ปกติ "ความใหม่" ที่เราเคยเจอมักจะมาในสเกลที่ไม่ใหญ่มาก เช่น ย้ายโรงเรียน ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศระยะสั้น ๆ มันพอปรับตัวได้ อาจจะด้วยความที่เราชอบไปเที่ยวค่ายตอนเรายังเด็ก ๆ จริง ๆ เราก็ไม่ได้ชอบไปงานค่ายขนาดนั้น แต่แม่บอกว่าไปแล้วมันจะดีกับเรา ด้วยความที่เรายังเด็ก
เราก็เชื่อ
แล้วมันก็ดีกับเราจริง ๆ นะ
มันฝึกให้เราได้ลองใช้ชีิวิตกับคนอื่น จากปกติที่เราเคยใช้ชีวิตกับครอบครัว แทบจะไม่ต้องทำอะไรเอง การไปค่ายทำให้เรารู้จักทำอะไรด้วยตัวเองสักที ทุกอย่างคืออยู่บนความรับผิดชอบของเรา เราต้องดูแลตัวเอง ถึงแม้ว่าในค่ายจะมีคนคอยดูแลหรือมีพี่เลี้ยง แต่ถึงเวลาจริง ๆ เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเองอยู่ดี
เพราะไม่มีใครอยู่ดูแลเราได้ตลอด
น่าแปลกนะ พอเรากลับมาอยู่บ้านจริง ๆ ถ้ามีปัญหาอะไร เรามักจะขอให้คนในบ้านมาช่วยก่อนแทบจะทุกครั้ง
กลายเป็นว่าเรากลายเป็นคนที่จริง ๆ ทำอะไรไม่เป็นเลย ทุกอย่างดูใหม่หมดเมื่ออยู่ที่บ้าน แต่พออกนอกบ้าน หรือออกมาใช้ชีวิตเอง เราจะทำเป็นแทบทุกอย่างที่เราพอจะทำได้และอยากทำ มันเหมือนกับว่าเราต้องสร้างเกราะป้องกันให้ตัวเอง แต่พอเรากลับไปอยู่ในสถานที่ที่เรารู้สึกปลอดภัย เกราะพวกนั้นก็จะหายไปแทบจะทันที
แต่กับความใหม่ในการใช้ชีวิตมหาลัยครั้งนี้ มันบีบบังคับให้เราต้องสร้างเกราะตลอดเวลา ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้กลับบ้านเลย แต่ชีวิตของเราตอนนี้ถูกผูกติดไว้กับที่นี่มากขึ้นและมากขึ้น ด้วยภาระและหน้าที่หลาย ๆ อย่าง
และอีกหนึ่งความใหม่ของการมาใช้ชีวิตมหาลัยคือ เราต้องพบเจอกับคนใหม่ ๆ มากมายเต็มไปหมด เพื่อนก็มีนะ ก็สนิทพอสมควร แต่คนที่ถึงกับไปไหนมาไหนด้วยยังไม่มีแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็พอเข้าใจว่าชีวิตแบบนี้เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวนะ แต่ก็อยากได้ใครสักคนมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนกันในช่วงปรับตัวก่อน
ในหลายครั้งเราก็ต้องเจอกับคนที่เราไม่อยากเจอ คุยกับคนที่ไม่อยากคุย และต้องทำงานร่วมกับเขาด้วยระดับความเข้มข้นและสมจริงที่มากกว่าตอนสมัยอยู่มอปลาย ตอนมอปลายเราไม่ชอบใคร หรือไม่อยากยุ่งกับใคร เราก็ยังพอหาวิธีเลี่ยงได้มากกว่าตอนนี้
เฮ้อ
เขียนไปเขียนมา ใหม่ มันก็ไม่ได้ดีกว่า เก่า เท่าไหร่แฮะ
แต่ถ้าไม่เจอ ใหม่ ก็คงจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม
บางครั้งก็อยากกลับไปเจอความ เก่า เหมือนกันนะ
อย่างน้อยเราก็คุ้นเคยกัน
...
/เหนื่อยแล้ว
/จบแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in