เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกของ ferneryFernery diary
เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ

  • It's Okay to Not Be Okay ???
    .
    เรื่องย่อ คือพระเอกทำงานในโรงพยาบาลจิตเวชและมีพี่ชายเป็นออทิสติกแม่ถูกฆาตกรรมตั้งแต่ยังเด็ก

    หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่กันสองคนพี่น้องแต่ต้องย้ายที่อยู่ทุกปีซึ่งสาเหตุมาจากการตายของแม่

    ส่วนนางเอกเป็นนักเขียนวรรณกรรมเด็กสายดาร์กที่มีปัญหาทางจิตเพราะมีปมเกี่ยวกับครอบครัวตอนเด็ก

    เป็นซีรีย์ที่ดูหม่นๆเทาๆ ดราม่า(ถ้าใครชอบดราม่าคิมซูฮยอนจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเราคอนเฟิร์มแอบขายของพระเอกคนนี้เล่นฉากดราม่าได้กินใจเล่นดี4มิติคงไม่พอเอาไปเลยล้านมิติ บอกเลยเคยเจอร้องไห้เลเวล100เรื่องก่อนๆหัวใจชั้นจะหยุดเต้น)

    แต่ก็ไม่ได้ดำมืดไปเลย ก็ยังมีฉากตลก และฟินกับความรุกเก่งของนางเอก สวย อร่อย อ่อยเก่งจร้า เฟียซสุด และที่สำคัญนางเอกสวยม๊ากกกกกเอว18สับๆ

    ชุดที่ใส่ก็เริศสวยทุกชุด หลายคนตอนแรกดูเรื่องนี้เพราะพระเอกแต่ดูไปไม่ทันจบอีพีแรกโดนนางเอกตกเฉ๊ย!!! สวยตาแตกมากแม่!!!

    วันนี้เราจะมารีวิวep.7ของเรื่องนี้กันเพราะอีพีนี้รู้สึกทัชใจเรามากซีรีส์รื่องนี้จะใช้ชื่อตอนเป็นชื่อนิทานอีพีนี้ชื่อตอนว่า "เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ"


    เราจะเล่าถึงฉากที่เราซึ้งและชอบในอีพีนี้คือ ฉากที่พระเอกได้ฟังเรื่องราวของผู้ป่วยหญิงคนนึง(ที่มีเรื่องกับนางเอก)ว่าเค้ารู้สึกผิดกับลูกสาวตัวเอง

    แล้วมันทำให้พระเอกนึกย้อนกลับถึงแม่ของเค้าว่าเคยรู้สึกผิดกับเค้าบ้างมั๊ย เพราะแม่พระเอกเคยพูดกับพระเอกว่า..

    "ที่แม่ให้แกไปเรียนวิชาป้องกันตัว ที่แม่คลอดแกออกมาเพื่อให้แกได้ดูแลพี่ชายของแก"

    เนี่ยยยยยยจะไม่ให้ร้องไห้ยังไงไหวนึกถึงถ้าเราเป็นพระเอก มันถูกฝังความคิดมาแล้วว่าชีวิตต้องอยู่เพื่อพี่ชายนะ เป็นเศร้าแม่เอ๊ยยย!!!???

    แล้วตอนหลังพระเอกมารู้ว่าร้านจัมปงที่พี่ชายชอบกินที่แม่พาไปทุกครั้งไม่ใช่เพราะพี่ชายเค้าชอบหรอกแต่เป็นเค้าต่างหากที่ชอบแม่เลยพาไปทุกครั้ง??? ฮือ!!!ไหลมาไม่หยุดยั่งอย่างต่อเนื่อง???

    แล้วภาพก็ย้อนไปให้เห็นว่าที่จริงแม่ก็รักเค้าเหมือนกันแต่เป็นเพราะพี่ชายเป็นแบบนั้นพระเอกเลยคิดว่าแม่สนใจแต่พี่ชายมากกว่า

    มันทำให้เราคิดว่าคนเราอ่ะเวลาที่เราน้อยใจเราจะมองเห็นแต่ด้านที่ทำให้เราเสียใจจนลืมนึกถึงอีกด้านนึงที่เค้าทำให้เราโดยที่เราไม่รู้ตัวเพราะเราไม่ได้สังเกตุหรือแม้แต่จะย้อนกลับไปคิด ก็น่าสงสารทั้งสองฝ่ายเพราะต้องเจ็บปวดพอกัน

    อีกฉากคือฉากที่ผอ.โรงพยาบาลคุยกับผู้ป่วยหญิงคนเดียวกันกับที่พระเอกได้ฟังเค้าพูดถึงลูกสาว ผอ.พูดเป็นเชิงเปรียบเทียบถึงการใช้ชีวิตกับการวิ่งว่า...

    "ถ้าเจ็บก็พักสักหน่อย นั่งพักตรงนั้นสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเป็นแบบนั้นสักวันจะกลับไปวิ่งได้อีกครั้งแน่นอนครับ"

    เราว่าการพักคงหมายถึงการที่เราให้เวลากับตัวเองได้ทบทวนถึงสิ่งต่าง ถ้าเรายังฝืนวิ่งต่อไปทั้งที่รู้ว่ามันเจ็บและแบกความทุกข์นั้นไปตลอดชีวิตเราคงไม่ได้กลับมาวิ่งใหม่อีกครั้งแน่ๆ

    หลังจากนั้นผู้ป่วยหญิงคนนี้ได้เจอกับนางเอกแล้วนางเอกได้ขอสิ่งสำคัญที่เป็นของลูกสาวเธอ 'นางเอกนี่ก็ขยันกวนประสาทเก่งงงง'

    แต่กลายเป็นว่าเธอยอมยกให้แล้วพูดว่า"ชั้นรู้สึกเบาขึ้นเยอะเลยค่ะ" อ้าว!!!เบาเฉย? หยอกๆ มันแสดงถึงว่าเธอได้เลือกที่จะปล่อยวางและไม่ยึดติดกับอดีตอีกต่อไปแล้วไงหล่ะ?? มิสferneryทำไมเธอเก่งอย่างงี้55555++เอิดหน่อยๆ

    สรุปสิ่งที่ได้จากอีพีนี้คือ บางคนใช้ชีวิตเพื่อให้คนอื่นมีความสุขจนลืมวิธีที่ทำให้ตัวเองได้พบเจอกับความสุขที่แท้จริงอย่างที่ใจตัวเองเรียกร้อง

    บางคนยอมให้บางเรื่องฝังใจตัวเองนานเกินไปจนชีวิตไม่มีความสุข แต่หากเราหยุดคิดทบทวนและกล้าที่จะขุดมันขึ้นมาแล้วโยนทิ้งไปมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ขอให้ได้ลองพยายามดูก่อนมันน่าจะดีกว่าที่เราไม่ทำอะไรกับมันเลย

    สู้ๆทั้งตัวฉันและทุกคน??

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in