อ้าว นึกว่างานเลี้ยงเปิดเทอมฮอกวอตส์ เราจะจริงจังแล้ว(เปิดโหมดซีเรียส)
ตอนมอต้นเราอยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมากกกกถึงมากที่สุด รุ่นพี่ที่โรงเรียนก็ไป AFS กันตรึม แน่นอนว่าประเทศที่อยากไปนั่นก็คือ USA เหตุผลก็คือ
- อยากฝึกภาษาอังกฤษ วี้ดว้ายย นี่คือเหตุที่จริงจังที่สุด ดังนั้นเราเอาเลยไว้ข้อแรก
- อยากใช้ชีวิต high school แบบวัยรุ่นอเมริกัน อยากรู้ว่ามันจะเหมือนในภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ทั้งหลายที่เคยดูมาไหม เราต้องการไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ไม่ใช่แค่ไปเที่ยวเป็น trip 5วัน10วัน ไม่ต้องการแบบน้านนนนนน
- อะแฮ่ม เที่ยวค่ะ เราอยากเที่ยว อยากตามรอย Percy Jackson อ่าน 5 เล่มแรก โลเคชั่นคือสหรัฐอเมริกาทั้งนั้น อยากจะ road trip ตามรอยตั้งแต่ฝั่งตะวันออกไปยังตะวันตก
wallpaper มือถือช่วงเตรียมสอบ
เหตุผลหลักๆก็แค่นี้เอง แต่ว่าสุดท้ายเราไม่ได้ไปแลกเปลี่ยน สอบติดนะแต่ค่าใช้จ่ายต่างๆช่างมากมายยิ่งนัก (lie down, try not to cry) ไว้ทำงานเก็บเงินไปเที่ยวแทนก็ล่าย
เราก็แค่อยากเล่าถึงความฝันตอนมอต้นน่ะ
พอขึ้นประมาณม.4เทอม2ก็เริ่มมองอะไรที่มันไกลกว่านั้น ไม่สมัคร AFS แล้วสอบไป 2 ปีแล้ว เห็นพี่ๆที่จบไปมาแนะแนวนู่นนี่นั่นโน่นเยอะแยะไปหมด ก็เริ่มคิดเรื่องการสอบเข้ามหาลัย ต่างจากตอนมอต้นคิดแต่เพียงว่าขอได้ไปแลกเปลี่ยนเมกาพอ มหาลัยค่อยว่ากัน
เรามุ่งมั่นตั้งใจจะสอบเข้าหมอไม่ก็ทันตะ สายแพทย์พอ เหตุผลก็คือดูซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง Doctor Stranger ชอบจงซอกก็เลยดูเรื่องนี้ระหว่างรอ Pinocchio ออนแอร์ แล้วฉากผ่าตัดหัวใจมันดีงามมากกกกก หมอเวลาผ่าตัดเท่มาก เสื้อกาวน์มันดูเท่มากๆ เหตุผลมีแค่นี้แหละ ดูไร้สาระสินะ
แต่เราไม่ได้เรียนหมอนะทุกคน สอบไม่ติด
แล้วเป็นไงต่อ
สิ่งที่สำคัญมากก็คือการค้นหาตัวเองให้เจอว่าเราชอบอะไร เราเก่งด้านไหน ยิ่งหาเจอเร็วยิ่งได้เปรียบ เราเป็นคนนึงที่รู้ตัวช้าเกินไปมาก กว่าจะมั่นใจ 100% ว่าตัวเองต้องการเรียนคณะอะไรกันแน่ก็เกือบๆกลางม.6 เทอม2 ซึ่งสอบ GatPat 1/2560 ไปเรียบร้อยแล้ว สมัครกสพท.เสร็จสรรพ โควต้ามช.ก็สมัครของสายวิทย์ไป ไม่พอ ปิดเทอมตุลาก่อนสอบ GatPat ยังนั่งเรียนหมอบีม genetic หวังไปสอบวิชาสามัญอยู่เลย คิดดูทุกคน เราไม่พร้อมสำหรับการสอบแค่ไหน
ในที่สุดก็รู้ตัวซักทีว่าอยากเรียนอะไร นั่นก็คืออักษรจุฬานั่นเองค่าทุกคนนนน รู้ตัวว่าชอบภาษาและถนัดด้านภาษามากกว่าสายวิทย์มานานแล้ว แต่ดั้นด้นเรียนวิทย์คณิตมาตลอด3ปี
ผลของการรู้ตัวช้าก็คือตลอดมอปลายที่ผ่านมาเราเรียนพิเศษตามสถาบันต่างๆไปเราไม่ได้เอามาใช้เลย เราไม่ได้อยากเป็นหมอหรือทันแพทย์แล้ว ความถนัดแพทย์คือทริปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนชัดๆ 9วิชาสามัญก็เหมือนกับทิ้งเงินไปเลยสี่ร้อยบาท เราต้องการใช้แค่3วิชายื่นรับตรงอักษร(รวมคะแนนแล้วห่วยเกินไม่กล้ายื่นจ่ะ 555555) มาอ่านจริงจังก่อน o-net และ GatPat 2/2560 แปปเดียวนี่เอง
เราสละสิทธิ์โควต้ามช(เลือกทันตะกับนิติ ติดนิติ)เพื่อรอแอดมิชชั่น แน่นอนว่าเลือกอักษร จุฬาอันแรกแน่นอน ขอทำตามความฝันหน่อยเหอะ คะแนนติดลบหลักร้อย ชั้นยังไม่หมดหวัง(แม้ว่าจะโอกาสจะริบหรี่พอควร) ผลแอดมิชชั่นออกมาเราติดศิลปศาสตร์ มธ ที่เลือกเป็นอันดับสองแทน ซึ่งเราแฮปปี้กับมันมาก
ทำในสิ่งที่ตัวเราจะไม่มานั่งเสียใจภายหลัง
เวลาเราบอกใครว่าเคยสอบหมอนะอยากเป็นหมอ เกือบทุกคนจะตกใจเล็กน้อย ก็ตอนนี้เราเรียนคณะศิลปศาสตร์นี่นา แล้วก็เกือบทุกคนที่จะถามเราว่าเสียใจที่สอบไม่ติดไหม เราก็ตอบไปว่า "ไม่อะ ไม่เคยเสียใจ" พอได้ยินแบบนี้ก็มักจะแสดงสีหน้าไม่ค่อยเชื่อเราเท่าไหร่ เราไม่เสียใจที่สอบไม่ติดจริงๆ เรารู้ผลก่อนสอบอีกว่าไม่มีทางติดแน่นอน แต่เราเสียใจที่เราไม่พยายามมากกว่า ไม่ว่าจะอ่านหนังสือหรือทำโจทย์เราไม่จริงจังกับมันอย่างที่ควรจะเป็นเลย เราเขียนหมดว่าตอนนี้เหลือกี่วันจะสอบ วันนี้จะอ่านวิชาอะไร จะต้องทำคะแนนวิชานี้ได้เท่าไหร่ แต่เรากลับไม่ลงมือทำ
PLAN
PLAN
PLAN
PLAN
ACTION
สำหรับน้องม.6บางคนที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนอะไรกันแน่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ไม่ว่าช้าหรือเร็วขอให้มันใช่ก็พอ ส่วนใครที่มีเป้าหมายแล้วก็พุ่งชนเลย!!!! ขอแค่เราเลือกในสิ่งที่ชอบและเต็มที่กับมัน เราเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เราพยายามเต็มที่แล้วผลลัพธ์จะออกมาแย่ เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยมันเหนื่อย มันไม่สนุกหรอก แต่จำไว้มันไม่มีที่ให้ loser หรอกนะ
เอ้อ สุดท้ายนี้อยากรู้ว่าสอบติดมีความสุขกว่าเรียนจบจริงรึเปล่า ไว้จบปีสี่แล้วเราจะให้คำตอบนะ
STOP WISHING.
START DOING.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in