Kajillionaire เล่าเรื่องของครอบครัว Dyne ที่เป็นแก๊งต้มตุ๋น หลอกเอาเงินคนอื่น ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากความจนนั้นแหละ หนังเลือกหยิบสเปกตรัมความยากจนแบบที่ไม่ใช่จน เครียด กินเหล้า หรือจนแบบหมดหนทางซังกะตาย ครอบครัว Dyne จนแบบสู้ชีวิต หลอกเอาเงินชาวบ้านแบบใช้ความสามารถ สมาชิกครอบครัวเองดูภายนอกก็เหมือนเป็นประชากรในเมืองใหญ่ทั่วไป สามารถเข้าสังคม ซื้อของ ทานอาหารในร้านอาหารหรูๆ ได้ แถมยังสามารถ ‘ทำตัว’ เหมือนเป็นครอบครัวปกติได้ด้วยซ้ำ
เซตติ้งลอส แอนเจลิส เมืองที่ใหญ่ติดอันดับ top 5 ของประเทศเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก หนังไม่ได้เล่าว่าครอบครัว Dyne จนได้ยังไง แต่มันเป็นเรื่องปกติมากของเมืองใหญ่ๆ ในอเมริกาที่จะมีปัญหาอาชญากรรมและความเหลื่อมล้ำ เช่นปัญหาการเข้าถึงอาชีพ ค่าแรงไม่ตอบโจทย์กับค่าครองชีพ ปัญหาการเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ที่จับต้องได้ ฯลฯ) สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนให้คนจนต้องสู้ชีวิต ทำทุกทางให้ตัวเองอยู่รอด
จากปัญหาคนจน ผู้ปกครองจน มันก็ส่งผลมาสู่ลูก ลูกบางคนติดยา แต่ Old Dolio ถึงจะ 26 แล้วแต่ก็ยังติดพ่อแม่ ชีวิตถูกเลี้ยงมาในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูแบบลูก เข้าสังคมที่นอกเหนือจากการไปหลอกเงินชาวบ้านได้แบบประดักประเดิด แถมหวาดกลัวการสัมผัสหรือความใกล้ชิด ซึ่งอย่างหลังมันมาชัดเจนขึ้นมากเมื่อบุคคลที่สามอย่าง Melanie โผล่ขึ้นมาในสมการ
Melanie เป็น catalyst ให้กับครอบครัว Dyne เป็นอย่างมาก การมาของเธอส่งผลต่อทั้งตัวพ่อแม่ และลูกอย่าง Old Dalio ภายนอกเธอดูเป็นสาวสังคม ร่าเริงอิสระ แต่จริงๆ แล้วเธอก็มีปัญหาของเธอ Melanie รู้สึกเข้ากับแม่ไม่ติด รู้สึกเหมือนเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งที่แอลเอ เราชอบที่ให้ Melanie มาจากเมืองใหญ่และมาอยู่ในเมืองใหญ่ มันดูขับความอ้างว้างของเธอให้ดูชัดเจนโดยที่เธอไม่ต้องพูดหรือแสดงออกมาเลยด้วยซ้ำ
หนังเล่ามุมมองของฝ่ายพ่อแม่น้อยมาก ส่วนมากหนังจะสื่อสารกับเราผ่านสิ่งที่พ่อแม่ของ Old Dolio (หรือแม่ของ Melanie) ทำ แล้วเป็นตัวขับเคลื่อนให้สองสาวดำเนินเรื่องไป ซึ่งเราชอบมากๆ เรามองว่าเพราะสังคม สภาพแวดล้อม และคนรอบตัว ทำให้ตัวละครสองคนนี้เหมือนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน และเข้าใจหัวอกของกันและกัน จนสามารถปลอบประโลมหัวใจที่โดดเดี่ยวของทั้งคู่ได้ Gina Rodriguez กับ Evan Rachel Wood ถ่ายทอดมันออกมาได้ดีมากๆ แถมเคมีเข้ากันมากกก
ขอไม่สปอยเนื้อหาของ Kajillionaire แล้วกัน ส่วนตัวรู้สึกว่าชุบชูหัวใจเรามาก มีหลายซีนที่ชอบมากๆ หรือแม้แต่ซีนที่ทำให้เสียน้ำตาแบบไม่รู้ตัว โดยสรุปแล้วเราชอบบริบททั้งหมดทั้งมวลของหนังที่เล่าเรื่องความโดดเดี่ยว ปัญหาครอบครัว มนุษย์ผู้เป็นสัตว์สังคม สภาพบ้านเมือง ได้ออกมาอย่างลงตัว แม้แต่เพลงหรือเซตติ้ง เสื้อผ้าหน้าผม cinematography มันลงเอยเหมาะเจาะไปหมด ยิ่งตอนจบมันรู้สึกสมบูรณ์และอบอุ่นในตัวมันเองมาก
.
.
ชอบหนังที่ทำให้รู้สึกขอบคุณในการมีชีวิตอยู่แบบนี้จัง : )
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in