TW depression, suicidal thoughts
แพรวไม่กล้าอ่านจดหมายที่เธอเขียนถึงพราว จดหมายหลายฉบับถูกเก็บใส่ซองกระดาษสีน้ำตาลที่แพรวแกล้งลืมถึงการมีอยู่ของมันไป
ถึง พราว
เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรให้พราวไม่สบายใจ ถ้าเราทำอะไรผิดไปเราขอโทษ ชีวิตที่กรุงเทพสิ้นหวังและโดดเดี่ยว อากาศร้อนจนเราเป็นไมเกรนทุกวัน หวังว่าอากาศที่นู่นจะเย็นสบายสำหรับพราว ไม่ว่าจะยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่มั้ย เราอยากให้พราวมีความสุขกับทุกๆ ทางเลือกของตัวเอง
ขอส่งกำลังใจให้พราว จากที่ที่สิ้นหวังที่สุดแห่งหนึ่งบนโลก
แพรว
.
แพรวนั่งเรียงกองกระดาษรูปตา ภาพเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกขนลุกน้อยลงเมื่อมานั่งมองในเวลากลางวัน ในกองกระดาษเหล่านั้นมีซองจดหมายติดมาด้วย เป็นซองเดียวกับที่เธอเห็นเมื่อเปิดกล่อง แต่ความตื่นตระหนกทำเอาแพรวลืมการมีอยู่ของมันไป
ถึง แพรว
ที่นี่ตอนนี้หนาวและเปียก น้ำหมึกและน้ำตาละลายไปกับสายฝน หิมะสีขาวบริสุทธิ์เหลือเพียงน้ำเย็นๆ บนถนนสีดำและสกปรก ปีใหม่พึ่งผ่านไปได้ไม่นาน ความรู้สึกหลังเทศกาลหดหู่เสมอ หวังว่าเธอจะสบายดีแม้ไม่มีเราในชีวิต แม้ประเทศไทยจะเป็นสถานที่ที่ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้กับพวกเรา
เรายังอยากกลับไปเสมอ แม้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้อาจะทำให้เราไม่ได้เจอกันอีก แต่เราอยากแพรวมีความหวังเสมอ ขอให้แพรวจงมีชีวิตของตัวเอง อย่ารอเรา จดหมายนี้อาจมาถึงแพรวช้าเกินไป หวังว่าเธอจะดูแลตัวเองได้ดีกว่าที่เราดูแลตัวเองที่นี่
ขอโทษที่หายไป เราคิดถึงแพรวเสมอ
พราว
จดหมายไม่ได้ลงวันที่ไว้ แต่จากการคาดเดาในเนื้อหา น่าจะเขียนขึ้นในช่วงที่พราวเริ่มที่จะเลิกติดต่อเธอ จดหมายของพราวทำให้เธอรู้สึกว่าพราวกำลังเจอ —หรือเคยเจอ เหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่าการถูกเพื่อนทิ้งมาก แพรวรู้สึกผิดที่เธอช่วยอะไรพราวไม่ได้ ไม่แม้แต่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
.
จดหมายของพราวไม่ได้ช่วยให้แพรวรู้สึกดีขึ้นจริงๆ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองผ่านจุดที่ทำใจได้แล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็ถูกกระชากกลับมาในความเป็นจริงที่โหดร้ายกว่าเดิม แพรวได้แต่สงสัยว่าพราวยังมีชีวิตอยู่ไหม
เมื่อคิดถึงแล้วทำอะไรไม่ได้ แพรวหยิบหนังสือของ Emily Dickinson มาเปิดออกดู แพรวกรีดมือไปหน้าหนังสือ เพื่อหาหน้าที่พับหรือคั่นไว้
แพรวคาดหวังว่าจะเจอบท “Hope” is the thing with feathers แต่หน้าที่เธอเปิดสุ่มเจอมุมพับไว้กลับเป็น—
Bereaved of all, I went abroad,
No less bereaved to be
Upon a new peninsula, —
The grave preceded me,
บทกลอนกล่าวถึงความตายต่อไปอีกสองสามท่อน แพรวปิดหนังสือ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่เหมือนกับว่าความรู้สึกสิ้นหวังและการคิดถึงความตายจะคู่ขนานไประหว่างเธอและพราว
.
แพรวลืมวันลืมคืน เธอเก็บตัวอยู่ในห้อง ละเลยมือถือ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ผมเอง” เสียงของแทนดังลอดออกมา
แพรวเดินไปเปิดประตู สภาพเธอดูไม่ได้ เหมือนว่าเธอจะลืมแม้กระทั่งนัดหมายกับนักจิตบำบัด แพรวเปิดประตูให้แทนเข้ามา ในมือมีขวดใสใส่น้ำสีเหลืองทอง ไอเย็นเกาะพราว
“เหล้าบ๊วยหรอ” แพรวถาม รู้สึกตื่นตัวขึ้นมานิดหน่อย
“ไม่ใช่หรอก ผมคิดว่าน้ำแอปเปิลสะกัดเย็นน่าจะดีกับคุณมากกว่า” แทนวางขวดน้ำแอปเปิลไว้บนที่รองแก้ว ไอน้ำรวมตัวกันเป็นหยดน้ำเม็ดใหญ่ ไหลมากองที่รอบๆ ก้นขวด
“ห้ามแอบเติมจิน” แทนพูดเสริมขึ้นมายิ้มๆ
แพรวไม่รู้จะพูดอะไร เธอไม่รู้จะเริ่มต้นเรื่องทั้งหมดนี้แล้วเล่าให้แทนฟังได้อย่างไรเขาถึงจะเข้าใจแล้วไม่คิดว่าเธอเองคือคนที่บ้า
เหมือนกับว่าใบหน้าของเธอจะตึงเครียดจนแทนอ่านความคิดได้
“ไม่ต้องเล่าอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากเห็นว่าเพื่อนข้างห้องผมยังสบายดีอยู่ เรายังมีเวลาคุยกันอีกนาน ผมพึ่งต่อสัญญาห้องไป ตอนแรกว่าจะกลับบ้านที่กระบี่ แต่งานช่วงนี้เข้ามาเยอะ เลยอยู่ต่อได้อีกหน่อย”
กลายเป็นแทนที่พูดยาวเสียเอง แพรวนิ่งคิด แม้แต่เพื่อนบ้านเธอก็จะไม่อยู่ข้างๆ ตลอดไปหรือนี่ แพรวถอนหายใจ ไม่แน่ใจว่าโล่งใจที่แทนอยู่ต่อหรือเสียใจที่ห้องข้างๆ ไม่ได้มีชื่อแทนเป็นเจ้าของห้อง แม้แต่เพื่อนบ้านก็จะไม่อยู่กับเธอตลอดไป
แพรวมัวแต่เหม่อมองที่หน้าต่างระหว่างคิด หันกลับมาอีกทีแทนก็หายไปแล้ว เหลือเพียงประตูเปิดอ้าว่างเปล่า แพรวใจหายวูบ แต่เพียงไม่กี่วินาทีแทนก็กลับมาพร้อมกับดอกไม้ช่อเล็กๆ
ในมือเขาเป็นดอกทิวลิปสีขาวเพียงดอกเดียว ลมหายใจแพรวสะดุดกึก เมื่อวานเธอพึ่งฝันถึงดอกเบญจมาศน่ากลัวสีแดง และยังเจอดอกไม้แห้งในหนังสืออีก แพรวมองแทนอย่างไม่เข้าใจ สมองเชื่องช้าจากการหลับไม่สนิท
“ผมว่าหน้าตามันน่ารักดีน่ะ ผมอยากได้เอง แต่ซื้อมาเผื่อคุณแพรวด้วย หวังว่าจะทำให้คุณสดชื่นมากขึ้น”
.
ตกเย็น แพรวนั่งมองพระอาทิตย์ตกจากโต๊ะกินข้าว ดอกทิวลิปสีขาว 1 ดอกปักอยู่ในแจกันข้างๆ ความเรียบง่ายของกลีบดอกทำให้เธอสงบลงจริงๆ แสงแดดยามเย็นสาดจนขอบของกลีบดอกทิวลิปเป็นสีส้ม เธอจ้องมองดอกทิวลิปยาวนาน พยายามจดจำความเรียบง่ายนี้เอาไว้ แล้วลบภาพดอกเบญมาศสีเลือดในใจออกไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in