รีวิวเว้ย (1917) สำหรับสังคมไทย อาหารการกินไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของความอยู่รอด แต่ยังเป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ของผู้คนมาอย่างยาวนาน ดังจะเห็นได้จากประโยคทักทายที่คุ้นเคยอย่าง "กินอะไรมารึยัง ?" หรือ "กินข้าวมารึยัง ?" ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องปากท้องเป็นหัวข้อที่ใกล้ชิดและผูกพันกับวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างไม่อาจแยกจากกันได้ประโยคทักทายนี้อาจไม่ได้มีความหมายตรงตัวเสมอไปว่าจะชวนไปรับประทานอาหาร แต่ก็เป็นเหมือน 'รหัสทางวัฒนธรรม' ที่บอกเล่าเรื่องราวความห่วงใยและความใส่ใจที่คนไทยมีให้แก่กันและกัน การใช้คำว่า "กิน" ในการทักทายจึงเป็นการแสดงออกถึงมิตรภาพและความปรารถนาดีได้อย่างแยบยล ทำให้คำถามนี้กลายเป็นภาพจำของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และตอกย้ำว่าอาหารเป็นมากกว่าการบริโภค แต่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่นในฐานะส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของสังคมไทยไปโดยปริยาย

หนังสือ : รสข้ามชาติ
โดย : ชาติชาย มุกสง
จำนวน : 384 หน้า
.
"รสข้ามชาติ" หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์รสชาติของอาหารไทยจากหลากหลายเรื่องราวดังที่ปรากฏอยู่ในคำนำของหนังสือที่ว่า "เนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วย 3 บทความที่ ได้นำมาปรับปรุงดัดแปลงเพิ่มเติม โดยมีประเด็นหลักของ หนังสือร่วมกันคือ เรื่องอาหารและการกินที่ข้ามวัฒนธรรมและ เขตแดนประเทศในฐานะรัฐชาติมาโดยตลอด รวมทั้งได้เพิ่มเติม เนื้อหาใหม่ให้ทันยุคสมัยของการประกอบสร้างอาหารให้เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ..." (น. (11))
.
สำหรับหนังสือ "รสข้ามชาติ" นอกจากเรื่องของประวัติศาสตร์รสชาติแล้ว "รสข้ามชาติ" ยังได้ชักชวนผู้อ่านให้ตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบต่อไปในเรื่องของรสชาติของอาหารไทยที่ถูกหยิบชูเอาไว้ใน "นโยบายซอฟต์พาวเวอร์" ทั้งในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และกลายมาเป็นนโยบายสำคัญที่หลายภาคส่วนของสังคมเห็นพ้องกันว่าอาหารไทยในปัจจุบันในฐานะของซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยจะไปทางไหนดี โดยเนื้อหาของ "รสข้ามชาติ" แบ่งการนำเสนอออกเป็น 5 บท ดังนี้
.
บทที่ 1 ข้ามรสข้ามชาติ: ความหมายของอาหารที่เลื่อนไหล จากชีวิตทางสังคมวัฒนธรรมสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของโลก
.
บทที่ 2 จากการกินขาดมาสู่การกินเกิน: ปฏิทรรศน์ของภาวะโภชนาการในสังคมไทยร่วมสมัย [ปรับปรุงจาก “จากการกินที่ขาดมาสู่การกินที่เกิน: ปฏิทรรศน์ของภาวะโภชนาการในสังคมไทยสมัยใหม่” วารสาร สหศาสตร์, คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล. 5, 2 (พฤศจิกายน 2548): 79-117.]
.
บทที่ 3 ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนรสชาติและความทรงจำของอาหารหวาน ข้ามยุคสมัยจารีตพื้นบ้านสู่อุตสาหกรรมวัฒนธรรมบริโภค [ปรับปรุงจาก “ลิ้นกับฟัน (เฟือง): การเปลี่ยน แปลงประสบการณ์การรับรสและความทรงจำเกี่ยวกับ 'ความ หวาน” จากน้ำตาลพื้นบ้านสู่อุตสาหกรรม.” ใน ภูมิปัญญา สุขภาพ: ปฏิบัติการต่อรองของความรู้ท้องถิ่น กรุงเทพฯ: ศูนย์ มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), 2548.]
.
บทที่ 4 ฟาสต์ฟู้ดกลายพันธุ์: การเปลี่ยนแปลงความหมายของอาหารกับการบริโภคเชิงสัญญะข้ามวัฒนธรรม [ปรับปรุงจาก "ฟาสต์ฟู้ดกลายพันธุ์: การเปลี่ยน แปลงความหมายของอาหารกับการบริโภคเชิงสัญญะข้ามวัฒน ธรรม.” ใน การเดินทางของสินค้าสมัยใหม่, กรุงเทพฯ: ศูนย์ มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), 2550."]
.
บทที่ 5 ข้ามฟ้าข้ามแดนรสไทยไปสู่โลก
.
จะเห็นได้ว่า "รสข้ามชาติ" นอกจากแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและพลวัตของรสชาติในสังคมไทยผ่านประวัติศาสตร์แล้ว หนังสือยังตั้งคำถามต่อแนวทางและการดำเนินนโยบายของรัฐในการผลักดันรสชาติอาหารในฐานะของซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่และโจทย์สำคัญที่รัฐบาลและสังคมไทยอยากผลักดันอาหารไทยให้กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ หลังจากที่เคยดำเนินนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกมานานหลายปี การขยับตัวครั้งนี้ของรสชาติไทยสู่ผลงานของชาติไทยในฐานะซอฟต์พาวเวอร์ของชาติจึงเป็นเรื่องที่ชวนให้ติดตามถึงการข้ามรส ข้ามชาติของรสชาติอาหารไทย หรือนโนบายซอฟต์พาวเวอร์จะสิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐบาลที่ผ่านมา ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in