หลังจากที่ได้รับมอบหมายงานแรกแบบจริงจังด้วยการให้ทำ Voice drama สิ่งแรกที่เรากับเพืิ่อนจะต้องเริ่มนั่นคือการแต่งโครงเรื่อง ด้วยความที่เป็นการฝึกงานแบบออนไลน์ 100% ในการพูดกับที่ฝึกงาน หรือพูดคุยกับเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกัน จะใช้ Discord เป็นหลัก เรากับเพื่อนก็นัดพูดคุยกันเพื่อช่วยกันแต่งโครงเรื่องออกมา รู้สึกมีความขลุกขลักเล็กน้อยเพราะว่าแนวการเขียนของเรากับเพื่อนต่างกัน เลยตัดสินใจว่าจะยึดโครงเรื่องที่เพื่อนคิดมาใช้เป็นโครงเรื่องหลัก โดยตัวเราก็จะคอยเสนอความคิดเสริมเข้าไปด้วย ใช้เวลาสองถึงสามวันก็ได้โครงเรื่องออกมาจากนั้นพี่เฟิร์นก็มีการนัดคุยงานอีกครั้งเพืิ่อตรวจสอบโครงเรื่องที่ส่งไป โดยพี่เฟิร์นได้ให้คำแนะนำว่าโครงเรื่องค่อนข้างดี มีความสนุกแต่มีรายละเอียดเยอะเกินไปโดย Voice drama ไม่ควรมีความยาวเกิน 30 นาที ดังนั้นข้อแนะนำคือการพยายามตัดทอนส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ปรับเปลี่ยนบทบรรยายให้เป็นบทสนทนามากขึ้น และพี่เฟิร์นก็ยังให้คำแนะนำอีกว่าด้วยความที่เป็น Voice drama หากมีบทบรรยายมากเกินไปผู้ฟังอาจจะเกิดความรู้สึกเบื่อและรู้สึกว่าไม่น่าสนใจได้ ก่อนหน้านี้พวกเรากลัวว่าโครงเรื่องที่หลวมเกินไป จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงช่องว่างในบทได้ และทำให้บทละครดูไม่สมบูรณ์ จึงพยายามเติมที่มา ความเป็นไปของเรื่องจนทำให้มีรายละเอียดที่ไม่จำเป็นจนเยอะเกินไป เป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่แม้ว่าจะเคยเจอมาจากการเรียนแล้ว แต่ก็ยังเกิดความผิดพลาดได้ในการทำงานจริง ดังนั้น
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้วก็มอบหมายให้พวกเรา ก็คือให้พวกเราไปแต่งบทบทสนทนาตัวละคร วางคาแรคเตอร์คร่าว ๆ และนัดอีกคุยกันอีกครั้งในนัดถัดไป
เช่นเดิมเรากับเพื่อนก็คุยกันและนั่งคิดบทให้ตัวละครไปพร้อม ๆ กัน โครงเรื่องที่วางไว้ตอนแรกมีการตัดทอนเนื้อหาที่ไม่จำเป็นไปหลายส่วน เพื่อไม่ให้บทละครนี้นานเกินไป แต่ยังคงไว้ซึ่งโครงเรื่องเดิม ใช้เวลาในการทำงานจริง ๆ ไม่นาน แต่ไปเสียเวลากับการนั่งขำมุกตลกที่เล่นกันเองเสียมากกว่า ด้วยความที่ทั้งเราและเพื่อนชอบดู Tiktok กัน จึงจำบทละครจากภาพยนตร์ ละครช่องมากสีได้หลายบท นั่งคุยกันว่าอยากใช้บทเหล่านี้ แล้วนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับงานที่พวกเราทำอยู่ เป็นการ Parody ในอีกรูปแบบหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีหลาย ๆ มุกที่พวกเราอยากใส่ลงไปในบทพูดของตัวละคร แม้ว่าจะไม่ได้มีการจำกัดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก จึงเลือกตัดออกเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต ส่วนตัวรู้สึกว่างานนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ถึงจะทำออกมาแล้วต้องนำไปปรับเนื้อหาบางส่วนอีก แต่ก็เข้าใจได้ว่าในการทำงานจริง ๆ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะออกมาให้เสร็จสมบูรณ์ภายในครั้งเดียวเลย
ด้วยความที่กลัวว่าจะหมดมุกไม่ค่อยมีเนื้อหาหรือเรื่องอะไรน่าสนใจพอที่จะนำมาเขียนลงบล็อก เราได้สอบถามพี่เฟิร์นว่าในอนาคตอาจจะมีการแคปภาพสไลด์ที่สอนเกี่ยวกับงานต่าง ๆ นำมาลงในบล็อกได้หรือไม่อย่างไร พี่เฟิร์นก็ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเต็มที่ โดยจะช่วยดูว่ามีเนื้อหาส่วนไหนบ้างที่สามารถนำมาลงบล็อกได้ และจะนำสตาฟคนอื่น ๆ มาช่วยให้ความรู้เพิ่มเติมในด้านการทำงาน ที่พวกเราสนใจกัน และจะมีการให้ข้อมูล ความรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำงานต่าง ๆ ของเหล่าวี ดังนั้นใน EP.จะเน้นไปที่อธิบายการทำงานของวีและสตาฟนั่นเองค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in