อย่างแรกแป้งก็คงต้องเกริ่นของงานอดิเรกนี้ซักหน่อย นั่นก็คือ "Cosplay" ผู้อ่านหลายคนเนี่ยอาจจะให้นิยามว่า มันคือการแต่งตัวเลียนแบบตัวละครญี่ปุ่น อย่างในเกม อนิเมะ มังงะ ต่างๆ แต่สำหรับแป้งหรือคนที่มี Cosplay เป็นงานอดิเรกก็จะนิยามคำว่า Cosplay มันไม่ใช่การแต่งกายตามตัวละครญี่ปุ่นเท่านั้นแต่เป็นตัวละครต่างๆได้ทั่วโลก หรือแม้แต่คนที่มีตัวตนอยู่จริง โดยผู้ที่แต่งตัวเลียนแบบตัวละครเหล่านั้นถูกเรียกว่า Cosplayer หรือถูกย่อไว้สั้นๆว่า เลเยอร์ นั่นเองค่ะ
สำหรับการคอสเพลย์ มีกิจกรรมอย่างนึงที่ถูกเรียกว่า Private ซึ่งถูกย่อมาเป็นคำว่า "ไพร" และการไพรในที่นี้หมายถึงการรวมตัวกันของคนกลุ่มนึงที่ต้องการจะทำโปรเจคนึงซึ่งออกไปถ่ายภาพตัวละครที่กลุ่มตัวเองแต่งตามสถานที่ต่างๆที่เหมาะกับโปรเจคเหล่านั้น
การไพรไม่ใช่ว่าจะมีแค่คนที่คอสเป็นตัวละครนั้นอย่างเดียว แต่ก็ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆที่ทำให้การไพรนั้นประสบความสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์ด้วยนั่นเอง และแป้งก็ขอยกตัวอย่างของการไพรคอสเพลย์ทีี่ถ่ายซึ่งเป็นกรณีของฝั่งที่คอสเพลย์สายอนิเมะ มังงะ ญี่ปุ่นนะคะ
ตัวเลเยอร์นั้นต้องทำการเตรียมพร้อมตั้งแต่การหาสมาชิก การหาสถานที่ การเลือกเวลา ท่าโพสต์หรือ Position ต่างๆ และ ตากล้องที่จะมาถ่ายพวกเขาเหล่านั้น
ซึ่งโปรนี้ก็จัดการเรื่องต่างๆได้อย่างชำนาญกันเลยทีเดียวค่ะ พวกเขาตั้งใจจะไพรเวทถ่ายเหล่าตัวละคร ที่ถูกเรียกว่า The Pillars หรือ เสาหลักทั้ง 9 ในเรื่อง Kimetsu No Yaiba โดยที่พวกเขาได้เลือก สวนวชิรเบญจทัศ หรือ สวนรถไฟ ที่ตั้งอยู่แถวจตุจักรเป็นสถานที่ถ่ายภาพในครั้งนี้และยังทำการขออนุญาติการใช้พื้นที่ถ่ายทำอีกด้วยนะ ขนาดยังไม่ได้ถ่ายภาพก็มีเรื่องที่ต้องทำเยอะแยะแล้วล่ะค่ะ พอถึงวันที่ไปถ่ายภาพ เหล่าเลเยอร์ก็เตรียมตัวกันเรียบร้อย ตากล้องทุกคนก็พร้อมถ่ายรูปเลยล่ะค่ะ เตรียมจัดท่าทางต่างๆมาเบ็ดเสร็จและถ่ายภาพเรียบร้อยเสร็จสมบูรณ์ก่อนที่สภาพอากาศจะเปลี่ยนไปจนไม่เหมาะกับแผนที่ตั้งเอาไว้เลยล่ะค่ะ
สำหรับคนที่เป็นตากล้อง ของการไพรเวทนี้เนี่ยเป็นคนที่ได้สร้างเสริมประสบการณ์การถ่ายภาพและรับมือกับแสงซึ่งเป็นตัวกลางสำคัญที่ทำให้ภาพสวยและสว่างจนไม่หมองเกินไป แต่สำหรับบางที่อย่างพวกในสตูดิโอเนี่ยเราไม่ต้องห่วงเรื่องสภาพอากาศนักหรอกแถมยังมีตัวช่วยอย่างโคมแฟลชที่เจ้าของแต่ละสตูดิโอก็จัดเตรียมเอาไว้ให้อยู่แล้วด้วย แต่สถานที่ข้างนอกแบบนี้เนี่ยเป็นอุปสรรคต่อตากล้องสุดๆเพราะแต่ละพื้นที่ก็มีความสว่างไม่เท่ากันจนต้องไปปรับค่า ISO (ความไวแสง)ให้ภาพไม่ส่วางจนเกินไปหรือมืดจนเกินไปและยังต้องปรับรูม่านรับแสงเพื่อจะเลือกให้ภาพโฟกัสมากน้อยเพียงใดอีก ถ้าโชคไม่ดีก็ต้องแข่งกับเวลาถ้าฟ้าฝนไม่เป็นใจจนทำให้ถ่ายภาพต่อไม่ได้
บ่อยครั้งที่ตัวของตากล้องมีท่าทางที่ต้องการให้เลเยอร์ทำเพื่อจะได้มีรูปที่สวยและเจ๋งๆ ซึ่งแสดงว่าคนที่เป็นตากล้องนั้นไม่ได้มีความสามารถเฉพาะถ่ายภาพเท่านั้นแต่ยังมีทักษะที่คิดท่าทาง Position ต่างๆในเวลาถ่ายงานจริงๆอีกด้วยนั่นเองค่ะ ซึ่งภาพที่ได้มาก็จะทำให้ตัวละครดูโดดเด่นขึ้นมา เช่นตัวอย่างภาพด้านล่างนี้ค่ะ
มาในส่วนของเลเยอร์ ตัวเอกของการไพรเวทกันบ้าง การโพสต์ท่าทาง แสดงสีหน้า หรือแม้แต่เมคอัพที่เข้ากับตัวละครนั้นๆ เครื่องแบบเสื้อผ้า อย่างเลเยอร์บางคนเองก็มีทักษะการตัดชุด ทำอาวุธจากวัสดุสังเคราะห์ต่างๆขึ้นมาได้จนกลายเป็นอาชีพเสริมรับทำ Props ตัดชุด เซ็ตซอยวิกตามแบบตัวละครล้วนเป็นทักษะที่เหล่าเลเยอร์ต่างได้รับในขณะที่ทำกิจกรรมนี้ หรือต้องมีการฝึกฝนอยู่ตลอดเหมือนกัน ถ้าเลเยอร์ไม่มีทักษะบางส่วนก็อาจจะเกิดความลำบากขึ้น ในยามที่มีเวลาจำกัดในการถ่ายไพรเวทนั้นๆ
การโพสต์ท่าทางของคาแรคเตอร์ต่างๆเปรียบเสมือนท่าทางที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของตัวเลเยอร์ไปในตัวด้วยเช่นกัน เช่นการยืนอกผายไหล่ผึ่ง แสดงความมั่นใจ การยืนที่สื่อถึงอุปนิสัย บุคลิก ของตัวละครนั้นๆ การโพสต์ท่าทางบางท่าเองก็ต้องใส่ความชำนาญหรือการเตรียมพร้อมอยู่เหมือนกัน แถมเลเยอร์เองก็ต้องมีความมั่นใจกล้าแสดงออกในการออกท่าทางเหล่านั้นด้วยนะ
บ่อยครั้งในการไพรก็มีสมาชิกหลายคนที่เป็นชาวต่างชาติมาร่วมด้วยเช่นกัน อย่างในโปรไพรเวทนี้ก็มีชาวเมียนมาร์ที่พูดภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษถึงจะฟังไทยออกอยู่บ้างคำสองคำแต่บ่อยครั้งทั้งตากล้องและเลเยอร์ก็ต้องฝึกการพูดสื่อสารภาษาสากลเอาไว้ด้วย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวคนพูดได้ความรู้ทางด้านภาษามากขึ้นแถมยังได้สื่อสารมีเพื่อนจากชาติอื่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย
การทำงานร่วมกันกับคนอื่น ก็เป็นทักษะที่ทุกคนได้รับประสบการณ์อยู่ตลอดเช่นกัน อย่างการไพรครั้งนี้ก็มีหลายคนที่พบปะกันครั้งแรกและมีความสนิทสนมกันมากขึ้นเมื่อได้ร่วมงานกันจริงๆ ทักษะการสื่อสารและอยู่ร่วมกับคนอื่นก็เป็นสิ่งที่เราได้รับจากการไพรด้วย
เมื่อการถ่ายรูปได้เสร็จลงก็ไม่ใช่ว่าจะจบแล้วนะเพราะว่าตากล้องที่ครอบครองรูปที่ถ่ายมาก็ต้องทำหน้าที่สุดท้ายก่อนที่จะจบโปรเจคให้เสร็จ นั่นก็คือ การคัดเลือกรูปภาพที่ใช้ได้ ตัดต่อ แต่ง รูปภาพเหล่านั้นและส่งให้กับเหล่าเลเยอร์ ซึ่งก็มีเลเยอร์หลายคนที่ตัดต่อและแต่งภาพจากรูปดิบที่ตากล้องส่งมาให้เหมือนกัน เป็นการฝึกฝีมือในการใช้โปรแกรมตัดต่อ แต่งภาพ การใช้กราฟฟิกต่างๆทำให้ภาพดูน่าสนใจขึ้นอีกด้วย
การขายรูปเหล่านั้นมีหลากหลายราคาให้เลือกจับจ่ายกันขึ้นอยู่กับความแรร์ของรูปเซ็ตนั้นๆ ซึ่งเลเยอร์เองก็ต้องใช้กลยุทธ์เลือกกลุ่มเป้าหมายและตั้งราคาที่ดึงดูดให้มีคนมาซื้อโปรดักส์ของตัวเองและนำเงินที่ได้ไปพัฒนาการคอสเพลย์ของตัวเองหรือเป็นอาชีพเสริมของพวกเขาเอง หลายๆคนทีี่แป้งได้ไปถ่ายรูปมานั้นก็เป็นที่รู้จักหรือมีแฟนคลับเป็นของตัวเองจนบางคนเองก็กลายเป็น แขกรับเชิญในงานคอสเพลย์ต่างๆที่จัดขึ้นทั้งในและนอกประเทศ
ส่วนการไพรที่แป้งได้ไปมีส่วนร่วมมาในฐานะตากล้องเพื่อศึกษาดูการคอสเพลย์ใน 1 วันมา ในอนาคตเหล่าเลเยอร์ก็อาจจะนำภาพที่สวยๆเจ๋งๆจากตากล้องไปผลิตโปรดักส์หลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าของพวกเขาในงานที่จะถูกจัดขึ้นอีกครั้งในเร็วๆนี้ก็เป็นได้ค่ะ
แป้งแซงหน้าไปแล้ว 555555
ฝึกไปด้วยกัน