกส่งมาตีเข้าเต็มหน้า ผมจับมันโยนออกแล้วบีบแก้มเจ้าตัวที่ทำร้ายร่างกายด้วยความหมั่นเขี้ยว  

    "ว่าน! โอ้ย!" บีบข้างเดียวไม่พอ มือหนาคว้าหมับเข้าที่แก้มและสันกราม ออกแรงจนริมฝีปากยู่เพราะแก้มถูกดันขึ้น คุณภพธรพยายามดึงมือออกแต่ผมขืนแรงเอาไว้ 


    "หน้าพี่โคตรตลก" 
    "เจ็บโว้ย!" เล่นกันอยู่สักพักจนกว่าจะยอมถอนมือออกมา เสียงหัวเราะและโวยวายเมื่อครู่เงียบลง ผมมองจ้องดวงตาคู่ตรงหน้าลึกลงไป ก่อนจะมอบจุมพิตให้อีกครั้ง


    แต่คราวนี้มันต่างออกไป ผมทำเพียงแตะริมฝีปากหยักค้างไว้อย่างนั้น ต้องการเพียงส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดของผมให้เขา และหวังว่าเขาจะรับรู้ได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรู้สึกของผมถูกสะสมไว้มากมายขนาดไหน 

    คุณภพธรเลื่อนมือลูบท้ายทอยผมราวกับจะปลอบใจ ริมฝีปากหยักกำลังขบเม้มตอบรับทำให้ผมถอนใบหน้าออกมา


    "อย่าทำแบบนี้สิ เดี๋ยวมันก็ไม่จบแค่จูบจริงๆหรอกพี่" 

    "ทำไม คุณจะทำอะไรผม?" สายตาของเขาเริ่มแฝงความเจ้าเล่ห์ ปลายนิ้วบนท้ายทอยไล้ลากลงไปกลางแผ่นหลังทำเอาผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว ใบหน้าเปื้อนยิ้มมุมปากน้อยๆราวกับกำลังเชิญชวน ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ 


    "ตอบสิ ว่าน.. คุณจะทำอะไร?" ไม่ว่าเปล่าเข่าถูกแทรกเข้าระหว่างขาของผม เฉียดผ่านส่วนกลางลำตัวของผมไปเพียงนิดเดียว

    แต่แค่นั้นมันก็มากพอแล้วล่ะ.. 



    ผมกำมือแน่นก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นขยับไปนั่งปลายโซฟาอิีกฝั่งแล้วลูบหน้าตัวเองเรียกสติ คนคนนี้อันตรายต่อความรู้สึกของผมมากจริงๆ ให้ตายเถอะ 

    เจอเขายั่วนิดหน่อยก็ไปแล้วลูกกู แม่งเอ้ย 




    คุณภพธรลุกขึ้นตามมานั่งข้างๆจัดแจงติดกระดุมเสื้อนอนที่ผมเพิ่งดึงมันออกให้เข้าที่ี พลันได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจนอยากจะจับทำอะไรที่อยากทำซะให้เข็ด


    "แกล้งผมอะ คุณแม่งขี้โกง" เสียงหัวเราะดังกว่าเดิมเมื่อผมโวยวาย ก้อนเนื้อในอกทำงานหนักเหมือนกำลังตะโกนกู่ร้องเรียกให้ทำสิ่งนั้นจนผมรำคาญ 

    แขนหนักๆเท้าบนไหล่ ผมหันไปมองก็เจอเขาอมยิ้มอารมณ์ดีพร้อมเคี้ยวขนมเต็มแก้ม
     
    "ผมรู้ว่าคุณไม่กล้าหรอก" 


    "ก่อนหน้านี้ยังเขินผมอยู่เลย"
    "พูดออกมาไม่กระดากปากแบบนั้นใครแม่งไม่เขินบ้าง" 


    "ขี้โกง แล้วว่านน้อยที่ตื่นขึ้นมาพี่จะรับผิดชอบยังไง" ผมว่าพลางก้มต่ำ คุณภพธรตบไหล่ผมสองสามที

    "ปัญหาคุณ จัดการเองสิ ห้องน้ำผมมีนะ" ตอบเคล้าเสียงหัวเราะก่อนผละออกไปกินขนมต่ออย่างสบายใจ 



    หมั่นเขี้ยวโว้ย.. 






    "ผมกลับแล้วนะ" หลังจากเคลียร์ใจกันในหลายๆเรื่องและซัดขนมจนเกือบหมดบ้าน ก็เห็นสมควรแล้วที่ผมจะต้องกลับบ้านตัวเองสักที แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น.. นี่มันเกือบจะตีสองแล้วด้วย 

    "จะกลับหรอ?" น้ำเสียงเรียบๆเปล่งออกมา คนที่กำลังนั่งพิงแขนผมอยู่หันมาสบตา "ค้างได้นะ" 

    "เอ้ย ไม่เป็นไร แค่นี้ก็รบกวนพี่เยอะแล้ว" ผมส่ายหัวตอบ คุณภพธรมองจ้อง ส่งสายตาแกมบังคับจนผมต้องเปลี่ยนใจ




    "ค้างก็ค้างฮะ.."


















    by ภพธร สุนทรญาณกิจ





    หรือเราลงไปนอนโซฟาดี...


    ผมยืนกอดอกมองเตียงขนาดห้าฟุตมาสักพัก ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอะไรที่ต้องมานอนด้วยกันหรอกนะ ตัวผมเองด้วยซ้ำที่อยากให้เขาค้าง แหงสิ ผมจะไม่ปล่อยให้คนตีนผีขับรถออกไปตอนตีสองแน่ มันอันตราย อีกอย่าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นอนเตียงเดียวกัน หลายครั้งผ่านมาแล้วตั้งแต่ทำรายการนอนบ้านเพื่อน


    แต่ครั้งนี้เนี่ยสิ ทำไมมัน... รู้สึก ยังไงไม่รู้
    คงเพราะเราเพิ่งทลายกำแพงสถานะความเป็นพี่น้องลงให้ได้ขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิด 


    แม้จะยังไม่รู้จะให้มันเป็นแบบไหน


    แต่พี่น้องเนี่ยมันไม่น่าจะ.. จูบกัน ถูกไหม


    นึกย้อนกลับไปเมื่อก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง สัมผัสนุ่มหยุ่นจากริมฝีปากหนายังคงติดค้าง ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดวนเวียน เพียงได้รับรู้ถึงความกระหายของเขา ผมก็แทบทำอะไรไม่ถูก ทั้งที่ปกติผมไม่ค่อยแพ้ใครในเรื่องพวกนี้

    แต่กับเขา ผมแพ้ราบคาบ 



    ผมยกมือกุมขมับก่อนจะลูบหน้าลงมาจนถึงคาง ถอนหายใจเฮือกพยายามกำจัดอาการเต้นแรงของหัวใจให้หายไปแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรมาก 


    วันนี้ผมได้รู้ความจริงที่น่าตกใจอยู่สองอย่างเกี่ยวกับตัวผม 


    หนึ่งคือ.. ผมชอบว่าน 


    สอง.. ผมชอบสัมผัสของเขามาก  ให้ตายเถอะ ร่างกายตอบสนองอัตโนมัติโดยไร้การควบคุมแบบนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆหรอกนะ






    กึก
    "พี่อาบน้ำแล้วใช่ปะ" เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง ว่านในชุดนอนที่เจ้าตัวหยิบมาจากหลังรถ ผมนึกสงสัยอยู่หน่อยๆว่าทำไมมันดูเตรียมพร้อมจัง แล้วว่านก็ให้เหตุผลว่า ชอบพกติดตัวไว้เวลาอยากออกต่างจังหวัดแบบกระทันหัน 


    "อือ แต่เดี๋ยวจะแปรงฟันก่อน"  ผมเดินสวนเขาเข้าห้องน้ำไป ในหัวยังคงคิดเรื่องนั้น หลังจากยอมรับกับตัวเองได้แล้วเหมือนชีวิตปลดล็อคความสำเร็จแบบในเกมเพลย์อะไรทำนองนั้น ความรู้สึกประหลาดที่เคยสงสัยในวันวานถูกเฉลยออกมาจนหมดว่ามันคืออะไร ทำไมผมถึงอยากจะอยู่ใกล้ๆ อยากจะแกล้ง อยากจะดูแลมัน หรือรู้สึกเอ็นดูไอ้เด็กยักษ์คนนั้นมากเป็นพิเศษ

    "ว่าแต่พี่ระวังลื่---"
    "เห้ย!!" 

    ผลั่ก! 

    "โอย" ทุกอย่างเกิดอย่างรวดเร็ว ผมลื่นน้ำเจิ่งนองบนพื้นห้องน้ำนอกบริเวณอาบน้ำก้นจ้ำเบ้า มือพยายามคว้าอ่างล้างหน้าไว้ก็ดันฟาดเข้าเต็มๆจนปวด เสียงสบถโอดครวญพ่นออกมาไม่ได้ศัพท์และผมร้องเหี้ยในใจเป็นสิบรอบได้ 

    เจ็บโว้ย 

    "มึงไม่บอกตอนกูลื่นไปแล้วเลยล่ะ" ก่นด่าใส่คนช่วยพยุงให้ลุกขึ้น ว่านมองผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
    "ผมก็ไม่คิด.."
    "ไม่คิดว่ากูจะโง่?"
    "ไม่คิดว่าพี่จะลื่น" เราลุกขึ้นเต็มความสูง มือสากของเขาวางอยู่ข้างเอว เสียงอ่อนโอนกับสีหน้าเหมือนหมาหงอยทำให้ผมถอนหายใจ

    "ช่างเหอะ แต่คุณจะมาระเบิดห้องน้ำแบบนี้ไม่ได้นะ ทำไมมันเปียกงี้" 
    "ผมลืมปิดประตูกระจก"
    "..." 
    "ก็คอนโดผมมันไม่มี..."

    ผมส่ายหัวระอาดันมือออกจากตัวแล้วหันเข้าหาอ่างล้างหน้า จัดแจงหยิบแปรงฟันเตรียมทำกิจวัตรก่อนนอนเหมือนทุกวัน 

    "พี่ไม่ได้โกรธผมใช่ปะ" ผมหันตามเสียง ว่านยังไม่ออกไปไหน 
    "เปล่า ผมซุ่มซ่ามเองด้วยแหละ คุณออกไปได้แล้ว ผมจะแปรงฟัน"
    "จริงอะ?" เขาจ้องตาแน่นิ่ง ผมเลิกคิ้วใส่แล้วพยักหน้าตอบ

    "ขอโทษนะครับ" สัมผัสจากมือหยาบลูบสะโพกผมปอยๆเพื่อปลอบโยน ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มกว้างแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป 

    ผมหลุบตาลงต่ำ ตั้งใจแปรงฟันเสแสร้งว่าไม่ได้สนใจ จนหางตาเห็นประตูห้องน้ำปิดสนิทลง จึงได้ยกมือขึ้นทาบแก้มร้อนๆทั้งสองข้าง

    แม่ง... 










    เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการนอนอย่างเกร็งๆ(ไม่รู้เหมือนกันทำไมผมถึงรู้แบบนั้น...)ทำพิษให้รู้สึกเหมือนพักผ่อนไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่ เรานอนห่างกันเหมือนปกติที่เคยนอนในรายการ แต่เช้ามาแขนหนักๆกลับพาดบนเอวผมได้ยังไงก็ไม่รู้ได้ 

    ผมเป็นคนตื่นขึ้นมาก่อน อาบน้ำแต่งตัว ลงมาจัดแจงอาหารเช้า ขึ้นไปปลุกว่าน ลงมายกกล่องเครื่องมือวางไว้ข้างกระเป๋าเป้ของเขากันลืมอีกครั้ง ให้อาหารเจ้าโชคดี หลังจากนั้นไม่นานว่านก็เดินลงมา เราทานข้าวเช้าด้วยกัน ถามไถ่ถึงเมื่อคืน เขาบอกว่าเขาก็หลับไม่ค่อยสนิทเหมือนกัน หลังจากนั้นเราผลัดกันชวนคุยเรื่อยเปื่อย เสียงหัวเราะเคล้าคลอไปทั่ว

    ปฏิเสธได้ยากว่าการอยู่กับเขา ถึงจะปวดประสาทกับความกวนและระบบความคิดแปลกๆบ้าง 

    แต่มีความสุข :) 







    "ว่าแต่นี่ เรายังไม่ได้คบกันใช่ปะ" คำถามถูกยิงมากระทันหันทำเอาผมแทบสำลัก
    "..ก็ ยัง"
    "เมื่อไหร่ผมจะขอพี่เป็นแฟนได้อะ" 

    ...ตรงไปปะวะ


    "ไม่รู้ ลองจีบดูดิ" ผมทำเป็นตั้งใจตักไข่เจียวหลบสายตาจริงจังจากฝั่งตรงข้าม 

    "โห ก็จีบอยู่ตลอด พี่ไม่รู้ตัวเองอะ"
    "ตอนนี้รู้แล้วไง จีบใหม่สิ ทำไม่ได้? อิดออด? ก็ได้นะ ไม่เป็นไร" ผมละสายตาออกจากจานข้าวขึ้นมาเลิกคิ้วถาม 
    "ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น.. เออ ได้!"


    กลั้วหัวเราะในลำคอพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ว่านหน้ามุ่ยบ่นงึมงัมระหว่างกินข้าวไปด้วยว่าไม่เห็นยุติธรรมเลย 

    ใช่ ไม่ยุติธรรมเลย

    ไม่ยุติธรรมตรงเขาเป็นฝ่ายให้ผมมาตลอด แต่ผมกลับไม่ได้นึกถึงมันเท่าที่ควร แล้วจะให้ผมรับหัวใจของเขามา ทั้งๆที่เป็นคนทำร้ายความรู้สึกของเขาไปมากมายขนาดไหนน่ะหรอ?

    แต่หลังจากนี้มันจะต่างออกไป เราต่างรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน สลับสับเปลี่ยนเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ จะไม่มีใครคอยวิ่งตาม แต่จะเดินขนาบข้างไปพร้อมๆกัน

    ค่อยๆบ่มเพาะเมล็ดความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มก่อตัวให้เติบโตเจริญงอกงามในวันข้างหน้า


    และผมหวังว่าว่านจะเข้าใจ.. 




    "ว่าน คุณรู้ไหมว่าไอ้แบบนี้ ผมเรียกมันว่าอะไร"
    "ว่า?"





    "เรากำลังเดทกันอยู่" 









    ถึง คุณที่มีหัวใจแข็งแกร่งทุกคน, 


    ฮายยยยยยยยยย สวัสดีค่ะทุกคน เราเอง ♥ ขอโทษที่หายไปนานมาก เกือบเดือนเลยหรือเปล่า จริงๆตอนนี้เขียนไว้แบบเกือบเสร็จตั้งนานแล้ว แต่จู่ๆเราก็ดันป่วยขึ้นมาค่ะ ถ้าใครติดตามทวิตเตอร์น่าจะเห็นกัน เป็นไข้หวัดใหญ่ กว่าจะหายก็เกือบๆสองสามอาทิตย์ หายเสร็จมาชนวีคมิดเทอมอีก กว่าจะได้กลับมาเขียนต่อก็นานเลยค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆนะคะ T T 


    จริงๆแล้วกะให้เรื่องนี้มีเพียง10ตอน แต่ดูแล้วน่าจะเกิน 5555555 เพราะก็ยังรักความมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศของทั้งคู่อยู่ 


    ยังไงก็ฝากกดไลค์กดแชร์ และคอยสวดมนตร์ให้เรื่องนี้อยู่รอดปลอดภัยไปถึงตอนจบด้วยนะคะ 5555555 


    ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ ทุกคนที่เข้ามาทักทาย ทวงฟิค พวกคุณคือกำลังใจหลักสำคัญของเรานะคะ :) ♥


    ปล. แอบกระซิบว่ากำลังจะมีโปรเจคเรื่องยาวบรรยายค่ะ ตอนนี้กำลังเก็บข้อมูลร่างพล็อตใกล้เสร็จแล้ว น่าจะได้คลอดออกมาให้อ่านกันเดือนหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^

    ปล2. หากมีคำผิดสามารถคอมเม้นท์มาเตือนได้เสมอเลยค่ะ


    ด้วยความเคารพจากใจ, 

    น้ำหอม



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in