เห่นโลววววเอฟวรี่บอดี้?? ในที่สุดก็ได้ฤกษ์รีวิวทุนมหาวิทยาลัยปักกิ่งของขงจื่อจุฬาฯสักที!! ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะว่าผู้เขียนไม่ได้เรียนสายศิลป์ภาษาจีนมา (เรียนวิทย์คณิตมา๖ปีเลยค่ะแหะ) +ไม่ได้มีความคิดที่จะเรียนป.ตรีที่ต่างประเทศเลย จึงไม่มีการวางแผนล่วงหน้าใดๆค่ะ เคยได้ยินทุนเกี่ยวกับเป่ยต้ามาบ้างแล้วแต่ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาส(ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ๕๕๕๕)
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University北京大学) aka เป่ยต้า (北大) ป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจีน ก็คืออันดับ๑-๒ สูสีคู่คี่กับมหาวิทยาลัยชิงฮวามาตลอด จากการจัดลำดับโดย Qs University Ranking ปี 2019 มหาวิทยาลัยปักกิ่งอยู่ในลำดับที่ 30 ของโลก (เปรียบให้เห็นภาพก็จุฬาฯบ้านเราอยู่อันดับที่ 271 ของโลกค่ะ)
ทุนนี้จะเปิดรับสมัครในเดือนธันวาคมของทุกปี เราได้เห็นโพสต์รับสมัครทุนนี้ด้วยความบังเอิญในเฟสพอดี โดยในการสมัครเค้าrequireผ่านHSK5และHSKKกลางแต่ในตอนนั้นเราเพิ่งสอบHSK5ไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม(ผลยังไม่ออก)และยังไม่มีคะแนนHSKKเลยจึงได้ทักไปสอบถามอาจารย์ผ่านทางWeChatที่เขียนไว้ในประกาศรับสมัคร อาจาร์ยให้คำแนะนำและตอบตลอดเลยค่ะ น่ารักมากๆ อาจาร์ยบอกว่าถ้ายังไม่ได้สอบHSKKให้补考(สอบทีหลัง)แล้วค่อยนำคะแนนมายื่นได้ แต่คะแนนHSKคือบังคับว่าต้องมีถึงจะสมัครได้ ไอเราก็ปวดหัวเลยทีนี้ เราสอบHSKแบบcomputer basedไป คาดว่าผลจะออกในเว็บประมาณกลางเดือนถึงสิ้นเดือน ซึ่งมันไม่ทันเดดไลน์การสมัครค่ะ!!T___T
ตอนนั้นเราคือเป็นท้อแล้ว แค่ยื่นใบสมัครทำไมมันวุ่นวายจังซี่ เราก็เข้าไปเช็กคะแนนในเว็บทุกวันเลยค่ะว่าออกรึยังๆๆ ปรากฏว่าผลออกก่อนเดดไลน์การสมัครทุนสองวันค่ะ!! น้ำตาแทบไหล รีบยื่นใบสมัครด่วนๆเลย ในการสมัครนั้นสามารถยื่นเองโดยการสแกนเอกสารที่กรอกเสร็จแล้วส่งทางเมล์ได้เลยค่ะหรือจะให้中文老师ที่โรงเรียนยื่นให้ก็ได้ค่ะ แต่ในกรณีเรา อาจาร์ยค่อนข้างงงๆเลยคิดว่าถ้ายื่นเอกสารเองจะวุ่นวายน้อยกว่านี้(แล้วแต่กรณีนะคะ ไปตัดสินใจเอาเอง) พอยื่นสมัครเสร็จแล้วก็รอนอนรอรับอีเมล์แจ้งวันสัมภาษณ์ครั้งที่หนึ่งเลยค่ะ
การสัมภาษณ์ครั้งที่หนึ่งนี่จริงๆมันไม่ใช่การสัมภาษณ์เลยค่ะ มันคือการสอบHSKใหม่ดีๆนี่เอง ซึ่งเราเองเพิ่งไปหาข้อมูลในคืนก่อนการสอบเองค่ะ(รู้เลยว่าชิลล์ขนาดไหน) ซึ่งข้อมูลที่หามาได้ก็จะคล้ายๆกันและมีน้อยมาก นั่นก็คือเค้าจะเอาข้อสอบHSK5มาให้ทำค่ะ
วันสอบจะจัดในวันเสาร์-อาทิตย์ที่คณะอักษรศาสตร์จุฬาฯนะคะ ของปีเราจัดวันที่๒๓ธันวาค่ะ ซึ่งพอมาถึงเค้าจะมีโต๊ะให้ตรวจเอกสาร โดยคนตรวจเป็นผู้หญิงพูดได้แค่จีน พูดไทยไม่ได้ค่ะ(เราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นครูรึเปล่านะคะเราลืมถามlol) เข้าห้องสอบได้ตอน8.30น.และเริ่มสอบตอน9.00น.ค่ะ
ห้องสอบก็เป็นห้องปกติทั่วไป มีโต๊ะเล็กเชอร์เรียงกันแบบสอบกลางภาคที่โรงเรียนปกติเลยค่ะ แต่ที่ไม่ปกติคือที่นั่งใกล้กันมากกก(ไม่เห็นมีคนลอกกันนะคะ) ก่อนเริ่มสอบจะมีการขานเช็กชื่อ(ซึ่งคิดว่าไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ค่ะเพราะตอนนั้นผู้เข้าสอบบางคนไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้เช็กชื่อก็ไม่เป็นไร) ทีนี้พออาจาร์ยผู้ชายพูดไมค์ว่าเริ่มสอบนะ แล้วก็เริ่มสอบแบบงงๆเลยค่ะ เอ๋าาได้หร๊ออ พอเปิดข้อสอบมาก็ช็อคเลยค่ะ อึ้งมาก เพราะมันคือข้อสอบHSK6ค่ะ!!! สำหรับเราที่ชีวิตนี้ไม่เคยเห็นหรือทำข้อสอบระดับ๖มาก่อน ก็คือใบ้กินไปเลยค่ะคุณผู้ชมคะ
ตัวข้อสอบเริ่มด้วย听力มีทั้งหมด๓พาร์ท choice ที่ให้มายาวมากกก แค่อ่านชอยซ์ยังอ่านไม่ทันเลย เสียงก็พูดเร็วมาก อะไรก็ไม่รู้ ก็กาๆไปก่อนนะอย่าคิดเยอะ ส่วน阅读มีให้ทำerrorด้วยค่ะ งงมากกกก ให้หาอะไรเนี่ย เราเลยเทค่ะ พาร์ทนี้กามั่วหมดเลยแหะ ตอนออกจากห้องสอบมาคนเก่งๆเค้าบอกว่าคนที่ทำHSK6จะเทพาร์ทนี้ไว้ทำอันสุดท้ายอยู่แล้ว เราเลยโล่งใจไป และสุดท้าย书写 เป็นการย่อความ โดยเค้าจะแจกกระดาษมาแผ่นนึง เป็นบทความให้อ่านสิบนาที ซึ่งระหว่างสิบนาทีนี้ห้ามจดอะไรทั้งนั้น อ่านได้อย่างเดียว พอครบเวลาเค้าจะเดินเก็บกระดาษบทความคืนแล้วให้เริ่มเขียนย่อความค่ะ
และพาร์ทสุดท้ายนี่เองที่เป็นพาร์ทปราบเซียน ดังที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่าเราไม่ได้เรียนศิลป์จีนมาและในชีวิตประจำวันไม่ได้จับปากกาเขียนตัวอักษรจีนเลย ทำให้เราเขียนตัวจีนไม่ได้ค่ะ๕๕๕๕๕๕ นั่งกุมขมับในห้องสอบเลย มีอยู่ในหัวเป็นหมื่นล้านคำแต่เขียนออกมาไม่ได้สักคำ หันมองรอบห้องทุกคนคือเขียนกันไฟลุกมากๆๆๆ พลิกไปเขียนต่อหน้าหลังก็ยังมี ไอเราก็นั่งเหม่อมองท้องฟ้าไกลนอกหน้าต่างวงไปค่ะเพราะเขียนไม่เป็นฮือออ T___T ทั้งหน้ากระดาษA4เราเลยเขียนไปแค่ว่า “人算不如天算” พอหมดเวลาสอบก็รู้สึกทั้งสิ้นหวังทั้งโมโหค่ะ โมโหที่ตัวเองทำไม่ได้ ก่อนกลับก็บอกเพื่อนเลยว่า ไปปักกิ่งให้สนุกนะ๕๕๕๕
ผลการสอบสัมภาษณ์ครั้งที่๑ออกวันที่ ๗ มกราคมผ่านทางอีเมล์ โดยในเมล์จะแนบกำหนดการสอบสัมภาษณ์รอบ๒มาด้วย ซึ่งนัดวันที่ ๒๐ มกราคม สิ่งที่ต้องพกไปก็มี บัตรประจำตัวประชาชน, เกรด๕เทอม, คะแนนHSK5ใบจริงและใบรับรองการจบค่ะ (ในกรณีที่โรงเรียนไม่มีใบนี้ให้ใช้ใบรับรองสถานะการเป็นนักเรียนแทนไปก่อนได้ค่ะ) และให้พกปากกา, ดินสอ๒บี, ยางลบไปด้วย แต่วันจริงไม่ได้ใช้อะไรนอกจากปากกา๑แท่งเลยค่ะ ให้เอาไปทำไมก็ไม่รู้งง
สอบสัมภาษณ์ครั้งที่๒เป็นการสอบสัมภาษณ์จริงๆค่ะ มีอาจาร์ยจากเป่ยต้ามาสัมภาษณ์เองเลย และครั้งนี้คือรวมผู้สมัครที่ผ่านรอบแรกจากทุกภาคมาสัมภาษณ์พร้อมกันเลย บางคนบินมาจากเชียงใหม่เพื่อมาสัมภาษณ์โดยเฉพาะ ยอมเค้าจริงๆ ตอนเช้าจะมีพิธีเปิดงานและมอบเกียรติบัตรบนเวทีค่ะ ซึ่งช่วงนี้ผู้ปกครองก็จะมาเกาะกระจกถ่ายรูปกัน ตลกมากค่ะ
พอเสร็จพิธีก็เริ่มการสอบสัมภาษณ์เลย โดยจะสอบเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ ๘ คน อาจาร์ยที่สัมภาษณ์ทั้งหมดเป็นคนจีนพูดไทยไม่ได้ค่ะ จะเริ่มโดยให้แนะนำตัวทีละคนก่อน กำชับด้วยว่าขอสั้นๆ แค่ชื่อ, โรงเรียน, คะแนนHSKและHSKKที่ได้, คณะที่อยากเข้า แค่นี้พอค่ะ เสร็จแล้วอาจาร์ยก็ถามว่าใครอยากเป็นตัวแทนออกไปจับสลากคำถาม เราก็ไม่ได้ยกมือค่ะ กลัวอ่านคำถามไม่ออก แล้วก็จะให้คนที่ออกไปจับอ่านคำถามให้เพื่อนฟัง ๓ สอบ ซึ่งเพื่อนๆไม่มีใครฟังรู้เรื่องเลย อาจาร์ยเลยอ่านให้ฟังเองแล้วถามเราว่าเข้าใจคำถามกันมั้ย ทุกคนก็ยังกริบค่ะ เหมือนจะฟังรู้เรื่องแต่ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี อาจาร์ยเลยเอากระดาษคำถามมาให้อ่านกันเอง ทีนี้ถึงบางอ้อกันหมดเลย เพื่อนคนข้างๆเราก็ยังไม่เข้าใจคำถามอยู่ดีเราเลยอธิบายให้ฟังค่ะ ไม่รู้ตรงนี้ได้คะแนนจิตพิสัยเพิ่มมั้ย๕๕๕๕ อ้อออีกอย่างคือเค้าไม่ดูportfolioนะคะ ไม่ต้องพกมาก็ได้
โอโหยาวมาก
เจอกันพาร์ท ๒ นะคะ???
แล้วก็ถ้าหนูอ่านออกฟังได้แต่เขียนไม่เป็นจะไปรอดมั้ยคะ?