เวลาจะเริ่มเขียนอะไรสักอย่าง คุณนึกถึงสิ่งใด
คุณอาจนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ หรืออาจนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เก่าเก็บที่ลืมไปแล้ว ถ้าเกิดไม่มานั่งนึกถึงมันในวันนี้
คุณนึกไปเรื่อยๆ จนเป็นรูปเป็นร่าง แล้วเริ่มเขียนมันออกมา—นั่นเป็นทางออกสำหรับคนที่มีเรื่องเล่า
แต่สำหรับคุณ—คนที่ไม่ว่าจะนั่งนึกยาวนานเท่าไร เหตุการณ์ที่แวบขึ้นมา ก็ไม่มีเรื่องไหนอยากบอกต่อ หรือเล่ามันออกไป
สิ่งที่คุณได้หลังจากนั่งคิดอยู่นาน เลยกลายเป็นความว่างเปล่าในหน้าจอคอมพิวเตอร์
คุณคิดจะปิดโปรแกรม แต่ก็ดันนึกถึงหนังที่เพิ่งดูจบ มันมีชื่อว่า Mistress America หนังที่หากใครถามว่าเกี่ยวกับอะไร คุณจะตอบไม่ค่อยได้ เพราะทักษะด้านการฟังพูดอ่านเขียนภาษาต่างประเทศของคุณนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่คุณก็ดูหนังเรื่องนี้ด้วยซับไตเติลภาษาอังกฤษ คุณเลยไม่ค่อยเข้าใจมันมากนัก ถ้าให้สรุปสั้นๆ คุณก็พอจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องของหญิงสาววัยมหา’ลัยผู้อยากให้เรื่องแต่งของเธอเป็นที่ยอมรับ และหาวัตถุดิบในการเขียนจากเรื่องเล่าของผู้อื่น
ประเด็นของหนังไม่มีอะไรใหม่ เพราะหลังจากนั้นเธอก็ได้รับคำชื่นชม และถูกเจ้าของเรื่องตัวจริงจับได้
คุณพยายามคิดว่าตัวเอกทำถูกหรือผิด เพราะในฐานะของคนเคยเล่าเรื่อง บ่อยครั้งที่คุณเอาเรื่องของเพื่อนมาเล่าโดยไม่ได้ขออนุญาต
เดิมที คุณไม่คิดว่าการเล่าเรื่องผู้อื่นเป็นเรื่องผิด—ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ทำให้เขาเสียหาย
แต่คุณก็ไม่แน่ใจว่าเส้นแบ่งของความเสียหายอยู่ที่ไหน และถ้ากลายเป็นตัวละครในเรื่องเล่าของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว คุณจะไม่เป็นอะไรจริงมั้ย
คุณคิดต่อไปเรื่อยๆ จนหน้าจอคอมพิวเตอร์กลายเป็นสกรีนเซฟเวอร์ คุณขยับเมาส์ให้หน้าจอเผยโปรแกรมที่เปิดค้างไว้ คุณอยากแสดงความเห็นในเรื่องนี้ อยากสื่อให้เห็นว่าเราต่างฉกฉวยเอาชีวิตของคนอื่นมาเล่าให้สนุกปาก (และสนุกมือ) อยู่เสมอ
คุณอยากเขียนบทความสักชิ้น ตั้งใจจะพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่แค่คิดคุณก็รู้สึกเบื่อกับการเล่าเรื่องแบบนั้น คุณเลยอยากลองเขียนเรื่องแต่งสักเรื่อง กะจะสร้างตัวละครที่มีนิสัยอยากเด่นดังจนเมื่อจะเริ่มทำอะไรสักอย่างก็ต้องดูตัวอย่างจากคนที่ชื่นชอบ หมั่นทำซ้ำจนผู้อื่นคิดว่าเป็นเอกลักษณ์ของตน แล้วพอถึงเวลาสร้างงานก็หยิบเสี้ยวเล็กเสี้ยวน้อยจากงานที่คนชื่นชอบมาประกอบเข้าเป็นหนึ่งชิ้น
ภายในหัวของคุณเริ่มประกอบเป็นถ้อยคำ คุณลองโยกคำนั้นมาไว้ข้างหน้า ลองย้ายท่อนนี้ไปไว้ข้างหลัง คุณคิดว่ามันเริ่มเข้าท่า เตรียมจะพิมพ์มันอย่างเป็นจริงเป็นจัง
อาจฟังดูเหมือนจุดจบของเรื่องเล่าห่วยๆ แต่อยู่ดีๆ คุณก็เริ่มไม่มั่นใจว่าเรื่องเล่าของคุณจะปราศจากการนินทาหรือฉกฉวยเสี้ยวชีวิตของคนอื่นได้แบบร้อยเปอร์เซนต์
คุณอยากเล่าเรื่องที่เป็นของคุณ แต่ก็กลัวว่าจะเป็นเพียงการรายงานเหตุการณ์ในชีวิตของผู้อื่น
พอคิดต่อไป คุณก็ยิ่งไม่มั่นใจว่าในความคิดของคุณมีตัวคุณอยู่มากแค่ไหน ความคิดในตอนนี้อาจตกค้างมาจากนักคิดนักเขียนสักคนที่คุณติดตามผลงาน หรือไม่ก็อาจตกค้างมาจากหนังที่คุณเพิ่งดู
คุณไม่มีคำตอบให้กับความคิดข้างต้น (อันที่จริง คุณไม่มีคำตอบให้กับคำถามใดเลย) สมองเริ่มริบถ้อยคำที่คุณเพิ่งคิดได้กลับคืน ท่าทางกระตือรือร้นอยากเล่าเรื่องเริ่มหดหาย
คุณไม่กล้าพิมพ์สิ่งใด คุณเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง คุณเริ่มสับสนว่าตัวคุณคืออะไร
คุณได้แต่ตั้งคำถามไป
ไม่มีคำตอบหลุดรอดออกมา
แต่คุณเชื่อว่าความคิดของคุณในตอนนี้น่าจะเป็นตะกอนความคิดที่มาจากใครสักคน
* แรงบันดาลใจจาก Mistress America หนังว่าด้วยชีวิตของหญิงสาวเฟรชชีในรั้วมหา’ลัยที่จูนกับคนรอบข้างไม่ติด และได้ที่ยึดเหนี่ยวเป็นหญิงวัยสามสิบที่กำลังจะมีสถานะเป็นพี่สาวจากว่าที่พ่อเลี้ยงในอนาคตของเธอ, ผลงานกำกับของ Noah Baumbach
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in