แองเจล่า ซีกเลอร์ ยังจำครั้งแรกที่เธอพบกับเขาได้ดี
ถึงจะได้เห็นสภาพคนบาดเจ็บในสมรภูมิรบมามากจนชาชินเพียงใด แต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้ยิ่งใจหาย ยังเหลือส่วนที่พอเป็นมนุษย์ให้เห็นแต่ก็ยับเยินเต็มที แปลกที่เขาทำให้เธอนึกถึงพ่อและแม่ ยามที่พวกเขาจากไปในสงครามน่าชัง ทั้งคู่ต้องทรมานอย่างนี้หรือเปล่า หญิงสาวก็สุดจะรู้
เกเบรียลมอบเขาไว้ในมือของเธอ ไม่ใช่เพื่อรักษา แต่เพื่อเปลี่ยนให้เป็นเครื่องจักรสังหาร – ทำสงครามเพื่อสันติสุข
ช่างน่าหัวเราะเยาะหยัน พอกับสมญาของเธอที่แปลว่าเมตตา ‘เมอร์ซี่’ เธอควรทำหน้าที่เพียงรักษาเยียวยา แต่ท้ายสุดแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสงครามที่ตามหลอกหลอนเหมือนฝันร้าย เธอยืนกรานว่าจะไม่ทำสิ่งใดให้เป็นอาวุธ ทว่าชายตรงหน้าเหมือนบททดสอบอันร้ายกาจ รักษาเขาเท่ากับฝืนกลืนคำพูดตัวเอง
แต่กระนั้น แองเจล่าทอดทิ้งชีวิตของใครไม่ได้ ข้างหลังเขาอาจมีใครสักคนที่รออยู่ เหมือนที่เธอเคยรอพ่อและแม่กลับมาจากสงคราม
มันเจ็บปวด เธอรู้ดี -- ชิ้นส่วนโลหะทีละชิ้นทดแทนเลือดเนื้อส่วนที่ขาดหาย ส่วนที่ยังเป็นมนุษย์เหลือน้อยเต็มที ยังดีที่เหลือใบหน้าไว้ให้ระลึกถึงตัวตน เมอร์ซี่เปลี่ยนชายคนนั้นให้กลับมาเคลื่อนไหวใช้ชีวิต ยิ่งทวีความแข็งแกร่งว่องไวด้วยพรสวรรค์ราวกับเทพธิดาของเธอ ทว่าส่วนลึกในใจกลับเหมือนว่าได้สร้างหุ่นยนต์อันซื่อสัตย์ ผูกมัดบังคับเอาไว้ให้โอเวอร์วอชใช้งานด้วยเงื่อนไขที่มีราคาสูงอย่างร้ายกาจเช่นชีวิตของเขา
ผลงานแสนวิเศษที่สุดของด็อกเตอร์แองเจล่า ซีกเลอร์
ภาพนั้นช่างติดตา ยามที่ดวงตาสีดำลึกล้ำนั่นลืมตื่นขึ้นมา ไม่ได้มีแววยินดีถึงโอกาสที่ได้รับเป็นครั้งที่สอง มันแสนดุดันราวกับเกลียดชังโลกทั้งใบ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เธอ’ สีหน้าของเขาโกรธขึ้งเจือแววเศร้าสร้อย เหมือนกำลังอยู่ในนรก
“จากนี้คุณไม่ต้องเจอกับสิ่งเลวร้ายอย่างที่เจอมา” เมอร์ซี่ยิ้ม ทว่าในรอยยิ้มไม่ได้มีความรู้สึกยินดี เสียงอ่อนหวานพูดใจความเหมือนเดิม อย่างที่เคยบอกกล่าวแก่เหล่าทหารบาดเจ็บ ครั้งนี้เธอรู้ดีว่ามันเป็นคำโกหก มันจะเลวร้ายยิ่งกว่า และเมื่อผลวิเคราะห์ออกมาว่าคนตรงหน้าสมบูรณ์ดี โอเวอร์วอชจะส่งเขากลับไปสู่สงครามเพื่อความสงบ “คุณจะได้ช่วยโลก และคุณจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย”
‘เก็นจิ’ ไม่ได้ยิ้มตอบเธอ เขาเพียงมองเหม่ออยู่อย่างนั้น ราวกับไม่รับรู้อะไร ไม่แน่ใจว่าตนเป็นสิ่งใด ดูแหลกสลายกว่าก่อนที่เธอจะรักษาเขาเสียอีก
นับตั้งแต่นั้นเมอร์ซี่ตั้งปณิธานในใจ เหมือนเมื่อครั้งที่ตระหนักถึงการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตที่จุดประกายให้เธอช่วยเหลือผู้คน -- จากนี้ไปเธอจะเฝ้าดูเขา นั่นเป็นความรับผิดชอบ...ที่ก่อขึ้นจากความรู้สึกผิดลึกล้ำในหัวใจ
เมอร์ซี่เฝ้ามองอีกฝ่ายเสมอมา ไม่สบายใจทุกครั้งที่เก็นจิออกไปทำหน้าที่รักษาความสงบสุขให้โลก ให้ตาย นั่นทำให้เธอฟังดูเหมือนตัวร้ายไหมล่ะ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่กลัวเขาบาดเจ็บแค่เพียงอย่างเดียว แพทย์หญิงมือดีที่สุดของโอเวอร์วอชไม่อยากผจญกับความรู้สึกยามต้องปะติดปะต่อชิ้นส่วนนั่นใหม่ เธอรู้ว่ามันจะทำให้เขาทรมาน อีกเหตุผลหนึ่งคือมันช่างเป็นความรู้สึกแสนเลวร้ายที่เห็นคนคนหนึ่งถูกเปลี่ยนเป็นอาวุธราวกับไม่มีจิตใจ
บางครั้งแองเจล่าก็คาดหวังให้ตัวเองสร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างที่ทุกคนเยินยอ ให้เขาได้มีชีวิตที่มีความสุขและมีเลือดเนื้อเหมือนอย่างมนุษย์คนอื่น
เมื่อเวลาผ่านไป อาจเรียกได้ว่าทั้งคู่เริ่มมองหน้ากันติด เมอร์ซี่เริ่มชินกับการไปเยี่ยมเขา ในมือถือแท็บเล็ต ยิ้มให้เขาเหมือนเคย...ยิ้มที่มีแต่ภายนอกกลวงเปล่า บอกแจ้งอาการว่าเขาดีขึ้นแค่ไหน ในแววตาของชายหนุ่มมีแต่ความนิ่งเฉย ไม่ได้แสดงท่าทียินดียินร้ายกับคำพูดของเธอ ทำงานตามเหมือนหุ่นยนต์ราวกับจะประชดประชัน
คำพูดแรกของเขาที่พูดกับด็อกเตอร์ซีกเลอร์คือ “ซ่อมฉันเสียสิ”
ราวกับว่าเมอร์ซี่ยังรู้สึกผิดไม่พออย่างนั้น ด้วยอารมณ์อันผสมปนเประหว่างเสียใจกับถูกหยาม เธอจึงตอบกลับไปอย่างแดกดันพอกัน “ได้สิคะ เก็นจิ”
วูบนั้นแววคล้ายรอยยิ้มเหมือนจะฉายในประกายตาดำสนิท เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายคนนั้นคล้ายจะมีอารมณ์อย่างอื่น...ไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเคย “ชื่อฉันไม่ได้ออกเสียงแบบนั้นสักหน่อย ด็อกเตอร์ซีกเลอร์”
แองเจล่าไม่รู้จะโต้ตอบประโยคนั้นอย่างไร ยิ่งกับคนที่ความรู้สึกซับซ้อนไม่สู้ดี เป็นคนในความรับผิดชอบของเธอด้วยแล้ว เธอไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ วางตัวเป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่เคยคุยเล่นหยอกล้ออะไร จึงได้แต่เงียบไป ก้าวเข้าไปหาแล้วทำหน้าที่ของตนให้เสร็จไป
ด็อกเตอร์ซีกเลอร์ไม่รู้เลยว่าวันหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นจะหายไปจากความดูแลของเธออย่างที่ไม่ได้เตรียมใจและตั้งตัว
เอเจนท์ของโอเวอร์วอชคนหนึ่งบอกเธอว่า ‘เขาคนนั้น’ อยู่ที่เนปาลกับออมนิคตนหนึ่ง
แองเจล่าแจ้งกับหัวหน้ามอร์ริสันเป็นกรณีพิเศษ แจ้งว่ามีธุระที่ต้องจัดการที่นั่น ช่วงนี้เขาดูจะวุ่นวายกับบางสิ่งบางอย่างเป็นพิเศษ จึงไม่ได้มาสนใจธุระเล็กน้อยของเธอ -- คงคิดว่าหมอที่เก่งที่สุดของโอเวอร์วอชคงไปช่วยในภารกิจบางอย่างที่เกเบรียล เรเยส สั่งมา ช่วงนี้ระหว่างสองคนนั้นเหมือนมีบรรยากาศอึมครึมบางอย่าง
และเธอก็ได้เจอเขา ที่หมู่บ้านแสนสงบแห่งหนึ่งในเนปาล ท่าทางเขาดูสงบสุขุมขึ้นกว่าที่เธอเจอครั้งก่อน คล้ายกับว่าได้ค้นพบบางอย่างที่ขาดหายไปเมื่อตอนไม่เหลืออะไรกลับคืน ครั้งนี้เก็นจิคล้ายกับยิ้มน้อย ๆ ด็อกเตอร์ซีกเลอร์อดคิดไม่ได้ว่ากริยานั้นช่างเหมือนกับเด็กหนุ่มที่ยังไม่ประสีประสา
“สวัสดี ด็อกเตอร์ซีกเลอร์” เสียงนั้นสุภาพ ภาพของชายหนุ่มซ้อนทับกับสายตาเกรี้ยวกราดเมื่อครั้งที่เขาลืมตาตื่น หลังเฉียดจากเส้นความตายไปเพียงนิดเดียว มองแล้วคล้ายว่าไม่ใช่คนเดียวกัน
มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป คล้ายว่าเขาเป็นมากกว่าที่เธอเคยรู้จัก -- ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ตามคำสั่งอีกต่อไป
“ท่าทางคุณดูดีขึ้นนะ”
“ผมไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว” เก็นจิว่า “คุณล่ะเป็นไงบ้าง”
แองเจล่าเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่เคยโกรธแค้นเธอมาก่อนจะถามแบบนั้น ‘เธอ’ เป็นคนแปลงให้เขาไม่เหมือนคน ทำร้ายเขาถึงขนาดนั้น ปกติแล้วคนที่ถามคำถามนั้นกับเธอมีแต่บรรดาเพื่อนร่วมงานที่ถามตามมารยาท จะให้คิดเอาหรือว่าฝ่ายนั้นมีใจไถ่ถามสุขทุกข์ของเธอก็ไม่ใช่ เขาคงได้รับการอบรมมารยาทมาแล้วเสียมากกว่า
“หมอสบายดี ขอบคุณ”
“ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณออกเสียงคำว่าเก็นจิได้ถูกแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มครึ่งคนครึ่งโลหะว่า เธอขอถอนคำพูดเรื่องมารยาทนั่นทิ้งไปเสีย ดูท่าฝ่ายนั้นยังคงปากคอเราะร้าย “แต่ตอนนี้ถ้าพวกเราจะมาแนะนำตัวทำความรู้จักกันใหม่จะได้ไหม ถ้าคุณจะกรุณา และอย่าแทนตัวเองว่าหมอเถอะ ฟังแล้วเหมือนคุณจะซ่อมผมอยู่ตลอดเวลา”
เธอนิ่ง เขานิ่ง มีแต่ความเงียบสงัด เมอร์ซี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะโต้ตอบยังไงดี
“เก็นจิ...ชิมาดะ เก็นจิ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฝ่ายนั้นยื่นมือที่เป็นโลหะเยียบเย็นออกมา
ชั่วอึดใจหนึ่ง เธอมองแล้วเหมือนเห็นฝันร้ายยื่นมาตรงหน้า ผลงานของเธอ -- แต่เมื่อเห็นเจตนาอันแน่วแน่ ไม่ยอมชักมือกลับไปเสียทีนั่นแล้วก็ได้แต่จำนน เอื้อมมือไปแตะแล้วรู้สึกเหมือนกำลังโดนเข็มทิ่มตำเพราะความผิดครั้งเก่าก่อน แต่ก็ยังยิ้มตามมารยาท “แองเจล่า ซีกเลอร์”
“คุณช่วยผม ผมควรขอบคุณ” เก็นจิคล้ายกำลังใช้ความคิด เสียงตะกุกตะกักครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปาก “แองเจล่า เรียกอย่างนี้ได้หรือเปล่า”
ขอบคุณงั้นหรือ นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเธอควรได้รับเลย แองเจล่าเหมือนตัวเองเป็นหนี้เขาด้วยความรู้สึกผิด เพราะอย่างนั้นเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นเธอควรให้เก็นจิได้ “ได้สิ”
ฝ่ายนั้นจ้องหน้าเธอคล้ายรออะไรบางอย่าง ไม่รู้ว่าทำไมเมอร์ซี่ถึงรู้ด้วยความรู้สึกว่าเขารออะไร
“เก็นจิ...”
เจ้าของชื่อหัวเราะอย่างไม่คิดจะปิดบัง ชื่อของเขาจากปากของเธอยังคงไม่ชัดอยู่เหมือนเคย
“ไว้ผมจะสอนคุณ วิธีเรียกชื่อน่ะ”
เก็นจิชอบส่งจดหมาย และไม่ว่าอย่างไรเจ้ากระดาษในซองเรียบง่ายก็เหมือนจะหาเธอพบเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสมรภูมิไหน ไม่ว่าจะห่างไกลหรือว่าใกล้ เมอร์ซี่เดาเอาว่าเป็นเพราะชื่อของด็อกเตอร์แองเจล่า ซีกเลอร์ ผู้สร้างปาฏิหาริย์ อดีตเอเจนท์ของโอเวอร์วอชนั้นดึงดูดความสนใจราวกับถูกส่องด้วยสปอตไลท์ ทุกที่ที่เธอเหยียบย่างไปย่อมถูกจับตา
ไปรษณีย์นกกระจิบ หญิงสาวนึกอยากเรียกอย่างนั้น
ตอนแรกแองเจล่าไม่เคยส่งจดหมายตอบ เพียงแค่อ่านและรับรู้อย่างเฉยชา แค่ในนั้นเห็นว่าเขายังอยู่ดีมีสุข เธอก็พอใจที่คนในความรับผิดชอบของเธอไม่ได้แตกสลายไปอีกหน แต่ช่วงหลังมานี้ฝ่ายนั้นเหมือนจะจับทางได้ จึงเขียนประโยคที่เป็นคำถามส่งมา และหากเธอจะไม่ตอบก็กระไรอยู่
เมอร์ซี่ไม่คิดว่าชายคนนั้นจะใส่ใจถามไถ่กันเหมือนเป็นเพื่อน เขาแค่กังวลว่าถ้าหากส่วนไหนของร่างกายชำรุดไป คงคิดว่ายากที่จะหาใครมารักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียมเท่าเธอ คิดแล้วก็ขมขื่น...อาจมีคนทำได้ และทำได้ดีกว่าเธอเสียอีกด้วย ป่านนี้เทคโนโลยีที่สร้างไว้กับมืออาจถูกต่อยอดไปไกลกว่าที่เธอจะต้องการ
แองเจล่าอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนที่ไอน์สไตน์สร้างสมการสั้น ๆ นั่นขึ้นมา เขาจะเสียใจอย่างสุดแสนหรือเปล่าที่มันถูกเอาไปล้างผลาญชีวิตคน
กระนั้นเลย เธอก็ชอบการโต้ตอบด้วยจดหมาย ไม่ต้องมีการกลบเกลื่อนสีหน้า ทำตัวตามมารยาท เพียงแค่เขียนมันลงไปเท่านั้น มิหนำซ้ำยังมีเวลาคิดได้นานว่าสิ่งใดกันที่เหมาะสม
ตอนนี้ด็อกเตอร์ซีกเลอร์กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำหน้าที่ตลอดชีวิตของเธออย่างการช่วยเหลือคนอยู่ที่สมรภูมิแห่งหนึ่งในเกาหลี ที่นั่นความเสียหายหนักหนาจนใครไม่อาจเรียกว่าบ้านอีกต่อไป เมื่อสิ้นสุดวัน...เมอร์ซี่ถอดวัลคีรีสูทที่เธอใช้ในบางโอกาสออก แล้วก็กลับกลายเป็นแองเจลา ซีกเกอร์ หญิงสาวธรรมดา และเมื่อหลับตาข่มลงนอนฝันร้ายถึงพ่อและแม่ก็เปลี่ยนเธอให้เป็นเด็กหญิงผมทองตัวน้อยท่าทางเศร้าสร้อยในงานศพ
เธอจำได้ว่าร้องไห้จนน้ำตาแทบไม่มีให้ไหล จากนั้นจึงตั้งใจจะช่วยคนจากสงครามให้กลับบ้านได้มากกว่าปริมาณน้ำตาของตัวเอง อย่าได้มีใครเป็นเหมือนเด็กหญิงคนนั้น ขออย่าได้มี
คืนนั้นแองเจล่านอนไม่หลับอย่างที่ไม่เป็นมาสักพักใหญ่ บางทีภาพเด็กน้อยที่กรีดร้องหาพ่อและแม่ทั้งเนื้อตัวเปื้อนฝุ่นในวันนี้นั้นสะกิดความทรงจำมากเกินไป เธอยื่นมือออกไป รับความเจ็บปวดของเด็กคนนั้นไว้ในอ้อมกอด แต่ไม่อาจเป็นสิ่งใดที่ทดแทนสิ่งที่ร่างเล็ก ๆ นั่นเรียกหาได้ เธอกะพริบตาไล่ความคิดที่ฟุ้งเหมือนควัน ดวงตาสีฟ้าเหลือบเห็นกระดาษกับเส้นหมึกเป็นระเบียบตรงโต๊ะข้างหัวนอน จดหมายจากเก็นจิ -- เธอตัดสินใจอ่านมัน
สองวันต่อจากนั้น เมื่ออะไรเริ่มดีขึ้นพอที่จะรับมือไหว เมอร์ซี่เดินทางไปฮานามูระ
เก็นจิรอเธออยู่ที่นั่น ท่าทางดูดีกว่าที่เธอนึกภาพไว้ แขนขาของเขายังขยับได้ดี ไหนเลยว่าชายหนุ่มส่งจดหมายมาบอกเธอว่าแขนซ้ายนั้นแทบขยับใช้การไม่ได้ ที่ฮานามูระนี่ก็เป็นแค่เมืองธรรมดาไม่ได้มีศูนย์แพทย์ใหญ่โตถึงขั้นรับมือรักษาครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์ได้ และเพราะใบหน้าซีกหนึ่งนั้นปิดบังไว้ใต้หน้ากาก แองเจล่าจึงอ่านได้แต่เพียงแววตาที่มีแววสำนึกผิด
“ขอโทษนะแองเจล่า ผมแค่อยากรู้ว่าคุณเป็นยังไง”
เป็นไม่กี่ครั้งที่ตรรกะที่แม่นยำเสมอของด็อกเตอร์ซีกเลอร์ไม่รู้จะตีความสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร จึงได้แต่ตอบด้วยน้ำเสียงตามมารยาทเหมือนเคย “ฉันสบายดี” ประโยคเดียวกับในจดหมายเป๊ะ
“ผมอยากรู้มากกว่าแค่คำว่าสบายดี” ชั่วขณะนั้น เก็นจิช่างเหมือนเด็กหนุ่มดื้อดึง ทายาทนอกรีตผู้ใช้ชีวิตเสเพลของตระกูลชิมาดะ อดีตส่วนหนึ่งของเขา “คุณเคยพักผ่อนบ้างหรือเปล่า ไปนู่นมานี่ จนบางครั้งกว่าจดหมายจะถึงคุณก็ไม่อยู่แล้ว”
น่าแปลกใจ แต่ตอนนี้แองเจล่ากำลังยิ้ม แม้รอยยิ้มนั้นจะเป็นเพียงรอยยิ้มบางเบาประดับที่ริมฝีปาก อาจเป็นเพราะเธอนึกขันกับความตรงไปตรงมานั่น หรืออาจเป็นเพราะความรู้สึกผิดส่วนหนึ่งได้เบาบางลงไปบ้าง เมื่อเห็นผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าที่เคย
“ก็ใช้วิธีที่เร็วกว่านั้นหน่อยสิ”
“ข้อความอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้นมันไมได้อ่านความรู้สึกได้เหมือนลายมือนี่”
อยู่ ๆ สถานการณ์ก็ดูจะประดักประเดิด เขาจะมาอยากรู้ความรู้สึกของเธอไปทำไมเล่า แองเจล่าไม่รู้จะเปลี่ยนประเด็นสนทนาอย่างไร นึกได้แต่ช็อกโกแลตของสวิสเซอร์แลนด์ในกระเป๋า ของโปรดของเธอที่ติดตัวไว้กินแก้หิวเวลาที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาจะไปหาอาหารดี ๆ
“ฉันมีช็อกโกแลตมาให้คุณ เก็นจิ ของสวิสด้วย มันดีที่สุดเลย” หญิงสาวว่า ยื่นห่อช็อกโกแลตไปตรงหน้า หวังแค่ว่ามือนั้นจะรับมันไปเฉย ๆ และเธอจะได้บอกลา เลิกแล้วต่อกันเสียที ไหน ๆ เขาก็รู้ว่าเธอสบายดีแล้วนี่
“ขอบคุณนะแองเจล่า บางที...” น้ำเสียงนั้นสุภาพอ่อนโยน ดูมีแววลังเลเล็กน้อยก่อนว่าต่อ “คุณอาจจะแบ่งมันกับผมก็ได้นะ”
ด็อกเตอร์ซีกเลอร์เลิกคิ้ว ไม่รู้จะตอบรับหรือปฏิเสธ ผู้ชายคนนี้ทำให้ระบบตรรกะของเธอรวนครั้งใหญ่อีกแล้ว
“คุณบอกว่ามันดีที่สุด เพราะงั้นมันคงเป็นของโปรดของคุณ ใช่หรือเปล่า แองเจล่า”
เธอเคยคิดว่าชื่อของเธอไม่ว่าใครเรียกก็เหมือนกันทั้งนั้น จะ ‘คุณหมอ’ ‘ด็อกเตอร์ซีกเลอร์’ ‘เมอร์ซี่’ หรือ ‘แองเจล่า’ แต่ตอนนี้เวลาที่เก็นจิพูดคำนั้น มันเจือแววบางอย่างที่เธอเลือกที่จะทำให้มันเลือนแค่พอจดจำเพื่อไม่ให้เจ็บปวด เหมือนบางอย่างในน้ำเสียงของพ่อและแม่ ทำให้อุ่นใจยิ่งกว่าสิ่งใด แต่เธอไม่อยากรับมัน
เมอร์ซี่ย้ำบอกตัวเอง -- เธอจะแค่เฝ้ามองดูเขาอย่างนี้ตลอดไป ในฐานะความรับผิดชอบ ไม่เกินเลยไปมากกว่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in