"ฉันว่าช่วงนี้ชีวิตฉันมันแปลกๆไงก็ไม่รู้แฮะ"
ภายในอาคารสูงห้าสิบชั้นกลางนครหลวงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่ที่สถานีโทรทัศน์และรายการบันเทิงต่างๆมักเข้ามาเช่าช่วงเวลาไว้ จู่ๆชิบุทานิ ซูบารุซึ่งยืนพิงผนังห้องรอช่างภาพเซ็ตฉากสีสดให้เหมาะกับการถ่ายนิตยสารกลุ่มคันจานิเอทอยู่ก็พูดเปรยขึ้นมา ทำให้มุราคามิ ชินโงที่กำลังยืนรออยู่เคียงข้างกันนั้นหันไปหา และถามพลางกะพริบดวงตากลมใส
"หืม ยังไง ?"
ผู้ชายร่างเล็กเม้มปากตัดสินหนักว่าจะพูดหรือไม่พูดดี ก่อนจะเสยผมสั้นที่ผ่านการไดร์อย่างดีให้ขึ้นไปจนเห็นใบหน้าหงุดหงิดชัดเจนขึ้น
"ฉันเหมือนกำลังถูกสตอล์ก"
"เหยยย เอาจริงดิ ?"
เพื่อนร่างสูงกว่ากล่าวอย่างตกใจ แต่ก็พยายามระงับเสียงไว้ไม่ให้ดังจนคนอื่นหันมาสงสัย จากนั้นจึงขยับใบหน้าไปใกล้พร้อมบีบเสียงให้เบาลงอีก "เกิดอะไร ? ยังไง ? นายเล่ามาด่วนๆ"
"ตั้งแต่เดือนก่อนฉันเหมือนถูกคนเดินตามเรื่อยๆ คือ แบบที่รู้สึกเหมือนใครตามแต่หันไปก็ไม่เห็น นายเข้าใจอารมณ์ปะ?"
"เออๆ แล้วไงต่อ"
"จากนั้นของๆฉันเหมือนจะหายบ่อยๆ ขนมถุง กระป๋องน้ำที่วางเอาไว้"
"แม่บ้านเก็บไปมั้ง ไม่ก็มารุแหละเอาไปกิน"
"ลิปบาล์ม ฉันก็หาย..."
"แม่บ้านเก็บไปมั้ง ไม่ก็มารุแหละเอาไปกิน"
"ล่าสุดเนี่ย กางเกงในก็หายด้วย"
"แม่บ้านเก็บไปมั้ง ไม่ก็มารุเอาไปกิน.... เอ๋ เดี๋ยวนะ ฉันว่าไม่ใช่แล้ว"
ชินโงถึงกับยกสองมือขึ้นมาเบรคความคิดตัวเองพร้อมกับมุ่นคิ้วหนัก เมื่อเรียกสมาธิได้ด้วยการเอาสองมือขยุ้มผมจนยุ่งยับจึงหันมาพูดต่อ
"ฉันว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริงนี่เรื่องใหญ่เลยนะ คินดะอิจิคงออกมาพูดว่า 'คนร้ายอยู่ในหมู่พวกเรานี่แหละ ขอเอาชื่อหนูเป็นเดิมพัน' แน่ๆเลย"
"ชื่อปู่ต่างหากล่ะเจ้าบ้า"
ซูบารุตวัดมือตบเหม่ง ช่วยตัดมุกเพื่อนที่ดัดเสียงแหววใส่ประโยคเด็ดของนักสืบชื่อดัง เขาพูดต่อหลังจากถอนหายใจหนัก "ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยแฮะ อยากจัดการเงียบๆ"
"ฉันเข้าใจๆ ว่าแต่นายบอกใครไปแล้วบ้างยัง ?"
"ไม่อ่ะ นายคนแรก"
คนตาคมเพยิกหน้าให้ ชินโงประสานมือด้วยแววตาซาบซึ้ง
"นายเชื่อใจฉันสินะ ว่าไม่ได้แอบเอากกน.นายไป"
"เปล่า พอดีว่าตอนกางเกงในฉันหาย นายอยู่จังหวัดอื่น ก็แค่นั้นน่ะ"
เหตุผลที่ว่าดับความภาคภูมิใจของเพื่อนให้ทรุดทันที เจ้าตัวดีหัวเราะก๊ากพลางเดินเข้าไปในฉากเมื่อตากล้องตะโกนเชิญ พลันนัยน์ตากลมที่ปลายตาชี้เชิดอย่างแมวซนๆนั้นก็สบเข้ากับกีต้าร์ไฟฟ้าตัวหนึ่งซึ่งวางอยู่บนโซฟา เขาจำได้ดีว่ามันเป็นตัวที่เคยเก็บเงินซื้อมาอย่างยากลำบากตั้งแต่สมัยยังเป็นจูเนียร์ และสุดท้ายก็มอบให้กับเด็กหนุ่มตัวจ้อยที่มีรอยยิ้มกว้างอันเป็นเอกลักษณ์ ลายเซ็นต์ของเขายังคงประทับอยู่ตรงนั้น
"ไงพวก ไม่เจอกันตั้งนาน เจ้าของนายคิดยังไงถึงเอานายมาถ่ายด้วยล่ะ"
มือบางหยิบเจ้ากีตาร์ไฟฟ้าขึ้นมาอย่างระวัง ก่อนจะตวัดสายมาสะพายมาคล้องคอให้เรียบร้อย เขาเห็นร่องรอยการใช้งานท่ามกลางความสะอาดสะอ้าน ซึ่งบ่งบอกว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี โยโกยามะ ยู ซึ่งนั่งเอกเขนกอยู่ใกล้ๆตอบแทนเจ้าของซึ่งยังคงแต่งตัวอยู่
"เห็นเจ้าเรียวมันบอกว่า หิ้วมาเพื่อจะได้ถ่ายเป็นที่ระลึกวันครบรอบที่มันได้จากนายแหนะ"
"ช่างใส่ใจรายละเอียดชะมัด"
ซูบารุขำเบาในลำคอแล้วลองกวาดตาไปรอบห้อง ว่าจะมีตู้แอมป์ให้ต่อลองเสียงไหม แต่แล้วเสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎกายของมารุยามะ ริวเฮ เจ้าตัวเดินไฮทัชทุกคนตามรายทาง และปั้นหน้าประหลาดตรงดิ่งเข้ามากลางวงอย่างฟูลเอเนอร์จี้ ฝ่ายนั้นกล่าวทักเสียงสูงพร้อมยกแขนสองข้างขึ้น
"เกวี๊ยษษษษษ!!!!! ซูบัจจี้!!!!!"
"กว๊าชชชชชช!!!! มารุชเช่ว!!!"
คนถูกเค้นเสียงและยกมือทั้งสองไฮทัชตอบรับอย่างเต็มที่ไม่ยอมแพ้กัน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิด เมื่อข้อต่อสายสะพายกีต้าร์ตัวเก่ากลับเลื่อนหลุดออกจากขั้ว ส่วนหัวลงกระแทกพื้นแรง แต่นั่นไม่สร้างความเสียหายเท่ากับที่มารุยามะเผลอเหยียบคอมันหักตามจังหวะก้าวพอดี เหตุการณ์น่าสะเทือนใจนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเจ้าของ ที่เดินหล่อเนี๊ยบผมเป๋เรียบแปล้ออกมาจากห้องแต่งตัว
กองถ่ายของคันจานิเอทที่ขึ้นชื่อว่าครื้นเครงและหนวกหูที่สุด เงียบสงัดเป็นป่าช้าทันใด
...................................................
"ไม่เป็นไรหรอกครับ เหตุการณ์ในวันนี้เกิดจากความประมาทของผมเอง"
นิชิคิโด เรียวหันไปบอกคนที่วิสาสะกระโดดตามขึ้นรถยนต์ส่วนตัวมาเพียงเพื่อกล่าวสำนึกผิด ซูบารุอยากจะเนียนรับคำให้อภัยนั้น แต่เจ้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าหน้าตาดีระดับต้นๆของกลุ่มจอห์นนี่นั่น ดันใช้รอยยิ้มประดิษฐ์กับเขาในขณะที่ดวงตาโศกนั่นฉายแววเศร้าชะมัดเนี่ยสิ
"นี่ นิชิกี้~ ให้ฉันซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ให้นายแทนเหอะนะ"
คนอายุมากกว่าส่งเสียงอ้อน พลางเอานิ้วไปไต่เดินหัวไหล่ผู้ที่กำลังขับรถกลับบ้านหลังเลิกงาน "ฉันเลี้ยงข้าวนายแถมด้วยน้า วันนี้วันเกิดนายนี่นา อธิษฐานกับนางฟ้าซูจังสิ อยากได้อะไรฉันเสกให้หมดเลย~"
มันเป็นกิริยาที่มักใช้ได้ผล แต่ไม่รู้เพราะแก่ตัวลงแล้วหรือเปล่า ความแบ๊วเลยไม่ได้ผลกับอีกฝ่าย เสี้ยวหน้าของคนข้างกายเริ่มนิ่งเรียบ และแต่งแต้มขึ้นด้วยการลอบผ่อนลมหายใจออกมาอีกต่างหาก เรียวถึงกับจอดรถตรงไหล่ทางแล้วหันหน้ามาอธิบายช้าชัด
"โกรธก็ส่วนนึง โมโหก็ส่วนนึง เสียใจก็ส่วนหนึ่งนะชิบุทานิซัง คุณรู้ใช่ไหมว่าผมเพิ่งเสียของสำคัญที่คนสำคัญของผมให้มา คุณจะมายื่นข้อเสนอเลี้ยงข้าวหรือจะซื้อกีต้าร์ตัวอื่น มันก็ไม่สามารถทดแทนกันได้หรอกนะครับ"
"เดี๋ยวนะ...ก็นั่นมันก็ของที่ฉันเคยซื้อนี่นา แล้วทำไมฉันจะซื้อใช้คืนให้ไม่ได้ล่ะ"
เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่คนฟังไม่สามารถแปลความภายในประโยคเมื่อครู่ได้ จึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อให้คู่สนทนาหยุดพูดก่อน แล้วค่อยๆวางปลายนิ้วนวดวนบนขมับรวบรวมความคิด เรียวหลุดยิ้มบางขำผู้ที่กำลังเหงื่อแตกพลั่กๆ
"ไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องที่คุณไม่สามารถเข้าใจได้หรอกครับ มันดูน่าเหนื่อยยังไงไม่รู้"
จบคำ ซูบารุงี้ช้อนตาขึ้นมอง แต่เป็นแบบบ๋าวๆขุ่นๆแทนที่จะแบ๊วๆใสๆอย่างเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นโหมดเตรียมซัดคนเต็มที่ คนขับจึงพูดต่ออย่างใจเย็นแม้จะได้รับรังสีที่ว่านั้น
"เป็นของที่รักน่ะครับ ของที่คุณจะมาให้ใหม่มันก็แค่ของใหม่ ไม่มีความรักของผมอยู่ ถ้าอยากให้ของทดแทน คงจะต้องเป็นของที่ผมนึกรักเสมอกันหรือไม่ก็มากกว่าเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องการหรอก"
ปลายประโยคดูแข็งและห้วนขึ้น พาให้ความงงกระจายฟุ้งขึ้นไปอีก บอกกงๆว่าไม่สามารถเข้าถึง ออกแนวงงนิดๆแต่ไม่เข้าใจมากๆ ผู้ชายร่างเล็กพยายามคิดตามแต่เหมือนว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนเกินไป และเมื่อเจ้าคนหน้าตาดีนั่นเห็นใบหน้างงถึงขีดสุด ก็ถอนหายใจใส่ออกมาให้เห็นอย่างจะๆ
"อันที่จริง ตามมารยาท คุณไม่ควรจะไปยุ่งกับมันตั้งแต่ทีแรกเลย"
"...."
"ของสำคัญของผมแท้ๆ"
เหมือนเส้นสติของคนตามง้อจะขาดผึง เขาแผดเสียงขึ้นมาทันที
"หา ? ของรักของนายนั่นมันก็ที่ฉันเคยให้ไม่ใช่เหรอไง? นายนี่มันเข้าใจยากชะมัดเจ้าเด็กบ้า ! ก็ของมันพังไปแล้ว แล้วฉันจะซื้อของใหม่ให้มันผิดตรงไหนวะ แล้วทำไมนายไม่เอา พูดเหมือนกับว่าอะไรก็ทดแทนไม่ได้อย่างนี้แล้วฉันจะเอาอะไรให้นายแทนได้หา ? ให้ฉันแปลงร่างเป็นกีต้าร์เลยเอาไหม ?!"
เสียงตะโกนอย่างขุ่นเคืองที่ดังคับรถค่อยๆจางหาย จากนั้นภาพใบหน้าของผู้ที่กำลังหรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้รอยยิ้มใดกลับก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น เมื่อถูกจ้องแบบนี้คนใจร้อนก็เริ่มจำได้ว่าเรื่องมันเกิดเพราะตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆ ยังจะมีหน้ามาเอาแต่ใจอีก จึงเอานิ้วชี้จิ้มกันแล้วหดร่างลงอย่างจ๋อยๆ
"เอ่อ...."
"ก็ดีครับ งั้นคุณมาเป็นกีต้าร์ให้ผม ตกลงตามนั้น"
เรียวหันไปสตาร์ทรถแล้วขับต่อ ให้คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับตกใจ หันใบใบหน้าเหลอหลาขึ้นมาถามทันที
"ฮ....เฮ้ เอาจริงสิ เฮ้ย เรียว....เดี๊ยว~~~~~~~~~!!!"
...................................................
ตอนนี้คำว่า'นี่มันเรื่องบ้าอะไรฟระ'ลอยเต็มหัวไปหมด...
["อันที่จริงนายค้างบ้านเจ้าเรียวสักพักก็ดี ฉันจะได้ไม่เป็นห่วง"]
ชินโงพูดอย่างสบายใจเมื่อเพื่อนเล่าเรื่องราวการชดใช้ให้ฟังผ่านโทรศัพท์ ระหว่างที่ซูบารุได้แต่นั่งคุกเข่านิ่งอยู่บนเบาะรองนั่งในห้องของเจ้าเด็กคนที่ว่า ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์รอบกายที่เลือกสรรอย่างดี ทั้งยังจัดวางอย่างเป็นระเบียบทำเอาแขกอย่างเขาประหม่า กลัวว่าถ้าหายใจแล้วข้าวของในห้องเปลี่ยนองศา อาจจะทำให้เจ้าของห้องหัวเสียอีก
"เฮ้ ฮินะ นี่ฉันเรียนมวยอยู่นะเนี่ย แต่เจ้าเรียวมันไม่เป็นอะไรเลยนะเฟ้ย นายจะให้ฉันไปฝากผีฝากไข้กับมันทำม๊าย~"
คนตัวเล็กรีบบอกดีกรีเพื่อการันตีการอยู่รอดของตัวเอง ให้คู่สนทนาลากเสียงอืมยาวในลำคอระหว่างนึก แล้วจึงพูดอธิบายกลับอย่างเป็นการเป็นงาน
["มันไม่เกี่ยวน่ะชิบูยัน คนเดียวกับสองคนมันต่างกันเยอะอยู่ สตอล์กเกอร์น่ะมักเลือกคุกคามเหยื่อที่อยู่ตามรำพัง ดังนั้นอยู่กันแบบนี้แหละอุ่นใจดีเผื่อมีอะไรก็จะได้ช่วยกันได้ ว่าแต่นายบอกเขาเรื่องนี้รึยัง ?"]
"ไม่เอาอ่ะ ไม่บอกหมอนั่นหรอก!"
"บอกอะไรรึครับ?"
เจ้าของห้องเดินกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมคำถาม พาให้ชายอีกคนรีบกดวางสายและหันควับกลับไปมองอย่างตื่นตระหนก ดวงตาสีนิลยังคงจับจ้องแขกของเขานิ่งๆพิจารณา และพลันยกยิ้มหวานขึ้นถามอย่างละมุนอีกครา คล้ายกับเพิ่งนึกได้ว่าการปั้นหน้าให้เป็นมิตรนั้นจะสามารถล้วงความลับได้ง่ายกว่า
"คุณมีอะไรอยากจะบอกผมไหมครับ?"
ไม่อยากจะบอกว่า การแสดงออกแบบนั้นมันชวนไม่น่าบอกกว่าเดิมอีก ซูบารุกุมโทรศัพท์แน่นพลางส่ายหัวปฏิเสธเร็ว
"..... อย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นคุณอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจะเตรียมชุดนอนให้" เจ้าของห้องเดินเช็ดผมไปหยิบไดร์มาเป่าเสริมด้วยความเซ็งเล็กน้อยเมื่อเทคสองไม่ได้ผล "คุณอย่าลืมโทรบอกผู้จัดการด้วย ว่าช่วงนี้จะค้างอยู่กับผม"
"'ช่วงนี้'เลยเหรอ ?" คนฟังเน้นคำอย่างไม่เชื่อหู เรียวเลื่อนดวงตาหรี่ปรือมามอง ปิดไดร์แล้วเริ่มพูดช้าชัด
"ของรักของผมที่เฝ้าถนอมอย่างดีมาเป็นสิบปี..."
"โอเค๊! เอาตามนั้นแหละ!"
ซูบารุร้องตัดประโยคขึ้นมาคล้ายโมโหก่อนรีบรี่เข้าห้องน้ำไป เขาไม่ได้นึกโกรธอะไรกับการอารัมภบทกล่าวโทษ เพียงแต่สิ่งที่อยู่ในอกจู่ๆมันก็เต้นรัวขึ้นมาจนน่าอึดอัด ความจริงจังในของที่เขาเคยให้นั้นมันฟังแล้วชวนเขินและประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
ภาพรอยยิ้มกว้างของเด็กน้อยในวันนั้นยามประคองกอดกีต้าร์ตัวเก่า ถูกดึงออกมาจากลิ้นชักแห่งความทรงจำที่ล้ำค่า
"แต่หมอนั้นก็คงดูแลของทุกอย่างดีนั่นแหละ"
ชายหนุ่มบ่นงึมลดค่าตัวเองเพื่อจะได้ทำให้ความยินดีแปลกๆนี้เบาลง พอหัวใจเริ่มสงบจึงกวาดตามองรอบห้องน้ำส่วนแห้งที่เอาไว้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาถอดเสื้อยืดออกมาควงขณะหันหาตะกร้าผ้า พลันดวงตาก็เห็นบางอย่างในนั้นเข้า
"เอ๋ ?"
มือเล็กหยิบชั้นในที่วางอยู่ในตะกร้านั้นขึ้นมาพินิจดู ...มันเหมือนของตัวเองที่หายไปชะมัด หรือเขาจะคิดไปเอง กางเกงในผู้ชายดังๆน่าซื้อใส่มันก็มีไม่กี่ยี่ห้อ แต่เขาจำได้เพราะว่าตรงตะเข็บซ้ายมันมีรูด้ายขาดหน่อยๆ ตอนที่ถอดเข้าถอดออกมันก็จะรำคาญนิ้วเล็กๆ แต่เพราะมันก็ยังใส่ได้เขาเลยไม่ได้ทิ้งมันสักที
...หรือเจ้าเรียวจะเป็นสตอล์กเกอร์...?
"เอาจริงดิ"
แต่จะกล่าวหาลอยๆก็ใช่ที่ ไม่ยุติธรรมกับคนไม่รู้เรื่องราว แต่มันก็มีวิธีพิสูจน์อยู่
...ก็คือลองใส่นั่นแหละ...
".... เอาวะ ลองใส่ทับก็แล้วกัน"
พอตัดสินใจได้ดังนั้น ร่างเล็กก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่จัดแจงถอดกางเกงยีนตัวเองออกให้เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว เขาตัดสินใจคลี่เจ้ากกน.ซึ่งเพิ่งผ่านการใช้งานมาให้อยู่ในทิศทางที่ควรเป็น แล้วก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในวงขากางเกงในอีกฝ่าย พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"ชิบุทานิซัง ผมเอาเสื้อ..."
เรียวเลื่อนประตูออกหลังขออนุญาต เพราะคิดว่ามันก็ผ่านเวลาไปตั้งนาน อีกฝ่ายน่าจะย้ายมวลเข้าไปใช้ห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว แต่ภาพของผู้ที่กำลังทำท่าจะใส่กางเกงในซ้อนสอง ทำให้คนมองผงะจนของที่ถือหลุดออกจากมือ
"ง่า....คือ"
"อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยครับ"
เจ้าของห้องยกมือขึ้นกอดอกทำหน้าซีเรียส ออร่าจริงจังที่แผ่พุ่งและทิ่มแทงอย่างเลเวลสูงนั้น ทำให้ซูบารุตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมด ....
"สตอล์กเกอร์ ....ผมเนี่ยนะ?"
เสียงของผู้ฟังกล่าวเสียงสูง ก่อนหลุดขำออกมาเมื่อคิดถึงวิธีการทดสอบ เรียวเสยผมที่ปรกหน้าผากขึ้นแล้วเปลี่ยนมือเป็นเท้าเอวมองคนที่ยืนกำชั้นในของตัวเขาอยู่
"เมื่อกี้ตอนถอดเล็บผมไปเกี่ยวด้ายตรงตะเข็บมัน เป็นไปได้ว่าล็อตเดียวกันก็อาจจะมีปัญหาแบบเดียวกัน ก็ว่าจะทิ้งอยู่แล้วล่ะครับ แต่คุณจะลองใส่มันดูก่อนก็ได้"
"ง่ะ ไม่เอาแล้วล่ะ คำว่าพิสูจน์มันหมายความว่าต้องทำตอนที่อีกฝ่ายไม่รู้ต่างหาก"
"ฮะฮะ นั่นก็จริงนะ ว่าแต่คุณบอกเรื่องนี้กับใครไปแล้วบ้างล่ะครับ ?"
"ก็นาย ... กับฮินะ สองคน"
ซูบารุชี้นิ้วไปที่คนตรงหน้า ก่อนชูเลขสองขึ้นมาด้วยใบหน้าแบ๊วๆคล้ายเครื่องหมายวิคตอรี่ เรียวหรี่ตามอง
"ของผมนี่ถ้าไม่บังเอิญเจอ ก็คงไม่รู้เรื่องนี้ไปตลอดสินะ" ว่าจบก็ถอนหายใจหนักก่อนหันหน้าไปอีกทาง "นี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด"
"หืม ? เรื่องอะไร"
"สตอล์กเกอร์มั้งครับ" เขากระแทกเสียงประชด
"อันที่จริงฉันก็โอเคอยู่ ของหายพวกนั้นไม่ใช่ของรักฉัน"
การตอบอย่างร่าเริงพร้อมกับแซวอีกคนไปในที พาให้อีกฝ่ายหัวเราะกลั้วขำตามไปด้วยกัน ทว่าเรียวกลับหยุดกึกกลางอากาศ จากนั้นจึงกล่าวช้าชัดเสียงขุ่นเขียว
"ตอนนี้คุณเป็นสมบัติที่อยู่ในความดูแลของผม ผมไม่อนุญาตให้ใครเอากางเกงในของกีตาร์ผมไป จะลิปบาล์ม ฝาน้ำขวด ถึงจะใช้มาเพียงนาทีนึง ผมก็ไม่อนุญาตทั้งนั้นครับ ดังนั้นช่วยดูแลตัวเองให้ดีด้วย"
"...."
ดวงตากลมโตของคนที่ยืนอยู่ในกางเกงในตัวเดียวได้แต่กะพริบปริบๆอย่างไม่เข้าใจ แต่เพราะอย่างนั้นก็ทำให้ผู้ที่เพิ่งประกาศกร้าวเริ่มรู้ตัว แล้วหันไปทางอื่นหลบซ่อนใบหน้าและแววตาที่เขินอายภายใต้มือที่กำลังประคองจมูก
"คุณอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวตัวจะเย็นแล้วเป็นหวัดเสียก่อน"
"อื้อ"
"เดี๋ยวผมจะไปรอคุณที่เตียงนะ"
"อื้อ"
ร่างเล็กพยักหน้ารับอีกครั้ง แต่แล้วเมื่อได้สติก็ต้องรีบเงยหน้ามองตามหลังคนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำไปทันที
...................................................
TBC
ฟิค PG ค่ะพี่น้อง ยืนยัน 555555
อ่านตอนต่อ กด next ที่ด้านล่างได้เลยค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in