เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คุยเล่นจนเป็นเรื่อง: รวมบทสัมภาษณ์ของนักเรียนเขียนเรื่อง 2019 และ 2022อ่าน-คิด-เขียน
เสียงที่มองเห็น ฟังเสียงสื่อประเด็นสังคมผ่านลายเส้นและสีสัน
  • บทสัมภาษณ์โดยนักเรียนเขียนเรื่อง จากรายวิชา "ศิลปะการเขียนร้อยแก้ว" เมื่อเดือนธันวาคม 2562


    หากงานศิลปะคือภาพแทนตัวตน ความคิด ทัศนคติ อุดมการณ์ และมุมมองต่อโลกของศิลปินคนหนึ่ง ผลงานภาพการ์ตูนที่มีสีสันสดใสมีชีวิตชีวาราวกับมีการขยับไหว รายละเอียดถูกตัดทอนให้ภาพดูง่ายขึ้น ทำให้เข้าถึงได้ง่ายไม่ว่ากับใครก็ตาม ทั้งยังมีความหมายบางอย่างที่เชื่อมโยงกับคนบางกลุ่ม คงเป็นตัวตนของฟ้าพัชชา ชัยมงคลทรัพย์

    และนั่นก็คือครั้งแรกที่เราได้รู้จักฟ้าผ่านลายเส้นและสีสันของเธอ

    ภาพ: PHAR (http://bit.ly/2thHP1m)

               แต่แล้วฟ้าก็ทำให้เราค้นพบว่านั่นอาจเป็นการรู้จักเพียงผิวเผิน หรือไม่ก็คงเป็นการรู้จักตัวตนเพียงด้านเดียวของเธอเท่านั้น เพราะเมื่อเรารู้ตัวอีกที บทบาทในฐานะ นักวาดของฟ้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนดังจะเห็นได้จากผลงานในระยะหลังของเธอเมื่อฟ้าผันตัวไปเป็นกราฟิกอยู่ที่โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนหรือ iLaw จากนักวาดธรรมดาสู่นักวาดเพื่อการเคลื่อนไหวทางสังคม งานวาดของฟ้าจึงเริ่มมีเรื่องราวหรือสตอรี่บางอย่างที่เห็นได้ชัดขึ้นถึงประเด็นทางสังคม หรือบางที นี่อาจเป็นตัวตนของฟ้าแต่แรกเริ่มเพียงแต่เรายังไม่มีโอกาสได้รู้จัก อีกทั้งเสียงที่ฟ้าสื่อผ่านภาพของเธอล้วนมีมานานแล้วเพียงแต่เราไม่นึกเอะใจถึงสารในผลงานของเธอเสียเอง เราผู้แอบเฝ้ามองและสนใจการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงชวนฟ้ามานั่งพูดคุยต้นสายปลายเหตุ และพูดคุยถึงผลงานของเธอไปพร้อมกัน

    เสียงที่มองเห็นได้

    สติ๊กเกอร์รูปแมวที่สื่อประเด็นทางสังคมต่าง ๆ
    โดย PHAR (http://bit.ly/36Ve4Cf)

                จริง ๆ ส่วนตัวก็สนใจประเด็นสังคมหลายเรื่องฟ้าเล่าถึงจุดเริ่มต้นในความเปลี่ยนแปลงของเธอให้เราฟัง หลังเรียนจบแล้วปีแรก ๆ เราก็เริ่มสนใจเรื่องการเมือง เรื่องสังคม เรื่องเพศ เราพยายามที่จะติดตามตลอด เรารู้สึกว่าพอเราเปิดรับความคิดที่เป็นเสรี มันเหมือนเป็นอีกโลกที่เราไม่เคยเจอและเราก็สนใจมาก เราอยากรู้ พออยากรู้เราก็เริ่มหาข้อมูล เริ่มฟังข่าวและศึกษาด้วยตัวเองมาตลอด เราก็เป็นคนไม่ค่อยมีสังคมอะเนอะ จะชอบอยู่คนเดียว แล้วเราก็เหมือนกลัวคนอื่นจะว่าไม่รู้ เราเลยชอบไปเซิร์ช ไปดูคลิป ดูงานสัมภาษณ์ พอเริ่มเปิดโลกเราก็เริ่มรู้จักคนเยอะขึ้น มันไม่ได้รู้สึกว่าเราจะต้องเป็นนักวิชาการ มีความ intellectual ขนาดนั้น เราแค่รู้สึกว่าสนุกดี เวลาดูการเมืองจะเหมือนเรากำลังดูหนังอยู่

    แล้วเราก็รู้สึกว่าในจุดนึงเราไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้ที่ติดตาม ด้วยความที่เราจบด้านการสื่อสารมา เราเลยรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วคนเรียนสื่อสาร เรียนนิเทศ เรียนออกแบบวาดรูป มันเรียนมาเพื่อแก้ปัญหา แล้วเราก็รู้สึกว่าเรามีศักยภาพพอที่จะช่วยทำให้การสื่อสารประเด็นหรืออุดมการณ์บางอย่างมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น มันสร้างสรรค์มากขึ้น ดึงคนจากกลุ่มที่เขาไม่สนใจให้เขามาสนใจได้ นั่นเป็นเรื่องที่เราอยากทำ

    เมื่อเราถามถึงจุดเปลี่ยน หรืออะไรที่ทำให้ฟ้าตัดสินใจย้ายจากงานประจำเดิมของเธอไปทำงานที่โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อประชาชน หรือ iLaw ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ฟ้านิ่งคิดไปก่อนตอบเรา

    "จริง ๆ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้นะว่าเราไปแล้วเราจะได้อะไร แต่อย่างน้อย ๆ ก็คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ คิดถึงเรื่องที่ตัวเองอยากทำ กับเรื่องส่วนตัวของตัวเองที่ว่าเราก็อยากพัฒนาตัวเองในด้านทักษะต่าง ๆ ซึ่งเราก็คิดว่าถ้าเราอยากขยายตัวเองที่จะเป็นคนพูดประเด็นสังคมได้ เป็นคนที่มีความรู้ด้านนี้ เราก็ต้องลงไปทำงานกับคนกลุ่มนั้น"


    การสื่อสารมันไม่ใช่แค่พูดยังไงให้คนกดไลค์กดแชร์ การสื่อสารที่มีคุณภาพบางทีมันอาจจะเป็นการที่เราค้นคว้า เราค้นพบบางอย่างแล้วเราสื่อสารมันออกมา มันอาจจะเป็นหน้าที่ของเราในแบบนั้น ที่จะทำให้ก้าวไปมากกว่าการสื่อสารเชิงพาณิชย์ที่ต้องขายของชิ้นนึงให้ได้ แต่อันนี้มันคือเราต้องพูดอะไรมากกว่านั้นได้


    ภาพรณรงค์ให้ไปเลือกตั้ง
    โดย PHAR (http://bit.ly/2TwcVgm)

    แม้จะพอเดาได้ราง ๆ ถึงจุดยืนในการเป็นนักวาดของฟ้า กระนั้นเราก็ยังโยนคำถามไปกว้าง ๆ ว่าฟ้าคิดว่าตัวเองวาดเพื่ออะไร และนี่คือคำตอบของเธอ

    วาดเพื่อให้สื่อสารได้เข้าใจง่ายมั้ง ฟ้านิ่งคิดไปอยู่นานก่อนจะอธิบายต่อ หน้าที่เราคือ เราได้เนื้อหามา เราเลยรู้สึกว่าชิ้นไหนเนื้อหาดี เราอยากเล่าเรื่องนี้ให้ภาพมันน่าสนใจอยากให้มันดูดี ให้ทุกคนได้รู้และเข้าใจประเด็นนี้ เราก็จะค่อนข้างอินมากกับการคิดภาพ แค่อยากให้มันดูสวย ดูดี ดึงดูดผู้อ่าน แค่นั้นแหละ เพราะว่าเราอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้คิดประเด็นการวาดได้ดีเหมือนคนอื่น ก็อาศัยการมีประเด็นส่งมาแล้วเราก็คิดภาพวาดออกไป มันก็ได้คิดภาพจากเรื่องบางอย่าง เราชอบเวลาวาดรูปกับข้อเท็จจริง มีข้อมูล มันจะรู้สึกสนุกกว่า

    นอกจากการทำงานประจำที่ iLaw แล้ว ฟ้ายังวาดรูปให้กับ The Potential ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนอีกด้วย เธอจึงถือโอกาสยกตัวอย่างงานของเธอ และเล่าถึงการสร้างผลงานในฐานะนักวาดไปพร้อมกัน

    อย่างงานของ The Potential ที่ทำการ์ตูนเราสนุกนะ สนุกมาก” ฟ้าเล่าด้วยดวงตาเป็นประกาย เหมือนเราได้คิดภาพ คือเขามีประเด็นมาให้แล้วแต่เราเป็นคนคิดภาพ ลำดับภาพเอง เรามีความเป็นอาร์ตไดเรคเตอร์มากกว่าเป็นอาร์ติส เราคิดอย่างนั้นนะ ซึ่งเป็นอาร์ตไดเรคเตอร์ที่เป็นอาร์ติสได้ด้วย เป็นคนกำกับภาพออกมา ไดเรคเตอร์ในแง่ของการเอาข้อมูลมาลำดับการเล่ายังไง เราชอบทำตรงนี้มาก แล้วได้ลำดับข้อมูลในการเล่าด้วยก็จะชอบงานนั้นมากเพราะเรารู้สึกว่าเราได้เป็นเหมือนนักเขียน"

    ภาพประกอบบทความ "ฝันให้ 'โรงเรียน' เปลี่ยนจากโรงงานปลากระป๋อง สู่โรงสอนคิดและสร้างคาร์แรคเตอร์"
    ภาพ: PHAR (http://bit.ly/2RoGNZM)


    ได้ยินดังนั้น เราจึงอดเล่าให้ฟ้าฟังไม่ได้ว่าเราสัมภาษณ์เธอเพื่อส่งงานวิชาอะไร ฟ้าตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเจือความสนใจ "ดีจัง เราก็อยากเรียนเขียนบ้างนะ"


    เสียงของศิลปะ

    มาถึงตรงนี้ เราอยากฟังนิยามตัวเองในฐานะนักวาดหรือศิลปินจากฟ้าดูบ้าง

    เราอาจจะไม่ได้นิยามตัวเองว่าเป็นคนสร้างงานศิลปะขนาดนั้นนะ" ฟ้าตอบอย่างไม่ลังเล "เราเองก็ไม่ใช่สายอาร์ติสที่เพียวอาร์ติสขนาดนั้น เราชอบวาดรูปนะ แต่ก็นิยามตัวเองในแง่ความเป็นศิลปินไม่ออกเหมือนกันนี่อาจเป็นนิยามที่ฟ้าให้กับตัวเอง แต่สำหรับเรา ฟ้าอาจจะไม่ใช่ศิลปินที่มีชื่อเสียงหรือสร้างงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่เธอเป็นนักวาดที่สามารถสร้างงานต่าง ๆ ที่มีเรื่องราว ความคิด และสื่อออกมาในแบบของเธอเองได้อย่างมีเสน่ห์ เรียบง่าย และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครได้หลายคนทีเดียว



    แล้วศิลปะสำหรับตัวเองล่ะคืออะไร เราถาม

    เราคิดว่าเป็นงานออกแบบฟ้านิ่งคิดไปสักพักก่อนตอบ เรารู้สึกว่าศิลปะบางอย่างหรือว่างานออกแบบมันจะมีความหมายบางอย่างได้มันต้องมีประเด็นในตัวของมัน การมีองค์ความรู้เข้ามาประกอบด้วยจะทำให้งานมีความหมายมีคุณค่ามากขึ้น ไม่ใช่ว่าถ้ามันไม่มีมันจะไม่ดีนะ แต่ว่าถ้ามันมีอะไรเข้ามาด้วยก็จะเป็นความหลากหลายที่เพิ่มมากขึ้น เหมือนเป็นความเป็นไปได้ที่เราจะสร้างงานสักอย่างขึ้นมา

    ศิลปะมันอิสระมากนะ 

    ฟ้ากล่าวเสริม มันเป็นได้ทุกอย่าง ทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่คุณจะเรียกมันว่าศิลปะ แต่คุณค่าและความหมายของมันก็จะเปลี่ยนไปตามตัวมันเอง เรื่องเวลาด้วย เรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในการทำงานชิ้นนั้น หรือว่าสตอรี่ที่คนทำและคนดูงานมีเกี่ยวกับมันด้วย มันก็จะเป็นคุณค่าของตัวมันเอง งานบางชิ้นมันออกมาในเวลาอะไร ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มันมีอยู่ดำรงอยู่ตอนนั้นด้วย

    ภาพร่วมเฉลิมฉลองวันสตรีสากล (International Women's Day) ปี 2017 
    โดย PHAR (http://bit.ly/2RmaNW9)

    ศิลปะมันเป็นเรื่องของหลายอย่าง เป็นเรื่องของคอนเทนต์ เวลา แนวคิดในการสร้าง ที่มาด้วย บางทีมันก็ไม่ได้ทำงานแค่กับคนทำด้วย บางทีก็เป็นคนดูด้วยที่ทำงานชิ้นนั้นแล้วมันมีคุณค่าขึ้นมา อย่างเช่นเดี๋ยวนี้พอมีโซเชียล อะไรหลายๆอย่างมันก็ไปได้ไกลขึ้น คนที่ร่วมสร้างงานศิลปะก็คือผู้ชมด้วยเหมือนกันที่จะสร้างความหมายให้กับมัน เมื่องานศิลปะมีปฏิสัมพันธ์กับโซเชียลมีเดียก็ทำให้เกิดคุณค่าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาจากการสร้างงานศิลปะโดยไม่ใช่แค่เกิดจากคนที่สร้างแต่มันเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางกว่าสมัยก่อน เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างแบบทุกคนแลกเปลี่ยนคำวิพากษ์วิจารณ์กัน ได้มุมมองใหม่ๆ ได้อะไรมากขึ้น เลยคิดว่าบางทีงานศิลปะงานหนึ่ง ผู้สร้างอาจจะเป็นผู้ชมด้วยก็ได้

    เมื่อคุยกันมาถึงตรงนี้เราจึงเกิดคำถามว่าฟ้ามีความคิดเห็นต่องานศิลปะที่อินดี้เกินไปจนผู้ชมเข้าไม่ถึงอย่างไรบ้าง

    เราเข้าใจตรงนี้มากฟ้าตอบอย่างตรงไปตรงมา เราก็เคยเป็นพวก ดูไม่รู้เรื่อง อะไรก็ไม่รู้ ไม่ชอบ ดูไม่รู้เรื่อง แต่เราแค่รู้สึกว่า คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนะ’ เหมือนเราถูกสังคมตีกรอบว่า คุณจะต้องเข้าใจนะ ถ้าคุณไม่เข้าใจแสดงว่าคุณโง่ หรือคุณไม่รู้ ซึ่งมันไม่ใช่ เราก็แค่ บางทีชอบหนังอะไรเราก็ไม่รู้เรื่องหรอก แต่เราก็ชอบเฉย ๆ เราคิดว่าคนทำงานศิลปะทำเพื่อให้คนเกิดความรู้สึกบางอย่าง แล้วเราแค่เกิดความรู้สึกบางอย่าง เกิดความคิดบางอย่าง แค่นั้นมันก็ทำงานแล้ว”

    “ในงานศิลปะ เราก็ไม่ได้รู้ลึกซึ้งขนาดนั้น เราก็เคยไปดูแกลเลอรีแล้วเราไม่เข้าใจ แต่เราก็ได้รู้สึกแล้วแหละ รู้สึกว่ามันประหลาดดี งานชิ้นนี้มันมีการปรากฎอยู่ในพื้นที่นั้นแล้ว แล้วเราก็ได้รับรู้ ได้เห็น ได้สัมผัส ได้รู้สึกบางอย่างกับมัน แค่นี้มันก็ทำงานแล้ว หรือบางทีพอมันอยู่ในความคิด พอเราเห็นแล้วเราสงสัย เขาก็อาจจะอยากให้เราสงสัยแหละ เพราะว่าการสงสัยมันนำไปสู่การคิดต่อหรือเชื่อมโยงกับประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเอง แล้วเราก็ได้ทำงานบางอย่างกับตัวเอง มันเหมือนได้มวลความคิดบางอย่างเคลื่อน แค่นั้นก็คือการทำงานของศิลปะ

    แล้วกับคนที่ไม่รู้สึกอะไรเลยกับงานศิลปะนั้นล่ะหรือกับคนที่รู้สึกเฉย ๆ กับงานนั้นล่ะ เราโยนคำถามไปอีก

    ไม่เป็นไรหรอกฟ้าตอบทันที จะรู้สึกเฉยๆ ก็ไม่เป็นไร เราคิดว่าศิลปะมันคืออิสระเสรีภาพ ถ้าคุณคิดว่าศิลปะมันคืออิสระเสรีภาพ มันคือการแสดงออก คุณสามารถรู้สึกหรือคุณจะทำอะไรจะคิดยังไงกับอะไรก็ได้ทั้งนั้น ทุกวันนี้ประเทศไทยในวงการศิลปะอิสระเสรีภาพมันยังไม่มี เวลาคนพยายามที่จะเข้าใจก็เหมือนว่ายังไม่มีอิสระเสรีภาพบางอย่าง เช่น แค่เราไม่เข้าใจแล้วก็จะรู้สึกแย่กับตัวเอง ซึ่งจริง ๆ ก็ปล่อยให้ตัวเองมีอิสระในการคิด ความรู้สึก ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ

    เราอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองตัวเอง ซึ่งก็จริงอย่างที่ฟ้าบอก เราถูกอะไรบางอย่างมากรอบให้ต้องเข้าใจสื่อทุกอย่างที่ได้รับมาจนบางครั้งเราก็ลืมไปว่าการไม่เข้าใจไม่ใช่เรื่องผิด และเราก็ไม่ต้องรู้สึกแย่กับตัวเองแค่เพียงเพราะเราไม่เข้าใจบางอย่างก็ได้


    เสียงถึงเด็ก ๆ

                อย่างที่ทราบในตอนต้นว่านอกจากการเป็นนักวาดเพื่อสื่อประเด็นสังคมเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพแล้ว ฟ้ายังเป็นนักวาดภาพประกอบให้กับ The Potential ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนอีกด้วย อะไรที่ทำให้ฟ้าสนใจทำงานในด้านนี้ เราถาม

                จริงๆ เป็นคนอินกับงานภาพประกอบเด็กมานานแล้วฟ้าเริ่มเล่า เราอินเรื่องเด็ก เรื่องการศึกษา เพราะว่าตั้งแต่เด็ก ความฝันตั้งแต่เด็กน้อยก็คืออยากเป็นครู เพราะรู้สึกว่าการจะเปลี่ยนสังคมนี้ได้มันต้องเปลี่ยนจากการศึกษาเราจะต้องไปปลูกฝังเขาตั้งแต่เด็ก และด้วยความเป็นเด็กเราจึงมีความคิดว่า เราอยากเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้เราต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เราจะเป็นนายก แต่ว่านายกมันยากไป เป็นครูดีกว่า น่าจะเปลี่ยนแปลงได้’ ” ฟ้าเล่าไปหัวเราะไปกับความคิดในวัยเด็กของตัวเอง

    พอมาเรียนออกแบบก็เลยจะอินกับภาพประกอบเด็ก รู้สึกว่าการรับรู้ของเด็กกับสิ่งที่เรารับรู้ตั้งแต่เด็กมันจำฝังใจ จำยันโต อย่างเช่นการปลูกฝังเรื่องการยอมรับในความหลากหลายทางเพศ ทางชาติพันธุ์ สีผิว มันต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ถ้าเราโตมากับครอบครัวหรือสังคมที่มันหลากหลายเราก็จะเข้าใจมันโดยที่เราไม่ต้องมานั่งทำความเข้าใจกับมัน เราแค่เข้าใจมันด้วยตัวเอง เราก็เลยจะชอบจะอินกับงานที่มันเป็นคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเด็ก เกี่ยวกับการศึกษาด้วย


    เสียงถึงใครอีกหลายคน

                แม้ทุกวันนี้ฟ้าจะไม่ได้เป็นครูอย่างที่เธอคิดไว้เมื่อยังเด็กแต่เมื่อถามถึงสิ่งที่ต้องการจะทำจริง ๆ ฟ้าก็ตอบอย่างไม่ลังเล

                อยากขยายให้ไปไกลกว่านี้อยู่ เราคิดว่าคนคนนึงมีความสามารถมากกว่านั้น" 

    "มีหลายคนบนโลกใบนี้ที่เป็นแรงบันดาลใจในแง่ที่ว่าตัวตนของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนได้อีกหลายคน                                     เราก็อยากเป็นแบบนั้น"

                “เราจำได้ว่าตอนที่เราโพสต์การ์ตูน The Potential ลงทวิตเตอร์ฟ้าเล่าถึงผลงานหนึ่งของเธอเมื่อไม่นานมานี้ มีคนไปพิมพ์ในทวิตตัวเองว่า คุณรู้ไหมว่าการวาดของคุณมันพิเศษขนาดไหนต่อโลกใบนี้ คนที่วาดรูปแต่ละคน คุณพิเศษมากสำหรับเรา’ อะไรทำนองนี้ ซึ่งเราคิดแบบ เราให้แรงบันดาลใจกับเขามาก เขาพูดถึงงานเรา เราเลยรู้สึกว่าทวิตนี้มันจะไม่เกิดเลยถ้าเราไม่ได้วาดการ์ตูนเซ็ตนี้ออกมา”


    เพราะวันนั้นยังไง ฉันถึงได้กลายเป็นนักวาดรูป
    โดย PHAR (http://bit.ly/2sp1GeE)

                

              “พอเราเชื่อมโยงกับผู้คนจำนวนมากที่เราไม่รู้จักได้ เราจะสัมผัสได้ว่าตัวเรามันทำอะไรได้มากกว่านั้นนะ ไม่ต้องถึงขั้นลงไปทำแต่ละยูนิตแต่ละคนแต่ว่าทุก ๆ คนมันส่งผลต่อกันและกัน

                แบบนี้ฟ้าก็ดูเป็นคนที่สุดยอดไปเลยใช่ไหมที่ทำอะไรได้ขนาดนี้ ทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน ทั้งยังทำงานเพื่อสังคมในองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้วย เรายิงคำถามไปอีก

                ไม่หรอก เราว่าทุกคนมันส่งผลต่อกันและกันจริง ๆ เรารู้สึกว่าการทำงานเพื่อสังคมมันเป็นหมวดหนึ่งของความชอบ เป็นรสนิยมนะ เหมือนคนชอบออกกำลังกาย เหมือนคนชอบฟังเพลง ไม่ได้ว่าคนคนนี้จะมีคุณค่ามากกว่าคนอื่นขนาดนั้น พอเรารู้สึกชอบ สนใจ มันก็จะรู้สึกอยากเรียนรู้ขึ้นมาเอง เราก็คิดว่ามันไม่ได้มีจุดที่บอกว่าตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะไม่สามารถเรียนรู้หรือสนใจอะไรได้อีกแล้วนะ เราคิดว่ามันเปลี่ยนได้ตลอด เราเลยคิดว่าความชอบมันจะมาตอนไหนก็ได้ อยากทำงานเพื่อสังคมก็ไม่ได้หมายความว่าเลยอายุ 25 จะไม่สามารถทำได้ มันไม่มีอยู่จริง


               

               “ถ้ารู้สึกว่าอยากทำ อยากเอาตัวเข้ามาตรงนี้ หาโอกาสของตัวเองแล้วก็ลองดู มันมีแหละ แต่ถ้าคุณชื่นชมแต่ไม่ได้อยากทำหรอก เราก็อาจจะเป็นคนที่แสดงออกในแบบของตัวเอง เราว่ามันมีหลายทางมากที่ไม่ต้องลงมาทำงานก็สนับสนุนได้ พูดในแบบของตัวเองได้ เอาที่ตัวเองสบายใจ ไม่ต้องไปซัฟเฟอร์กับตัวเองว่าเราต้องทำแบบนี้แบบนั้น ลองดูว่าอะไรเป็นบทบาทที่ตัวเองชอบแล้วก็ทำมันดีกว่า


    เสียงของฟ้า

    ก่อนจะจบการสัมภาษณ์ เราพลันนึกได้ว่าศิลปินแต่ละคนต่างก็มีผลงานชิ้นเอกหรือมาสเตอร์พีซของตัวเอง แม้ฟ้าจะไม่ได้นิยามตัวเองว่าเป็นศิลปินมากขนาดนั้น  แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะถาม

    คิดแป๊บนะคือคำตอบแรกของฟ้า ไม่ได้เป็นศิลปินที่จะมีมาสเตอร์พีซเป็นของตัวเองเธอพูดเสริมขณะกดเข้าเพจรวบรวมผลงานของตัวเองเพื่อหาผลงานให้เราดู สักพักใหญ่ ฟ้ายื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอแสดงภาพภาพหนึ่งมาให้เรา นั่นเป็นภาพวาดที่เราเคยเห็นมาก่อนเมื่อครั้งแรกเริ่มรู้จักฟ้า แต่ครั้งนี้เราจะได้รู้เรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับภาพนี้จากปากเจ้าของผลงานเอง เราตื่นเต้นไม่น้อย



    Tree Hugger
    โดย PHAR (http://bit.ly/35U4Uo7)

    เป็นงานตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว อาจารย์ให้โจทย์ไปวาดรูปประกอบเพลงเพลงเดียว วาด 3 รูป เราใช้เวลากับมันมาก คิด และก็ชอบ มันมาจากเพลง Tree Hugger ของ Kimya Dawson ศิลปินคนนี้ก็จะพูดเรื่องเกี่ยวกับสันติภาพ ความรัก ความหลากหลาย มันเป็น naïve song เนื้อหาก็จะเกี่ยวข้องกับสันติภาพแบบเด็ก ๆ หน่อย เช่นงูอยากจะมีแขนเพื่อกอดต้นกระบองเพชร แต่ต้นกระบอกเพชรก็บอกว่าฉันมีหนามแหลม เธอกอดฉันไม่ได้หรอก กอดดอกไม้ของฉันด้วยตาของเธอเอาละกัน อะไรทำนองนี้ มันเป็นเรื่องความรัก สันติภาพ มัน peaceful โลกสวยแต่ว่ามันน่ารักดี เราชอบมาก เลยเอามาวาดเป็นรูป

    เราไม่แน่ใจว่าการจะชอบอะไรสักอย่างเราจำเป็นต้องมีเหตุผลไหม แต่เราก็ตัดสินใจถามฟ้าถึงเหตุผลที่ยกให้งานชิ้นนี้เป็นงานที่ชอบที่สุด

    งานที่มีสตอรี่เกี่ยวกับมัน ใช้ความคิดมีที่มาเกี่ยวกับมันก็จะชอบ เราใส่ตัวเองลงไปในงาน มีเรื่องราวบางอย่าง พอเรานึกถึง เราก็จะนึกถึงช่วงเวลานั้นที่เราทำงานนี้ นึกถึงว่าตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนดูงานเราอาจไม่รู้เพราะไม่ได้มีประสบการณ์ตรงนั้นร่วมกันกับเราแต่เรารู้สึกเวลาเราเห็นงานชิ้นนั้นชิ้นนี้ ว่าอันนั้นทำตอนไหน ทำตอนรู้สึกยังไง” ฟ้าเล่า

    จนเมื่อเราคุยกันเสร็จ ฟ้าก็เปิดเพลงที่เธอเลือกทำงานส่งให้เราฟัง ทำนองแบบเด็ก ๆ กับเนื้อเพลงที่ฟังไม่ยากพาเราค่อย ๆ ซึมซับบทเพลงกับงานวาดของฟ้าไปด้วยกัน

    And the rattlesnake said
    "I wish I had hands so I could hug you like a man"
    And then the cactus said, "But don't you understand?"
    "My skin is covered with sharp spikes
    That'll stab you like a thousand knives
    A hug would be nice
    But hug my flower with your eyes"



    หากผลงานศิลปะคือภาพแทนตัวตนความคิด ทัศนคติ อุดมการณ์ และมุมมองต่อโลกของศิลปิน ผลงานภาพการ์ตูนหน้าตาน่ารักสีสันสดใสของฟ้าก็คงเป็นตัวตนของเธอโดยไม่ต้องสงสัย ทั้งลักษณะที่เป็นมิตร เข้ากับคนได้ง่ายแต่ก็ยังแฝงการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นสังคมที่ถูกมองข้ามอย่างตรงไปตรงมา นั่นแหละคืองานของฟ้าและตัวตนของเธอ อย่างน้อยก็ในตอนนี้

    เราคิด

    และดีใจที่วันนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอ


    © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น

    ผู้ให้สัมภาษณ์: พัชชา ชัยมงคลทรัพย์
    ผู้สัมภาษณ์และเรียบเรียง: ชญามญช์ เพิ่มประโยชน์
    ภาพประกอบ: ชญามญช์ เพิ่มประโยชน์, ภาพจากเพจ PHARiLawThe Potential


    ติดตามผลงานอื่น ๆ ของฟ้าได้ที่เพจ PHAR
    ผลงานสืบเนื่องจากรายวิชาศิลปะการเขียนร้อยแก้ว ปีการศึกษา 2562

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in