รีวิวเว้ย (1938) ประชาธิปไตยแนวคิดที่สร้างทั้งความรักและความขัดแย้ง ในสังคมไทยปัจจุบัน หากจะมีแนวคิดหรืออุดมการณ์ใดที่สามารถสร้างทั้ง ความจงรักและจงชัง ได้อย่างจริงจังพร้อมกัน คงหนีไม่พ้น "ประชาธิปไตย" ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเคลื่อนไหวที่ใช้คำนี้เป็น เครื่องมือช่วงชิงความชอบธรรม หรือในอีกด้านหนึ่งก็กลายเป็น สัญลักษณ์ของความไม่สงบ สำหรับคนบางกลุ่มอย่างชัดเจน ความซับซ้อนนี้ยังนำไปสู่ความพยายามในการ ช่วงชิงความหมาย ของประชาธิปไตยเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ดังเช่นการบัญญัติคำว่า "เผด็จการประชาธิปไตย" ที่เมื่อได้ยินแล้วชวนให้ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใดนำสองคำที่เป็นปฏิปักษ์ในตัวเองมาผสมผสานกันได้ แน่นอนว่า ประชาธิปไตย ยังคงเป็นประเด็นที่ถูก ถกเถียง กันอย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสม ความสำคัญ และความจำเป็นในสังคมไทย หากแต่เพื่อให้การถกเถียงนี้มี คุณค่า มากยิ่งขึ้น สิ่งที่เราควรทำเป็นอย่างแรกคือ แสวงหาความรู้ เพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเรากำลังถกเถียงกันด้วยเรื่องใดและด้วยวิธีการใด และคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการ ทำความเข้าใจชีวิตช่วงยาวของประชาธิปไตย เพื่อศึกษาตัวตนและพัฒนาการของแนวคิดนี้ให้กระจ่างชัดยิ่งขึ้นก่อนการตัดสินใจใดๆ

หนังสือ : ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น
โดย : วริศา กิตติคุณเสรี แปล
จำนวน : 264 หน้า
.
"ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น" ในชื่อภาษาอังกฤษว่า "The Shortest History of Democracy" หนังสือประวัติศาสตร์ขนาดกระชับที่จะพาเราไปทำความเข้าใจในเรื่องของ "ประชาธิปไตย" สิ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นสำคัญของโลก ที่ทั้งถูกให้คุณค่าในฐานะของเครื่องมือในการจัดการปกครองที่ดีเยี่ยม ในขณะเดียวกันตัวของมันเองก็ถูกมองในฐานะของ "ผีร้าย" ในฐานะของเครื่องมือที่สร้างความวุ่นวายผ่านการจัดการปกครอง อาจเรียกได้ว่า "ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น" คือหนังสือที่จะพาเราไปทำความเข้าใจในสิ่งที่มีทั้งคนรักและเกลียด (อาจจะพอ ๆ กัน) ผ่านมิติของการบอกเล่าจากไทม์ไลน์ของ "ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย" ในแบบที่ระบบการศึกษาไทยไม่มีวันนำเสนอออกมาในแบบที่หนังสือเล่มนี้ทำ
.
"ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น" นำเสนอการเล่าเรื่องในรูปแบบของเส้นเวลาที่นำพาผู้อ่านกลับไปย้อนทำความเข้าใจ ตามหาความหมายและการก่อกำเนิดของสิ่งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย" ที่ย้อนกลับไปไกลกว่ายุคสมัยของกรุงเอเธนส์ และ "ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น" จะพาเราเดินไปบนเส้นเวลาที่บอกเล่าพัฒนาการ ความเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย หายนะและจุดสิ้นสุดของประชาธิปไตยในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง ผ่านหมุดหมายของการศึกษาประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย 3 จุด อันได้แก่ ประชาธิปไตยแบบประชุมหารือ, ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง และประชาธิปไตยแบบจับตาตรวจสอบ ที่ในแต่ละจุดตัดของเส้นแบ่งช่วงเวลาประชาธิปไตยนั้น ผู้เขียนได้นำเสนอมุมมองทางประวัติศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นและส่งผลโดยตรงต่อรูปแบบของประชาธิปไตยในแต่ละช่วงเวลาเอาไว้อย่างน่าสน (ปนประหลาด) ใจ โดยเนื้อหาของ "ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น" แบ่งไว้ดังนี้
.
01 ลำดับเหตุการณ์ของประชาธิปไตย
.
02 บทนำ
.
03 ภาคหนึ่ง ประชาธิปไตยแบบประชุมหารือ
.
04 ภาคสอง ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง
.
05 ภาคสาม ประชาธิปไตยแบบจับตาตรวจสอบ
.
06 บันทึกท้ายเล่ม
.
"ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น" ทำให้เรามองเห็นสัจธรรมข้อหนึ่งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในเรื่องของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดมาของประชาธิปไตย โดยนับย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์กระทั่งถึงปัจจุบัน ประชาธิปไตยก็ยังเผชิญความเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย อีกทั้งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาของ "ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยฉบับสุดสั้น" แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาธิปไตยนับเป็นระบอบที่มีพลวัตไม่รู้สิ้น ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้งก็อิงแอบอยู่กับความเปลี่ยนแปลงของบริบทสังคมและบริบทของโลก แน่นอนว่าในอนาคตข้างหน้าประชาธิปไตยจะยังคงอยู่หากแต่จะเปลี่ยนหน้าตาเป็นเช่นไร หรือจะสร้างนวัตกรรมประชาธิปไตยอะไรออกมาเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนผ่านจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างครั้งอดีต สิ่งนี้นับว่าน่าติดตามจับตาว่าประชาธิปไตยที่มีชีวิตจะเติบโตต่อไปเช่นไร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in