30 - 2 มิถุนายน 2565
เริ่มต้นอาทิตย์ที่สองด้วยการทำกิจวัตรเดิม คือ ตื่นเช้า กินข้าว และเดินทางไปทำงานที่โรงเรียน ต่อด้วยทำความสะอาดโรงเรียนและต้อนรับเด็ก ๆ ที่เข้ามาก่อนเวลาเริ่มเรียน สิ่งที่สังเกตได้จากวันนี้ก็คือ มีเด็กคนหนึ่งที่จะอ่านหนังสือทุกช่วงเวลาพัก และจะคอยถามครูเสมอว่าอ่านว่ายังไง ช่วงนี้น้องคนนั้นเริ่มอ่านด้วยตนเองได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องคอยนั่งเฝ้าข้าง ๆ และสามารถจำคำยาก ๆ หรือคำย่อที่ไม่เคยอ่านมาก่อนได้
ช่วงนี้มีครูเข้ามาเพิ่มทำให้สามารถดูแลเด็ก ๆ ได้ทั่วถึงมากขึ้น หลังจากทำงานได้สักพักครูแตงโมก็ให้เรากับกมลลองทำสื่อการสอนให้เด็ก เป็นการ์ดคำศัพท์กับจิ๊กซอว์รูปภาพ โดยให้เรากับกมลทำในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายก็เข้ามาที่โรงเรียนเหมือนเดิม
การดูแลเด็ก ๆ ยังคงเป็นไปตามปกติ และมีเด็กใหม่ที่เรายังไม่เคยเจอมาโรงเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย เสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแค่รอย้ายไปที่ใหม่ด้วยกันเท่านั้น
วันสุดท้ายของอาทิตย์ที่สอง ในอาทิตย์นี้มีเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจเราและกมลอย่างมาก สิ่งที่กระทบจิตใจเหล่านั้นทำให้พวกเราต้องกลับมาคิดทบทวนซ้ำ ๆ และหาวิธีแก้ไข ซึ่งก็ทำได้เพียงปล่อยวางมันไปและเริ่มต้นใหม่ในอีกวัน การฝึกงานเพียงแค่สองอาทิตย์กลับทำให้เราเห็นอะไรต่าง ๆ มากมาย และกลายเป็นคนที่ใจเย็นขึ้นจากเดิมมาก เราต้องทำอะไรอย่างมีสติ ไม่งั้นจะเกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไมครูทำได้ หนูทำไม่ได้” ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรในโรงเรียน ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก เพราะถ้าหากเราทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิด จะส่งผลเสียต่อเด็กทุกคนได้ และในทุก ๆ วันเราต้องคอยคิดวิธีแก้ปัญหา วิธีรับมือกับเด็กแต่ละคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะหาเหตุผลหรือวิธีพูดใด ๆ ก็ตาม ทุกอย่างล้วนผ่านความคิดของเรามาแทบทั้งหมด แต่บางครั้งเราก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแต่ว่าควรทำ เช่น การดุเด็ก โดยการใช้น้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจ เพราะเด็กไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ซึ่งวิธีการนี้ครูแตงโมก็รับรู้และบอกว่าการดุอย่างจริงจังเพียงหนึ่งครั้งทำให้เราสามารถมีแรงไปดูแลเด็กคนอื่น ๆ ต่อได้ ซึ่งดีกว่าการคอยตามบอกตลอดทั้งวัน ซึ่งวิธีแบบนั้นจะทำให้เราเหนื่อยและไม่สามารถดูแลเด็กคนอื่น ๆ ต่อได้
การฝึกงานที่โรงเรียนทำให้เรารู้ตัวเองว่า เราชอบที่จะอยู่กับเด็ก คอยดูแล คอยดูการพัฒนาของเขา ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ชอบที่จะสอนหนังสือและให้ความรู้ แต่ไม่ได้ชอบเล่นกับเด็กมากนัก เพราะเราเป็นคนที่ไม่ค่อยวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วด้วย แต่การวิ่งเล่นเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ชื่นชอบและชักชวนให้ทำด้วยมากที่สุด ซึ่งเราก็ชอบที่จะเล่น แต่เป็นเพียงบางกิจกรรมเท่านั้น เพราะเราเล่นด้วยเพียงแค่ไม่กี่รอบก็เหนื่อยแล้ว(ฮ่า) ดังนั้นการเล่นกับเด็กในช่วงเวลาพักจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกมล ส่วนเราก็นั่งอ่านหนังสือนิทานกับเด็กในห้อง
/
การสอนเด็กพิเศษยิ่งทำให้เราสนใจศึกษาเรื่องจิตวิทยามากขึ้นอีกด้วย
เก็บใบไม้ที่ตรงกับรูปร่างมาแปะ
วาดแผนที่
ทำแพ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in