เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (3)Chaitawat Marc Seephongsai
ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น By ฐณฐ จินดานนท์ แปล
  • รีวิวเว้ย (1936) เห็นข้อความหนึ่งของเจ้าของสำนักพิมพ์ PARAGRAPH ผู้ให้กำเนิดหนังสือ "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" (ในภาษาไทย) ว่าภาพสตรีที่อยู่บนปกคือ "ปันเจา" นักประวัติศาสตร์หญิงคนแรกของจีน เลยลองค้นข้มูลแล้วพบว่าชีวิตของปันเจานี่ก็น่าสนใจไม่น้อยและการเลือกให้เธอมาอยู่บนปกนับเป็นความคิดที่น่าสนใจ เพราะด้วยประวัติของปันเจา (ค.ศ. 49–116) ระบุไว้ว่า เป็นนักประวัติศาสตร์หญิงคนแรกของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากผลงานการสานต่อการเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ฮั่นซู ที่พ่อและพี่ชายได้ทำค้างไว้จนเสร็จสมบูรณ์ ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า นอกจากความสามารถด้านประวัติศาสตร์แล้วเธอยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นพระอาจารย์ถวายการสอนแก่พระมเหสีและนางในในราชสำนัก และเป็นผู้ประพันธ์หนังสือหนี่ว์ เจี้ย หรือ บัญญัติสตรี ซึ่งเป็นวรรณกรรมสอนจรรยาบรรณสตรีตามหลักปรัชญาขงจื๊อที่มีอิทธิพลต่อสังคมจีนโบราณเป็นอย่างมาก ทำให้ปันเจาเป็นสตรีนักปราชญ์ที่ได้รับการยกย่องทั้งด้านวิชาการและเป็นแบบฉบับของยอดกัลยาณีมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถ้าอ่านประวัติของปัจเจาดูแล้วจะพบว่าสังคมจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกก็ดูจะให้ความสำคัญกับบทบาทของสตรีอยู่มิใช่น้อย และการเลือกเอาปันเจาที่เป็นสตรีมาขึ้นปกหนังสือเรื่องจีนที่เขียนโดยนักเขียนหญิงจึงน่าสนใจไม่หยอก
    หนังสือ : ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น
    โดย : ฐณฐ จินดานนท์ แปล
    จำนวน : 360 หน้า 
    .
    "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" (The Shortest History of China) ผลงานของ ลินดา เจวัน ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ช่วงยาวของจีน (ก่อนที่จะถือกำเนิดจีน) ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผานกูแบ่งแยกดินฟ้า และนีว่าซ่อมแซมท้องฟ้าและสร้างมนุษย์ และบอกเล่าเรื่องราวของแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ผ่านพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ตามแต่ละราชวงศ์และยุคสมัย ไล่มาตั้งแต่ก่อนเซี่ย (xià) จนถึงช่วงเวลาหลังแมนจู กระทั่งถึงช่วงเวลาของตีนภายใต้ราชวงศ์สี (xi) ผู้มีอิทธิพลและบทบาทอย่างมากต่อจีนในสมัยปัจจุบัน (พ.ศ. 2568) อาจเรียกได้ว่า "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" นับเป็นหนังสือที่มีความทะเยอทะยานในการบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ช่วง (โคตร) ยาวของจีนให้อยู่ภายใน 360 หน้ากระดาษ โดยที่เลือกตัดทอนและนำเสนอในสิ่งที่น่าสนใจและแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของบริบททางประวัติศาสตร์ในแต่ละช่วงเวลาตลอดประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจ
    .
    โดยที่เนื้อหาของ "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ ทำให้จำนวนบทของ "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" มีอยู่ด้วยกันถึง 15 บท ดังนี้
    .
    บทที่ 1 จุดกำเนิด: ครั้นเมื่อไขฟัก อารยธรรมถือกำเนิด
    .
    บทที่ 2 ราชวงศ์โจว: จากการปกครองตามอุดมคติสู่ยุครณรัฐ
    .
    บทที่ 3 ราชวงศ์ฉิน: รวมชาติ ทรราชย์ และใต้ฟ้าทั่วหล้า
    .
    บทที่ 4 ราชวงศ์ฮั่น: แผนร้าย นวัตกรรม และว่างแผนดินชั่วคราว
    .
    บทที่ 5 แตกเอกภาพครั้งใหญ่: สามก๊ก สองนักรบหญิง เจ็ดปราชญ์ และผงห้าแร่
    .
    บทที่ 6 ราชวงศ์ถัง: จากยุคทองสู่ความอาดูรไม่สิ้น
    .
    บทที่ 7 ราชวงศ์ซ่ง: นักสังคมนิยมรุ่นบุกเบิก ศิษย์สำนักขงจื่อใหม่ และวิถีชีวิตคนเมือง
    .
    บทที่ 8 ราชวงศ์มองโกลหยวน: จาก 'การสังหารโหดอันรุ่งโรจน์' สู่นครเจิดจรัส
    .
    บทที่ 9 ราชวงศ์หมิง: เจิดจนัสและเสื่อมถอย
    .
    บทที่ 10 ราชวงศ์แมนจูชิง: ทางขรุขระสู่ความเป็นสมัยใหม่
    .
    บทที่ 11 ยุคสาธารณรัฐ: ตั้งความหวังสูงและการทรยศอันแสนร้ายกาจ
    .
    บทที่ 12 การรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามกลางเมือง: สาธารณรัฐแตกเป็นเสี่ยง
    .
    บทที่ 13 ยุคแห่งเหมา: การปฏิวัติอย่างต่อเนื่อง
    .
    บทที่ 14 ยุคปฏิรูป: ความรุ่งเรืองและความขุ่นเคืองที่ตามมา
    .
    บทที่ 15 ยุคใหม่แห่งสีจิ้นผิง: กองทัพหมาป่าเถลิงอำนาจ
    .
    "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" ทำให้เราเห็นถึงเรื่องราวของจีนในมุมที่หลายครั้งไม่เคยเห็นและมองข้าม หลายครั้งคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวและเรื่องเล่าที่ไม่ได้มีคงามสำคัญต่อประวัติศาสตร์ช่วงยาวของอารยธรรมที่ยาวนานอย่างจีนเท่าไหร่นัก แต่เอาเข้าจริง "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" กลับบอกว่าหลายหนความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และนำพาไปสู่การปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในอารยธรรมจีนหลายหนก็เกิดขึ้นมาจากเรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนเลือกจะมองข้าม ละเลย หลงลืม ยิ่งถ้าเรามีชุดเครื่องมือที่เราเชื่อถืออยู่แต่เดิมในการมองปรากฏการณ์ต่าง ๆ ต่อความเปลี่ยนแปลงของรัฐหนึ่ง ๆ แล้วเรามักจะเชื่อว่าเพราะมี A จึงเกิด B แต่ "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" จะชี้ชวนให้เรามองว่าในระหว่างทางก่อนที่ A จะเปลี่ยนไป B มันอาจจะมีเรื่องราวอื่น ๆ ที่แทรกกลางหรือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ A ไปสู่ B ได้ไวขึ้น และที่สำคัญการได้อ่าน "ประวัติศาสตร์จีนฉบับสุดสั้น" ทำให้นึกถึง ศ.ดร.จุลชีพ ชินวรรโณ ว่าถ้าอาจารย์ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ให้ฉบับภาษาไทย อาจารย์จะบอกเล่าหรือพูดถึงจีนที่อยู่ในหนังสือแบบไหนกันนะ ?

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in